ไม่ใช่เงิน“โกงพ่อมึงสิ”เหมือนสำนวนกวนโอ้ยของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับเงิน 1 หมื่นบาท ที่รัฐบาล“แพทองโพย”แจกเฟสสอง ซึ่งชาวบ้านร้านตลาดเขาพูดกัน แต่เป็นเงินของแผ่นดิน ที่ยักย้ายถ่ายเทมาจากเงินกู้ที่หมกเม็ดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล
แจกเงินหมื่นเฟสสองไปเมื่อวันที่ 27 มกราคมวานนี้ ตรงกับวันตรุษจีนปี 2568 ซึ่งเป็นวันจ่ายพอดิบพอดี และก็เหมือนจะบังเอิญกับ“มาดามแพทองโพย”ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสวมสูทสีแดงแรงฤทธิ์ ควงอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา หัวหน้าคอกเพื่อไทยตัวจริง เปิดป้ายที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่ ณ ตึกสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีเดิม ริมถนนวิภาวดีรังสิต และเป็นสมบัติพัสถานของตระกูลชินวัตร โดยย้ายมาจากตึก“โอเอไอ ทาวเวอร์” หรือ“OAI” อันหมายถึง“โอ๊ค-เอม-อิ๊งค์” ตรงถนนเพชรบุรีตัดใหม่
โดยอาคารสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลวอยซ์ทีวีแห่งนี้ ปิดตายมาตั้งแต่“วอยซ์ทีวี” ปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2567 หลังดำเนินกิจการสื่ออันเป็นกระบอกเสียงของพรรคเพื่อไทยและ“ทักษิณ ชินวัตร”มาเป็นเวลา 15 ปี เท่ากับจบภารกิจเมื่อพรรคไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และทักษิณกลับเข้ามาในประเทศไทยแบบที่พูดกันว่าเป็นผลมาจาก“ดีลลับลังกาวี” และตึกนี้ก็เคยเป็นสำนักงานของมหาวิทยาลัยชินวัตรมาก่อนด้วย
ขณะที่พนักงานลูกจ้างส่วนใหญ่ของวอยซ์ทีวี ก็ถูกยักย้ายผ่องถ่ายไปเป็นพนักงานลูกจ้างกินเงินเดือนหลวงที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ “NBT 2 HD” สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และรับไม้เป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต่อ ซึ่งทุกวันนี้“จิราพร สินธุไพร" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแลสถานีวิทยุโทรทัศน์“NBT 2”แห่งนี้
การเปิดที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่ โดย สส.และแกนนำพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมหน้าในครั้งนี้ มีการทำพิธีบวงสรวงสักการะศาลพระภูมิชัยมงคล พร้อมกับมีพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ โดยพระสงฆ์จากวัดสระเกศ อันเป็นวัดที่"ตระกูลชินวัตร" ฝากบุญมาตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) หรือ“สมเด็จเกี่ยว”ยังไม่มรณภาพ ซึ่งแม้จะมีพิธีกรรมครบถ้วน แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่แห่งนี้จะมีอาถรรพ์หรือไม่ และถึงแม้ว่าพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ จะเจิมป้ายให้ก็ตาม เพราะล่าสุดวอยซ์ทีวีก็เพิ่งจะปิดกิจการไป อีกทั้งทักษิณเองก็ไปก่อคดีที่หมิ่นเหม่ต่อการครอบงำพรรคเพื่อไทยไว้ไม่น้อย
อย่างไรก็ดี พอเสร็จจากพิธีเปิดที่ทำการใหม่พรรคเพื่อไทย, “มาดามแพทองโพย” พร้อมด้วยรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก็ได้เดินทางไปเปิดตัวโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อ ตามโครงการแจกเงินดิจิทัลเฟสสอง โดยเมื่อวานวันที่ 27 มกราคม เป็นวันแรกที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้โอนเงิน 1 หมื่นบาท ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 3,025,596 ราย หรือประมาณ 3 ล้านคน โดยใช้งบประมาณแผ่นดินทั้งสิ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
เงินแจกตามโครงการ“ดิจิทัลวอลเล็ต”เฟสสองนี้ ซึ่งตรงกับวันจ่ายตรุษจีนอย่างเหมาะเหม็งพอดิบพอดี แม้รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยจะบอกว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่พฤติกรรมมันฟ้องว่าเป็นเงิน“ตกเขียว”ที่พรรคเพื่อไทยไปสัญญาไว้กับชาวบ้านในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง อันเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนกับนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามโครงการ“ดิจิทัลวอลเล็ต”
จะเห็นได้ว่า จากการปราศรัยของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ในการช่วยหาเสียงให้แก่นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทย ที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ทักษิณเองก็เป็นคนพูดว่า “ใครอายุเกิน 60 ภายในวันที่ 27 มกราคม เงิน 1 หมื่นมาถึงแล้ว ส่วนคนอายุ 16-60 ปี รอดิจิทัลวอลเล็ต เสร็จประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ก็จะทยอยมา ดังนั้นที่สัญญาไว้ได้หมด ไม่มีคำว่าโกง”
ฉะนั้น ไม่ว่าจะ“โกงพ่อมึงสิ” หรือ“พ่อมึงโกง” เงิน 1 หมื่นบาทที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยนำมาแจกให้แก่ประชาชน จากเฟสแรกแจกให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ เมื่อวันที่ 25 กันยายนปีที่แล้ว จำนวน 14.5 ล้านคน โดยใช้เงินทั้งสิ้น 1.44 แสนล้านบาท และคราวนี้เฟสสอง อีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท นั้น ก็คือเงินของประชาชนคนไทย 70 ล้านคน ที่จะต้องแบกรับภาระในการชดใช้เงินกู้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ ถ้าเงินที่ถูกล้างผลาญจากการแจกเงิน 1 หมื่นบาทโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนี้ มีผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง ก็จะมีแต่เสียงอนุโมทนาสาธุ แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับกลายเป็นว่า แม้จะทุ่มเงินลงไปกี่หมื่นกี่แสนล้านก็หายหมด อย่าว่าแต่พายุหมุนทางเศรษฐกิจเลย คนเขาค่อนขอดว่า“เสียงผายลม”ก็ยังไม่มีใครได้ยินหรือได้กลิ่น
เฟสแรกก็เงียบ เฟสสองครั้งนี้ก็คงจะอีหรอบเดิม และยังจะมีเฟสสามตามมาอีก ที่เจ้าของคอกพรรคเพื่อไทยตัวจริง คือ“ทักษิณ ชินวัตร”ไปประกาศแบบสัญาว่าจะให้จากการหาเสียงที่จังหวัดศรีสะเกษว่า “คนอายุ 16-60 ปี รอดิจิทัลวอลเล็ต เสร็จประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ก็จะทยอยมา” ซึ่งตามแผนของกระทรวงการคลังที่ตั้งไว้นั้นเงินเฟสสามจะใช้เงินอีกประมาณ 1.4 แสนล้านบาท เพื่อแจกประชาชนที่มีอายุ 16-60 ปี ประมาณ 13.6 ล้านคน
ย้ำอีกที ถ้าเป็น“เงินโกงพ่อมึงสิ”ก็เห็นจะไม่มีใครว่าอะไร แต่เงินหลายแสนล้านบาทที่นำมาแจกในโครงการ“ดิจิทัล วอลเล็ต”ทั้งสามเฟส เป็นเงินของประชาชนทุกคน แต่พรรคเพื่อไทยกลับได้คะแนนนิยม
เป็นคะแนนนิยมที่คนไทย“มีกิน-มีใช้”แบบอัฐยายซื้อขนมยายจากการ“ตกเขียว” โดยพรรคเพื่อไทยและ“ตระกูลชินวัตร”ไม่ต้องควักเงินแม้แต่บาทเดียว!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี