มหากาพย์ธรณีสงฆ์อัลไพน์ กำลังจะถูกสะสาง
ระวัง อย่าให้ผู้เกี่ยวข้องกับการฮุบธรณีสงฆ์อาศัยอิทธิพลอำนาจกดดัน บิดเบือน พากลับไปลงขุมนรกอีก
1. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน ได้ลงนามคำสั่งเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เดิมของนายยงยุทธฯ
และให้ยกอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ทุกรายตามความเห็นของกรมที่ดิน และส่งเรื่องให้กรมที่ดินดำเนินการต่อไป
หมายความว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการเพื่อให้ที่ดินอัลไพน์ ทั้งในส่วนของสนามกอล์ฟ และบ้านจัดสรร เนื้อที่รวม 900 กว่าไร่ กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ ในความครอบครองของวัด
หลังจากนี้ เมื่อวัดฯ ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ก็จะต้องดูแลรับผิดชอบตามกฎหมายต่อไป
2. นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวถึงขั้นตอนดำเนินการว่าสิ่งแรกที่ต้องทำ จะดำเนินการแจ้งให้ผู้ถือครองที่ดินทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรับทราบคำสั่งเพิกถอนดังกล่าว
ส่วนผู้ถือของโฉนดจะดำเนินการอย่างไร เป็นสิทธิ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
หากจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยนั้น ก็ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง รวมถึงอยู่กับคำตัดสินของศาลว่ามีผลอย่างไร ซึ่งจากรายละเอียด และหลักฐานค่อนข้างเยอะ คาดว่าการฟ้องร้องจะต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบชัดเจนได้ แต่ต้องเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมาย
3. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ในฐานะที่เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ เอาอย่างไรก็เอา จะได้จบๆ เสียที คาราคาซัง น่ารำคาญ และหากมีการถอนสิทธิจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะหลักการคือ ถ้าเป็นของกรมที่ดิน ก็ต้องชดเชยความเสียหายที่รับโอนอย่างไม่ถูกต้อง หรือหากเป็นของวัด ต้องถามว่าวัดจะชดเชยค่าเสียหายหรือให้เช่าต่อ คนเราถ้ารักษากติกาและไม่ยึดติดอะไร”
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าตนได้ซื้อที่ดินมาโดยสุจริต ไม่เกี่ยวข้องกับการโกงที่วัด เพราะไม่ได้ซื้อมือแรก เป็นการซื้อต่อมาอีกที
ทักษิณเคยยอมรับเองว่า ได้ซื้อที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์มาราวปี 2540 ในราคาประมาณ 500 ล้านบาท โดยซื้อต่อจากครอบครัวกลุ่มเทียนทอง
แต่ปัจจุบัน ไม่มีชื่อทักษิณถือหุ้น
ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็เคยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น จำนวน 22,410,000 หุ้นมูลค่าตามทุนจดทะเบียน 224.1 ล้านบาท แต่ได้โอนหุ้นดังกล่าวให้คุณหญิงพจมานแล้ว
ปัจจุบัน บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ ชื่อผู้ถือหุ้น 3 คน ได้แก่ คุณหญิงพจมาน คุณพินทองทา คุณพานทองแท้
โดยหลักการ เจ้าของสนามกอล์ฟในปัจจุบัน ย่อมมีสิทธิจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานรัฐ และคนที่ขายสนามกอล์ฟบนที่ธรณีสงฆ์มาให้ตนเอง
หน่วยงานภาครัฐควรให้ความเป็นธรรม และควรพิจารณาข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคดีที่ ป.ป.ช.เคยชี้มูลความผิดนายเสนาะ เทียนทอง พร้อมส่งฟ้องศาล (แต่คดีขาดอายุความ)
และพิจารณาข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำพิพากษาคดีธรณีสงฆ์อัลไพน์ ศาลอุทธรณ์คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 2 ปี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ (อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต คดีถึงที่สุดแล้ว
ศาลชี้ว่า นายยงยุทธปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มบริษัทอัลไพน์และนายทักษิณ จำเลยแสวงหาผลประโยชน์ต่างตอบแทน หวังให้ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งระดับสูงในภายหลัง การกระทำของนายยงยุทธ เป็นการทำลายศรัทธาผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างคุณยายเนื่อม ฯลฯ
ตอกย้ำว่า การทุจริตประพฤติมิชอบของนายยงยุทธนั้น ครอบครัวนายทักษิณได้รับผลประโยชน์
นายทักษิณ ชินวัตร สมควรจะได้รับค่าชดเชยเยียวยา หรือไม่?
4. ใครจ่ายเงินชดเชยไม่ถูกต้อง ระวังติดคุก ?
นายถาวร เสนเนียม อดีตรมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ในครั้งที่นายเสนาะ เทียนทองพร้อมพวก กระทำการเอาที่ดินของวัด พวกเขามีวัตถุประสงค์กระทำนิติกรรมที่ผิดต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่นนั้นจึงทำให้นิติกรรมครั้งนั้นเป็นโมฆะ ตามมาตรา 150 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
“นายทักษิณไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย วัดต่างหากที่ต้องเรียกค่าเสียหาย
นายทักษิณนำพื้นที่ไปแสวงหาผลประโยชน์ ที่เรียกว่าลาภมิควรได้
ฉะนั้น อย่าข่มขู่คุกคาม จะบอกว่าไม่มีใครกลัวแล้ว...
..นายทักษิณบอกเสียหาย ก็ต้องไปพิสูจน์อีกหลายคดีว่าเรื่องนี้คุณเสียหายอันเกิดจากการกระทำของกรมที่ดินหรือไม่
หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไปทุจริตร่วมด้วย ถือเป็นความรับผิดชอบในทางส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐรายนั้นๆ ต่างหาก” -นายถาวรกล่าว
นายถาวร ชี้ว่า ที่ดินตกเป็นของวัดโดยอัตโนมัติ คนที่ไปเปลี่ยนทะเบียนมีเจตนาทุจริต การทำนิติกรรมเป็นโมฆะขัดต่อหลักกฎหมายและศีลธรรมอันดี ต่อให้นายทักษิณไปร้องแรกแหกกระเชอให้ตาย เรียกหมื่นล้าน สองหมื่นล้านก็ได้ แต่ต้องไปพิสูจน์ในศาล ไม่มีศาลใดสั่งจ่ายให้คุณหรอก แค่นี้ยังไม่เพียงพออีกหรือ ยังจะข่มขู่เอากับรัฐไทย
“ถ้าอธิบดีคนใดจ่าย ก็ติดคุก เพราะอยู่ๆ ไม่มีอำนาจ จ่ายได้อย่างไร เพราะเหตุว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย ถ้าเอาเงินหลวงไปจ่ายก็ติดคุกเอง เข้าตามมาตรา 150 ถ้าจะเล่นบทมวยล้มต้มคนดู เขาเรียกร้องมาแล้วเจ้าหน้าที่รัฐนำเงินไปจ่าย ถามว่าเอาเงินจากที่ใด ถ้าตั้งงบประมาณแผ่นดินไปจ่ายเรื่องนี้ ก็ติดคุกกันทั้งสภา ถ้าผ่านกฎหมายงบประมาณ... ถ้านายทักษิณเรียกร้อง กรมที่ดินต้องปฏิเสธ ต้องดูก่อนว่าการกระทำนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่ และขัดศีลธรรมอันดีหรือไม่เมื่อเรื่องนี้เป็นโมฆะ จะเรียกร้องอะไร” – อดีต รมช.มหาดไทยเตือน
5. นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ออกจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 4)
เรื่อง ข้อเสนอแก้ปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์และหมู่บ้านจัดสรร โอนคืนวัดธรรมิการามเพื่อเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามกฎหมาย และการจ่ายเงินเยียวยาที่อาจเข้าข่ายประโยชน์ทับซ้อนหรือผิดกฎหมาย
สาระสำคัญน่าสนใจ ระบุว่า
“1) ตามกฎหมาย คำพิพากษา ความเห็นที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ดินดังกล่าวตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ตั้งแต่วันที่คุณยายเนื่อม ถึงแก่กรรม โดยวัดธรรมมิการามได้หาประโยชน์ให้เช่าทำนาต่อเนื่องมา ไม่ได้มีการคัดค้านการรับมรดกที่ดินดังกล่าว ดังนั้น การจำหน่ายจ่ายโอนที่ดิน 924 ไร่ ที่นางเนื่อมทำพินัยกรรมมอบให้วัดเพื่อใช้หาประโยชน์ในการทำนุบำรุงพุทธศาสนา โดยเอาไปจำหน่ายจ่ายโอนขาย เพื่อทำหมู่บ้านจัดสรรและสนามกอล์ฟอัลไพน์ จึงเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 150 ที่บัญญัติว่า “การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นการพ้นวิสัยหรือ เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ” ...
2) แนวทางเยียวยาให้กับชาวบ้านที่ซื้อบ้านจัดสรรและสนามกอล์ฟให้เช่าได้หรือไม่
เมื่อกรมที่ดินดำเนินการให้ที่ดินคืนเป็นของวัดธรรมิการาม และตกเป็นที่ธรณีสงฆ์แล้ว วัดสามารถหารายได้ทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยการทำสัญญาให้เช่าที่ดินแก่ชาวบ้านหมู่บ้านราชธานีที่ได้รับผลกระทบเพื่ออยู่อาศัย ย่อมทำได้อย่างถูกกฎหมาย ตามมติมหาเถรสมาคม และสมดังเจตนารมณ์คุณยายเนื่อมผู้มอบที่ดินให้วัด โดยกระทำการได้เช่นเดียวกับวัดทั่วไปที่ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย
ส่วนการพิจารณาให้ เช่าเพื่อทำสนามกอล์ฟต่อไปได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่วัดธรรมิการามวรวิหาร สำนักพุทธศาสนา ที่ต้องเป็นไปตามมติมหาเถรสมาคมเรื่องการให้เช่าที่ดินของวัดต่างๆ ด้วย ผู้เกี่ยวข้องอาจต้องพิจารณาให้รอบคอบว่า การให้เช่าที่ดินเพื่อทำสนามกอล์ฟ เป็นสถานที่เพื่อการกีฬา สถานที่เพื่อความสนุกสนานบันเทิงหรือเข้าข่ายเล่นพนัน เป็นอบายมุขหรือไม่ หรือเป็นกิจต้องห้ามของพระภิกษุสงฆ์หรือไม่ ดังนั้นการให้เช่าที่ดินวัดทำสนามกอล์ฟต่อ จึงต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบอย่างยิ่ง
3) ตั้งงบประมาณรัฐชดเชยเยียวยา 7,700 ล้าน ได้หรือไม่
ตามที่อธิบดีกรมที่ดินให้สัมภาษณ์ว่า เตรียมจะตั้งงบประมาณจ่ายชดเชยถึง 7,700 ล้านบาท เป็นเรื่องที่นายกฯจะต้องพิจารณาให้รอบคอบระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะหากเป็นเรื่องที่ประชาชนผู้เสียหายที่เป็นผู้ซื้อโดยสุจริต ต้องเป็นผู้ฟ้องไล่เบี้ยจากผู้ขายที่ดินเดิมหรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ห้ามสิทธิที่จะฟ้องร้องกรมที่ดินที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
ซึ่งหน่วยงานรัฐ คือกรมที่ดิน จะต้องให้อัยการสู้คดีอย่างเต็มที่พิสูจน์ว่า ขบวนการซื้อขายที่ดินนั้นไม่สุจริต เจ้าหน้าที่รัฐทำตามกฎหมาย และหากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จ่ายเยียวยา ก็จะเป็นความรับผิดเฉพาะส่วน และจะไม่ใช่ราคา 7,700 ล้านบาทที่คิดเอาเอง ที่ผ่านมา ศาลจะพิพากษาให้ชดใช้ราคาที่ซื้อขายขณะนั้น พร้อมดอกเบี้ยเท่านั้น
หลักสำคัญต้องพิจารณาว่า การซื้อขายนั้นสุจริตและสำคัญผิดหรือไม่ นายกฯต้องระมัดระวังในเรื่องอาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนหรือฝ่าฝืนผิดจริยธรรมอย่าง
ร้ายแรง ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และประมวลจริยธรรมนักการเมือง ด้วยเหตุที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารบริษัทอัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ แม้จะมีการจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นให้กับครอบครัวหลังเป็นนายกฯ แล้วก็ตาม
ดังนั้น การพิจารณาจะใช้เงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีประชาชน ในการชดเชยเยียวยาผู้ซื้อที่ดินไปทำสนามกอล์ฟหรือจัดสรรหมู่บ้านขายได้หรือไม่นั้น จำเป็นต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง กระทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย”
สรุป เจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้องพึงสังวร อย่าไปติดคุกแทนใครอีก
อย่าให้ผู้เกี่ยวข้องกับการฮุบธรณีสงฆ์อาศัยอิทธิพลอำนาจการเมืองกดดัน บิดเบือน พากลับไปลงขุมนรกอีก
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี