วันนี้ 20 มกราคม 2568 “มาดามแพทองโพย” อยู่ที่สวิส เพื่อเข้าร่วมการประชุม “World Economic Forum” หรือ “WEF AM25” ประจำปี 2568 ณ เมืองดาวอส ซึ่งจะมีขึ้นตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 25 มกราคม
การประชุม“WEF AM25” ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 55 จัดขึ้นภายใต้ธีม "Collaboration for the Intelligent Age" มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสนับสนุนการค้า การลงทุน นำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ซับซ้อน โดย“มาดามแพทองโพย” จะแสดงวิสัยทัศน์ย้ำศักยภาพและความพร้อมของไทยในการก้าวสู่ยุคดิจิทัล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และขยายโอกาสของภาคเอกชนไทยในตลาดโลก
สำหรับประชาชนคนไทยคงต้องลุ้นกันต่อ ว่า“มาดามแพทองโพย”เจ้าของฉายา“นายกฯไอแพด” ที่ไร้สติปัญญา จะไปทำอะให้“ขายขี้หน้า”ต่อสายตาชาวโลกอีก หลังจากเคยไปมาแล้ว 4 เวที นับตั้งแต่เป็นนายกรัฐมตรี ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านไอแพด จากประเทศแรกคือการ์ตา, ลาว และจีน ซึ่งล่าสุดเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่เปรูในเวที“เอเปค”
โดยทุกเวทีของ“มาดามแพทองโพทย”ไม่ได้มีอะไรเป็นเรื่องเป็นราว มีแค่การเฉิดฉายโชว์ตัวในต่างประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย พร้อมกับราคาคุยเหมือนสมัยที่“เศรษฐา ทวีสิน”เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าหลายบริษัทต่างชาติสนใจจะมาลงทุนในประเทศไทย ปรากฏว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไปสวิสคราวนี้พอจะคาดเดาได้เป็นการล่วงหน้าว่า เมื่อ“มาดามแพทองโพย”กลับมาจากดาวอส นอกจากเห็นภาพแต่งชุดหรูในฤดูหนาวแบรนด์ต่างประเทศราคาแพงแต่ไร้รสนิยม ระหว่างการประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์แล้ว อีกเรื่องหนึ่งก็คือเกี่ยวกับ“Soft Power-อาหารไทย”
เรื่อง“Soft Power-อาหารไทย”นี้ “มาดามแพทองโพย”พอจะเคาะกะลาตีปี๊บอวดความสำเร็จได้ เพราะคราวนี้ได้นำเชฟมีชื่ออย่าง“เชฟชุมพล แจ้งไพร” ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการคณะกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร และกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมขบวนไปเสิร์ฟความอร่อยถึง 12 เมนูอาหารไทยให้ผู้นำโลกกว่า 500-600 คนที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ได้ลิ้มรส และเธอคงจะบอกว่า“ต้มยำกุ้ง”ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น“มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ แบบฝรั่งพูดไทย“Tomyum Kung”ว่า ได้รับความชื่นชมและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านอาหารของไทยในเวทีโลกอย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง
ส่วนที่เมืองไทยนั้น “มาดามแพทองโพย”สบายใจหายห่วงได้ เพราะมีนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริงชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”คอยรับหน้าเสื่อ และได้แสดงตนอย่างเปิดเผยว่า ประเทศนี้ไม่มีใครใหญ่เกิน“พ่อของนายกฯ”คนนี้อีกแล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เจ้าของวาทะ“ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ก็คงจะต้องร้องเพลง“เย้ยฟ้าท้าดิน” อันถือว่าเป็นเพลงประจำตัวของจอมพลสฤษดิ์ ที่ว่า “ฟ้าอินทร์พรหมยมพญาข้าหรือเกรง ขอหัวเราะเยาะเย้ยเหวยเหวยฟ้า พสุธาอย่าครวญว่าข้าข่มเหง เย้ยทั้งฟ้าท้าทั้งดินสิ้นยำเกรง หรือใครเก่งเกินข้าฟ้าดินกลัว”
เวลานี้อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ไปหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะภาคเหนือหรืออีสาน บุคคลผู้นี้ไม่สน“หัวใคร”ผู้ใดทั้งสิ้น อย่าว่าแต่องค์กรอิสระที่มีหน้าที่กำกับดูแลพรรคการเมืองไม่ให้ละเมิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเลย กฎหมายบ้านเมืองทุกฉบับที่ประชาชนคนไทยทุกคนต้องเคารพและปฏิบัติตาม อดีตนักโทษเทวดาที่ป่วยทิพย์บนชั้น-14 โรงพยาบาลตำรวจคนนี้ก็หาได้แยแสไม่ และรวมไปถึงผู้รักษากฎหมายของบ้านเมืองทุกฝ่ายด้วย ที่คล้ายกับตกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของทักษิณ
ขนาดว่าสนามกอล์ฟอัลไพน์อันเป็นที่ธรณีสงฆ์ และ“ตระกูลชินวัตร”ซื้อมาครอบครองในทุกวันนี้ “ทักษิณ ชินวัตร”ก็ยังแสดงตนเป็นเจ้าของ และพูดจากร่างว่า “เอาอย่างไรก็เอา จะได้จบๆ เสียที คาราคาซัง น่ารําคาญ”
ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทย “ทักษิณชินวัตร”ประกาศทุกเวทีที่ปราศัยเหมือนเป็นนายกรัฐมนตรีและผู้นำรัฐบาล โดยไม่ยี่หระว่าผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นการพูดตอกย้ำกรอกหูชาวบ้านเพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง ไม่เพียงเฉพาะการเลือกตั้งนายก อบจ.เท่านั้น แต่ยังมองการณ์ไกลไปถึงการเลือกตั้ง สส.สมัยหน้า
คำโฆษณาหาเสียงของ“ทักษิณ ชินวัตร” จากถ้อยคำที่ทั้งข่มขู่ทั้งพูดจายโสโอหังอวดศักดาบารมียกตนข่มท่าน พร้อมทั้งชูหางชื่นชมสดุดี“แพทองโพย”บุตรสาวของตนเพื่อให้ผู้คนยอมรับ ในทุกๆ เวทีที่ประมวลมา อย่างน้อยมีอยู่ 10 เรื่อง ที่เข้าข่ายการละเมิดกฎหมาย และเป็นการสัญญาว่าจะให้เกินอำนาจหน้าที่ของ นายก อบจ. หากแต่เป็นเรื่องของนโยบายระดับชาติที่อยู่ในอำนาจของรัฐบาล
“สทร.-เสือกทุกเรื่อง” 10 เรื่องของ“ทักษิณ ชินวัตร” ก็มี เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และการพนันออนไลน์, ปราบปรามยาเสพติด, ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์, บ้านเพื่อคนไทย, ปี 2570 คนไทยจะร่ำรวย, เงินคริปโต, แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท, นางแบบส่งออกตีตลาดโลก, สินค้าโอทอป และลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาท เป็นต้น
สำคัญที่สุด ทักษิณ ชินวัตร มักจะอ้างสถาบันหาเสียง เช่นล่าสุดที่จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ทักษิณกล่าวว่า "วันนี้คนถามว่าผมมีหน้าที่อะไร ไปพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมบอกว่าตำแหน่งของผมคือ สทร. เสือกทุกเรื่อง บ้านเมืองนี้หลังจากที่ผมออกไปก็ขาดการบริหารอย่างมีเป้าหมายไปเยอะ ในฐานะที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และได้รับพระเมตตา พระมหากรุณาธิคุณให้ผมได้กลับมารับใช้ประชาชน จึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองเราอยู่อย่างมีความสุข”
บรรทัดนี้ต้องถามว่า ประเทศนี้ยัง มี กกต.อยู่หรือไม่ เพราะการหาเสียงของ“ทักษิณ ชินวัตร”ดังที่กล่าวนั้น ถือว่าเข้าข่ายละเมิดระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วย“วิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2563” ในหมวด 5 ข้อ 22 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ห้ามผู้สมัครดำเนินการ หรือยินยอมให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดดำเนินการ นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง”
หรือว่าเป็นไปดั่งเพลง“เย้ยฟ้าท้าดิน” ในท่อนที่ว่า-“เย้ยทั้งฟ้าท้าทั้งดินสิ้นยำเกรง หรือใครเก่งเกินข้าฟ้าดินกลัว” ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี