เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า นายทักษิณ ชินวัตร นั้นทรงอิทธิพลของการเมืองไทยขนาดที่สามารถเป็นผู้บงการพรรคเพื่อไทยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล โดยล่าสุดได้รับแต่งตั้งจากพรรคเพื่อไทยให้ดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง” ในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายก อบจ. ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ แม้ชื่อตำแหน่งอาจจะดูไม่เท่เท่าไร แต่ก็ถือเป็นช่องทางที่อำนวยให้นายทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาพูดจากับสาธารณชนเพื่อดึงดูดความสนใจ และในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยเรียกขวัญและกำลังใจให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทย และขบวนการเสื้อแดงที่ยังหลงเหลืออยู่
หากมองอย่างผิวเผิน นายทักษิณ ชินวัตร ก็ดูจะใหญ่โตค้ำฟ้าน่าเกรงขาม และกำลังพึงพอใจกับอำนาจวาสนาที่ได้กลับคืนมา หลังจากได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ พร้อมกับการได้รับการมอบหมายให้รวบรวมพละกำลังของฝ่ายอำนาจเดิมเพื่อไปต่อกรขับเคี่ยว และเอาชัยชนะเหนือกลุ่มอำนาจใหม่ใต้ธงสีส้ม ซึ่งการกลับคืนสู่สังเวียนการเมืองพร้อมด้วยฐานอำนาจที่มีอยู่ บวกกับการหนุนหลังจากกลุ่มอำนาจเดิมนั้น น่าจะทำให้นายทักษิณชินวัตร อิ่มเอมใจ และมั่นอกมั่นใจ
แต่ทว่าถ้ามองกันให้ลึกลงไปอีกหน่อย ก็ไม่แน่ใจว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว นายทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังโลดแล่นบนเวทีการเมืองด้วยอาการหยิ่งผยองนั้น เพราะมีความคับอกคับใจ อันเนื่องมาจากปัจจัย หรือปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยดังนี้หรือไม่?
1. อดีตขุนศึกคนสำคัญ ที่ชื่อตู่ จตุพร ได้กลับกลายมาเป็นคู่อริ ในขณะที่เสกสกล ก็เลือกตีจากไปสวามิภักดิ์กับแม่ทัพนายกองมาหลายปี ส่วน นพ.เหวง และนางธิดา ที่เคยใช้งานผูกโยงฐานคนเสื้อแดง ก็ดูว่าจะตัดสายสัมพันธ์กันไปเสียแล้ว จัดได้ว่า สายสัมพันธ์นายทักษิณ กับหัวหน้าทัพขบวนการเสื้อแดงเดิมนั้นได้อ่อนเปลี้ย ต่อไม่ติดอีกแล้ว
2. กลุ่มนักคิดที่เคยสนับสนุนกัน เช่น พันศักดิ์ นพ.พรหมินทร์ โอฬาร กิตติรัตน์ ไปจนถึงจักรภพและ สุรนันทน์ ก็ดู จะผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ ไม่ค่อยออกตัวมาช่วยกันชัดๆ แบบสมัยก่อน
3. ภูมิธรรม ที่คิดว่าจะมีฝีมือ ถึงขนาดส่งมาประกบลูกสาวตนในฐานะทหารเอกเพื่อประคับประคองรัฐบาล เอาเข้าจริงก็ท่าดีทีเหลว ไม่สามารถผลักดันรัฐบาลให้มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อให้ได้รับความนิยมได้
4. ณัฐวุฒิ และพร้อมพงศ์ ที่ยังคงยืนอยู่เคียงข้างกันดูๆ ผลงานแล้ว ก็ไร้ราคา ไม่สามารถเรียกแขก เรียกเสียงสนับสนุนอะไรได้อย่างที่เคยทำไว้ในอดีต
5. บรรดาขาใหญ่ในพรรคเพื่อไทย แทนที่จะสามารถช่วยกันผลักดันผลงานของรัฐบาลในนามของพรรคเพื่อไทยนั้น วันๆ ก็มีแต่สร้างวาทะเพื่อตอบโต้ด่าทอคู่อริทางการเมืองโดยปราศจากความคิดที่สร้างสรรค์ ได้แต่เพิ่มดีกรีความเบื่อหน่ายให้กับสังคม
6. เพื่อนฝูงเตรียมทหารรุ่น 10 ต่างก็ล้มหายตายจาก หรือไม่ก็ชราภาพกันไปหมดสิ้น ทำให้นายทักษิณไม่เหลือสมัครพรรคพวกอยู่ในกองทัพอีกแล้ว ยิ่งบัดนี้ ก็ถูกคำสั่งมิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการใดๆ ของกองทัพทั้งสิ้น ส่งผลให้ไม่สามารถส่งคนของตนเข้าไปแทรกแซงกองทัพ ทำให้แนวคิดทหารแตงโมจบไปโดยปริยาย
7. ส่วนการเมืองสไตล์บ้านใหญ่บ้านเล็กนั้น จนบัดนี้ก็ยังไม่มีบารมีพอที่จะกลับไปครอบงำได้หมด เพราะมีลูกน้องเก่าอย่าง เนวิน มาคอยเป็นก้างขวางคออยู่ในหลายพื้นที่ บวกกับการที่วุฒิสมาชิกสีน้ำเงิน ที่มีเสียงข้างมากอยู่ในวุฒิสภา ก็อยู่ในอาณัติของเนวิน
8. การจะบีบคั้นพรรคร่วมรัฐบาล หรือการจะขจัดพรรคร่วมรัฐบาลหนึ่งใดออกไปจากรัฐบาลผสม เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็กระทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่อยากจะคุมเรื่องพลังงานและไฟฟ้าเองใจจะขาด เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติยังมีแบ๊กที่น่าเกรงขาม และมีกระบวนการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี โดยเฉพาะพีระพันธุ์ ว่าซื่อสัตย์ ต่อสู้กับกลุ่มทุนพลังงานพื่อประชาชน ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากเสียงกลุ่มอนุรักษ์นิยมเดิมเพิ่มขึ้น
9. การบริหารราชการ ก็เป็นเรื่องของ “ขายของเก่ากิน” ด้วยโครงการประชานิยมต่างๆ ที่ดูเชย ล้าสมัย และขาดการประเมินผลดีผลเสีย คือไม่ยอมรับความจริงว่ามีความบกพร่องเสียหายต่อประเทศ แต่ก็ยังดึงดันที่จะนำกลับมาใช้เพราะไม่มีขีดความสามารถและไม่มีทีมงานที่จะช่วยคิดใหม่ และวางแผนใหม่ที่เข้ากับยุคสมัย
10. การเข้าถึงซึ่งคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาว ที่เป็นจุดเด่นของนายทักษิณในอดีตถึงวันนี้ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ก็ปรับตัวไม่ได้ กลับกลายว่านายทักษิณทำไม่เป็น ที่ฝืนๆ ทำ ก็เห็นๆ อยู่ว่าสู้กับพวกสีส้มไม่ได้เลย เพราะฝ่ายส้มนั้นช่ำชองในโลกโซเชียลมีเดียมากกว่าอย่างมหาศาล และที่สำคัญ ไม่สามารถจะเปลี่ยนความคิดคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาว ที่เห็นว่านายทักษิณเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้ทำประโยชน์ใดให้กับประเทศชาติ นอกจากมุ่งทำแต่เรื่องเอาแต่ประโยชน์เข้าตัว
11. การเอาบุตรสาวมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เข็นไม่ขึ้น ถือเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ เนื่องจากนอกจากจะไม่มีความสามารถใดๆ แล้ว ยังแสดงออกผิดพลาดหลายๆ อย่าง ที่ส่งผลบั่นทอนความนับหน้าถือตาของประเทศ และรัฐบาลไทย ในสายตาชาวโลก
อย่างไรก็ตาม คนฉลาดอย่าง นายทักษิณ ชินวัตร คงสามารถตระหนักในประเด็นปัญหาดังกล่าวข้างต้นได้ เพียงแต่ไม่สามารถเอาชนะใจตนเอง ที่ยึดมั่นถือมั่นในอัตตาของตนเองเป็นใหญ่จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทาง หรือสถานการณ์ที่เสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งการที่ไม่อยู่ในฐานะที่จะปลดแอกตัวเองออกจากอิทธิพล และเงื่อนไขของกลุ่มอำนาจเดิมที่อยู่รายรอบได้ ก็ยิ่งเป็นฟืนสุมไฟในใจ กลายเป็นความกระวนกระวายใจ ความไม่สมหวัง
ดังนั้น ความก้าวร้าวที่แสดงออกมา ด้วยการพูดจาว่าฉันจะทำโน่นทำนี่ที่ยิ่งใหญ่ อย่างการเอาเรื่องการแก้ไขปัญหาข้ามชาติ ไปพูดหาเสียงบนเวทีหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ที่คนฟังก็ต่างงงๆ ว่ามันเกี่ยวกับ อบจ. ตรงไหน ก็เป็นเพียงความพยายามจะปิดบังความรุ่มร้อน ความไม่พึงพอใจต่อสถานการณ์การเมืองในใจของตนเท่านั้นเอง
เมื่อมองโดยภาพรวมแล้ว นายทักษิณในวันนี้ เป็นเพียงคนสูงอายุหลงยุคที่พยายามทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อที่จะช่วยรักษาความนิยมในชื่อ และพรรคของตนไปวันๆ หนึ่ง โดยความมุทะลุดุดันที่แสดงออกมา ก็เพียงหวังจะสื่อให้โลกได้รู้ว่าฉันเองยังมีความสำคัญ จงกลับมาใส่ใจ ใส่คะแนนให้ฉัน เพื่อความยิ่งใหญ่อีกครั้งของฉัน ที่จะช่วยให้ฉันสามารถฝ่าสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจทางการเมืองที่รุมล้อมอยู่ได้
เพียงแต่การกระทำทั้งหมดเหล่านี้ หากมองจากสายตาคนหนุ่มสาวแล้วมันกลับดูเป็นเรื่องที่ตลกขบขัน และเป็นได้เพียงแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ของตาแก่คนหนึ่ง และพวกเขาต่างมองว่า ทางออกของคนตกยุคเช่นนี้ ควรจะเป็นคำว่าพอได้แล้ว
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี