โครงการจัดหาบ้านเพื่อให้คนไทยมีที่อยู่อาศัย มีความมั่นคงในชีวิต มีมาทุกยุครัฐบาล
1. สมัยรัฐบาลลุงตู่ มีโครงการดีๆ เช่น แฟลตดินแดง บ้านสุขประชา บ้านมั่นคง
บ้านมั่นคง : คลองลาดพร้าว
บ้านมั่นคง : คลองเปรมประชา
บ้านมั่นคง : คลองบางซื่อ
โครงการบ้านล้านหลัง
บ้านเช่าทั่วไทย 999 บาท/เดือน ฯลฯ
2. สมัยรัฐบาลทักษิณ มีโครงการบ้านเอื้ออาทรมีทุกภูมิภาค
มีทั้งสำเร็จ และล้มเหลว
บางโครงการ ปัจจุบัน มีผู้อยู่อาศัยเต็ม ราคาตลาดสูงกว่าเดิม
บางโครงการทิ้งร้าง เพราะทำเลห่างไกลแห่งทำงาน
บางโครงการไม่สำเร็จ เพราะผู้รับเหมาทิ้งงาน มีการฟ้องร้องดำเนินคดี กลายเป็นซากบ้าน เช่น โครงการที่สุไหงโก-ลก
ประการสำคัญ การดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรยุครัฐบาลทักษิณ มีการทุจริตประพฤติมิชอบ เรียกรับเงินค่าหัวคิว แลกกับโควตาก่อสร้างโครงการ กระทั่งนายวัฒนา เมืองสุข เสี่ยเปี๋ยง และพวก ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 50 ปี
3. โดยหลักการ โครงการจัดหาบ้านให้คนมีรายได้น้อยเข้าถึงปัจจัย 4 ปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีวิต ย่อมเป็นเรื่องดี ที่สมควรสนับสนุน
แต่จะต้องมิให้เกิดการทุจริตโกงกิน ไม่ว่าจะการฮั้วประมูลก่อสร้าง การเรียกเงินสินบน การสวมสิทธิ หรือการมีผลประโยชน์ทับซ้อนของเจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้อง
4. เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์แถลงเปิดตัว และให้เริ่มจองโครงการบ้านเพื่อคนไทย
ปรากฏว่า ได้รับเสียงตอบรับล้นหลาม
โดยมีประชาชนเข้าเว็บ “บ้านเพื่อคนไทย” ทะลักกว่า 31 ล้านครั้ง
ลงทะเบียนจอง 152,864 ราย
ผ่านคุณสมบัติ 49,844ราย
พื้นที่สุดฮิต ได้แก่ กม.11(วิภาวดี) ตามด้วยเชียงใหม่/ธนบุรี และเชียงราก
นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ยืนยันว่า ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (2560-2579) พบว่า จำนวนครัวเรือนในประเทศไทย 21.32 ล้านครัวเรือน มีคนไทยถึง 27.5% หรือ 5.87 ล้านครัวเรือนที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองและปัจจุบันบ้านที่มีคุณภาพสูง ในทำเลที่ดี มีราคาค่อนข้างแพง และใช้ต้องเงินดาวน์ ทำให้ความฝันที่จะมีบ้านเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือ First Jobberดังนั้น รัฐบาลจึงทำโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย”
ดำเนินการสร้างที่อยู่อาศัย ทั้งรูปแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม
โดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ ผ่อนรายเดือนไม่สูง และมีคุณภาพดี เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ มีบ้านของตัวเอง และลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น
5. จะเห็นว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทย เป็นการดำเนินการเพื่อให้บรรลุตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (2560-2579)
ซึ่งก็คือแผนยุทธศาสตร์ที่ทำขึ้นในสมัยรัฐบาลลุงตู่
วิธีการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน คือ นำที่ดินรัฐ มาสร้างประโยชน์สูงสุด
โดยนำที่ดินของ ร.ฟ.ท. มาสร้างที่อยู่อาศัย เพิ่มให้คนไทยที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน เช่าระยะยาว 99 ปีพร้อมมีเฟอร์นิเจอร์บางส่วนให้ด้วย
โดยทำเลที่ตั้งโครงการ จะอยู่ตามแนวระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เพื่อให้สะดวกในการเดินทางไปทำงาน
และสอดคล้องกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล ที่จะช่วยลดภาระค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
โครงการนำ 4 แห่ง รวม 5,000 ยูนิต ได้แก่
1) พื้นที่บริเวณพหลโยธินนิคมรถไฟ กม.11 มีขนาดพื้นที่ 38 ไร่
2) พื้นที่สถานีเชียงราก มีขนาดพื้นที่ 5 ไร่
3) พื้นที่สถานีธนบุรี มีขนาดเนื้อที่ 23 ไร่
และ 4) พื้นที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ มีขนาดพื้นที่ 75 ไร่
ทั้งหมด เป็นทำเลที่เชื่อมต่อกับระบบรถไฟ หรือรถไฟฟ้าทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้ จึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
คนแห่เข้าไปจองถล่มทลายจนเว็บล่ม
6. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (บริษัทที่ ร.ฟ.ท.ตั้งขึ้นมา) ได้พัฒนารูปแบบบ้านในโครงการฯ ให้เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย โดยออกแบบเป็น 4 โซนเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของประชาชนในพื้นที่นั้นๆ
“1. โซนเมือง (Urban Zone) ตั้งอยู่ใกล้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และแนวรถไฟฟ้า จะสร้างในลักษณะคอนโดมิเนียมสูง 8 - 15 ชั้น ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน พร้อมสวนสาธารณะ ฟิตเนส และพื้นที่พักผ่อน กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ที่ทำงานในเมืองและต้องการเดินทางสะดวก
2. โซนชานเมือง (Suburban Zone) บริเวณแนวเส้นทางรถไฟสายชานเมือง เช่น สายสีแดง และพื้นที่ใกล้สถานี จะสร้างในลักษณะรูปแบบบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น เป็นบ้านแฝด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก สวนสาธารณะ ตลาดชุมชน พื้นที่เล่นสำหรับเด็ก กลุ่มเป้าหมาย คือ ครอบครัวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
3. โซนภูมิภาค (Regional Zone) ใกล้สถานีรถไฟในหัวเมืองสำคัญ เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ จะสร้างในลักษณะบ้านเดี่ยว 1 - 2 ชั้น เป็นบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเฉพาะทาง ศูนย์สุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ พื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง สถานที่จัดกิจกรรมชุมชน
4. โซนอุตสาหกรรม (Industrial Zone) ใกล้พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น อีอีซี (EEC) จะสร้างในลักษณะแบบบ้านที่เป็นหอพักและอพาร์ตเมนต์สำหรับผู้ทำงาน มีลักษณะเป็นบ้านแถว ราคาย่อมเยา มีสิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์อาหารและร้านสะดวกซื้อ และบริการรถรับส่ง
โดยมีรูปแบบโครงการที่พักอาศัยในระยะแรก 2 ประเภท ได้แก่
1. คอนโดมิเนียม แบ่งเป็น ห้องพัก 30 ตารางเมตร (1 ห้องนอน) ห้องพัก 40 ตารางเมตร (2 ห้องนอน) ห้องพัก 45 ตารางเมตร (2 ห้องนอน) และห้องพัก 51 ตารางเมตร (2 ห้องนอน)
2.บ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาด 50 ตารางเมตร บนที่ดิน 50 ตารางวา”
สะท้อนให้เห็นภาพวิธีคิดในการพัฒนาโครงการที่คำนึงถึงความสะดวกต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของประชาชนจริงๆ ด้วย มิใช่คิดแค่สร้างบ้าน หรือหางานให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง
7. หากกำกับดูแลมิให้เกิดการทุจริต หรือสวมสิทธิ เชื่อว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทยจะเป็นโครงการที่ประชาชนได้ประโยชน์ ควรได้รับการสนับสนุนต่อไป
เป็นการนำทรัพยากรของรัฐ (ที่ดินรถไฟ) มาทำโครงการเพื่อประโยชน์จองประชาชน และระบบเศรษฐกิจส่วนรวม แทนที่จะเอาไปทำการค้าพาณิชย์อย่างดียว
เป็นการอุดช่องโหว่ที่ประชาชนจำนวนมากมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะซื้อโครงการของเอกชนตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งมีราคาแพง ต้องมีรายได้สูงๆ
นอกจากนี้ เป็นโครงการที่สานต่อตามแนวทางยุทธศาสตร์เดิม คือ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (2560-2579) ทำให้การพัฒนาของประเทศชาติส่วนรวมไม่ขาดตอน
ขอชื่นชม และขอสนับสนุนให้ผลักดันโครงการ ขยายเพิ่มเติมให้ประชาชนได้เข้าถึงมากขึ้นต่อไปอีก มากกว่า 5,000 หน่วย นำร่องในขณะนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี