ปัญหาวิกฤตของประเทศที่คนไทยเผชิญกันจริงๆ อยู่ในเวลานี้นั้น เมื่อเทียบระหว่างปัญหาเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลมักจะอ้าง กับปัญหาสุขภาพว่าด้วยโรคภัยไข้เจ็บของประชาชน เห็นได้ว่ารัฐบาลให้ความสนใจและเอาใจใส่น้อยมาก
ฝุ่นพิษ“PM2.5”ในกรุงเทพมหานครเมืองหลวงที่กำลังประสบอยู่ในเวลานี้ ถือว่าสาหัสสากรรจ์ และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 22 มกราคมวานนี้ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 103 แห่ง ต้องปิดเรียน เนื่องจากสถานการณ์ละอองฝุ่นพิษพุ่งขึ้นสูง และคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพชีวิตของคน กทม.ทุกกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่
ภาพรวมของปัญหาเมื่อวันที่ 22 นั้น ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล พบว่า ปริมาณฝุ่นละออง “PM2.5” เกินค่ามาตรฐานทั้ง 50 เขต โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 62.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือ “มคก./ลบ.ม.” ซึ่งอยู่ในระดับสีส้ม 45 เขต และสีแดง 5 เขต ซึ่งค่าสูงสุดพบว่าอยู่ที่เขตหนองแขม 86.2 มคก./ลบ.ม.
ในระดับสีส้มนั้น อาการเบื้องต้นจะรู้สึกไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา วิธีช่วยตัวเองของประชาชน ในเบื้องแรก ก็คือ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะจะรอหวังพึ่งรัฐบาลคงลำบาก เนื่องจากรัฐบาลของ“มาดามแพทองโพย” ที่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ชักใยนั้น มีเข็มมุ่งที่จะให้คนไทย“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”เป็นเป้าหมายหลัก ส่วนเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชน รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญน้อยมาก จะให้ความสำคัญก็เฉพาะนโยบายประชานิยมเรื่อง“30 บาทรักษาทุกที่” ที่พรรคเพื่อไทยเอาไว้หาเสียงตีกินตอนเลือกตั้ง สส.เท่านั้น
อย่างไรก็ดี เนื่องจากปัญหา“PM2.5”เป็นปัญหาซ้ำซาก ที่ไม่สามารถแก้กันได้สำเร็จสักที ไม่ว่าจะรัฐบาลกี่รัฐบาล และกทม.เองก็มีบทเรียนและต้องถอดบทเรียนทุกครั้งที่เกิดปัญหา สำหรับวิกฤตในครั้งนี้ ยังดีที่ กทม.ได้นำมาตรการเดิมๆ ที่เคยใช้มาอย่างซ้ำซากเช่นกันขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่
นั่นก็คือ ได้ขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงประชาชนที่สะดวกทำงานที่บ้าน ให้ใช้วิธีป้องกันในเบื้องต้นด้วยการทำงานอยู่ที่บ้าน หรือ“WORK FROM HOME” (WFH) ส่วนใครที่ไม่สามารถ WFH ได้ หรือมีความจำเป็นต้องออกจากบ้านอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กทม.ก็ได้แนะนำให้ระมัดระวังและดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ คนชรา รวมทั้งผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง ฯลฯ ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งและตลอดเวลาที่ออกนอกอาคาร
เรียกว่า จากนี้ไปคนเมืองหลวงจะต้องสวมหน้ากากเข้าหากันอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งเกิด“วิกฤตโควิด” และก็มีอยู่ไม่น้อยที่ติดการสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกนอกอาคาร หรือออกนอกเคหสถาน มาตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด และก็ใช้มาจนกระทั่งปัจจุบันจนเคยชินเป็นนิสัย
และอีกประการหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งนอกจากมาตรการป้องกันที่ กทม.ได้แจ้งให้คนเมืองหลวงทราบแล้ว หากใครที่พบว่าตนเองเกิดอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ก็ให้รีบไปพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ทั้งนี้ กทม.ได้เปิดบริการให้ผู้ที่พบว่าตนเองเกิดอาการผิดปกติ สามารถเข้ารับบริการที่คลินิกมลพิษทางอากาศ รวมทั้งหมด 8 แห่ง คือ ที่โรงพยาบาลกลาง, โรงพยาบาลตากสิน, โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ, โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์, โรงพยาบาลนคราภิบาล (โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร), โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และโรงพยาบาลสิรินธร
จะอะไรก็ตามแต่ ปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ 'PM2.5' ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลนั้น อย่างที่กล่าวไว้แล้ว ว่ามีมานานหลายปี และเป็นปัญหาระดับชาติ ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ กทม.ไม่สามารถจะแก้ได้แต่เพียงลำพัง รัฐบาลจะต้องเป็นเจ้าภาพด้วย
เช่นว่า หอฟอกอากาศทั่วกรุงเทพฯ ได้มีการติดตั้งกันไปถึงไหนแล้ว รวมทั้งการขจัดต้นตออันเป็นที่มาของปัญหา รัฐบาลจะต้องทำให้ได้ และถ้าจะทำจริงๆ ก็หาใช่ว่าเป็นเรื่องสุดวิสัยเกินกว่าที่มนุษย์จะทำได้ ขนาดนครหลวงปักกิ่ง ในจีนแผ่นดินใหญ่ และฮ่องกง ที่เคยวิกฤตหนัก ก็ทำให้เห็นมาแล้วว่าสามารถจัดการได้
“มาดามแพทองโพย” ที่กำลังมีอาการเหมือนเด็กสาวสนุกกับการเล่นหิมะ และได้มีโอกาสแต่งชุดหรูฤดูหนาวราคาแพงแบรนด์ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์เวลานี้ เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว ก็ควรจะสั่งให้บิดาที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”ช่วยคิด ว่าจะแก้ปัญหานี้ให้จบสิ้นเป็นการถาวรได้อย่างไร
ส่วนเรื่อง“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”ของคนไทยที่จะได้เงินมาจากบ่อนกาสิโน และการพนันออนไลน์ผิดกฎหมายที่จะนำขึ้นมาบนดินนั้น..ควรเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อน
เพราะชีวิตคนมีค่าสำคัญยิ่งกว่าเงินทองของนอกกาย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี