แน่นอนว่า ใครเป็นหนี้ก็ควรจะต้องรับผิดชอบจ่ายคืนหนี้
โดยเฉพาะเมื่อเป็นหนี้เอกชน คือ เจ้าหนี้ก็เอกชน ลูกหนี้ก็เอกชน
กู้ยืม เป็นหนี้ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ก็ควรต้องชำระหนี้ด้วยตนเอง
นี่คือหลักการที่ถูกต้อง จริงแท้
แต่เมื่อรัฐจำต้องเข้าไปช่วยแก้ปัญหาหนี้ของเอกชนที่อ่อนแอ รายย่อย ก็จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ว่าจะไม่ไปสร้างนิสัยเสียส่งเสริมนิสัยเสีย ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในหมู่ประชาชน
ไม่ใช่ว่า ทำดีไม่ได้ดี แต่ทำชั่วกลับได้ดี
แต่ต้องยอมรับว่า มาตรการที่แบงก์ชาติเข้ามาดำเนินการแก้ปัญหาหนี้เอกชนล่าสุด คือ “คุณสู้ เราช่วย”
ออกแบบมาได้ระดับที่ไม่ใช่อุ้มแหลกจนเสียนิสัย
อาจไม่สะใจคนที่ต้องการให้ใครมาช่วยอุ้ม ช่วยแบก
แต่ก็ได้ช่วยคนเป็นหนี้ที่เดือดร้อนหนัก จวนจะยืนไม่ไหว ช่วยได้จริงๆ
คนมีหนี้บ้านเป็นหนี้เสีย สามารถเคลียร์ได้ ไม่เสียบ้าน ไม่เสียรถไม่เสียกิจการ โดยมีเงื่อนไขที่ทำได้จริงๆ จะได้ผ่อนบ้านแบบปลอดดอกเบี้ยตลอด 3 ปี แบ่งเบาภาระหนี้ให้น้อยลง ปิดหนี้เร็วขึ้น
และทำให้มีเงินเหลือเพิ่มสภาพคล่องให้กับครอบครัวตัวเอง
1. มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” สำหรับคนที่มีหนี้แบบที่มีหลักประกัน ไม่ว่าจะสินเชื่อบ้าน, รถยนต์, มอเตอร์ไซค์ หรือสินเชื่อ SMEs
หลักการง่ายๆ คือ “ปลอดดอกเบี้ยตลอด 3 ปี และชำระค่างวดลดลงครึ่งหนึ่งในปีแรก”
ปรับลดภาระผ่อนชำระแบบขั้นบันได
ปัจจุบัน ชำระค่างวดเท่าไหร่ ก็ลดลงเป็น % ได้แก่ ปีที่1 ชำระค่างวดแค่ 50%, ปีที่ 2 ชำระค่างวด 70%, ปีที่ 3 ชำระค่างวด 90% และเมื่อรวมกับการที่ไม่มีดอกเบี้ย เท่ากับว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ออกไปจะไปตัดเงินต้นเต็มๆ
ถ้ามีสินเชื่อผ่อนรถ ผ่อนมอเตอร์ไซค์ หรือ สินเชื่อ SMEs รวมกันแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อ 1 ธนาคาร สามารถเอามารวมแก้ด้วยกันได้ทั้งหมด
2. มาตรการ “จ่าย ปิด จบ” สำหรับคนมีหนี้ส่วนบุคคล หนี้บัตรเครดิตที่เป็นหนี้เสีย ที่มียอดค้าง (ต้นรวมดอก) ไม่เกิน 5,000 บาท
จ่ายแค่บางส่วนก็ปิดหนี้ได้ แล้วก็ล้างเครดิตบูโรได้เลย
ช่วยสำหรับหนี้ก้อนเล็ก ไม่ต้องจ่ายทั้งหมดก็เคลียร์ ขอให้จ่ายเถอะ
3. โครงการนี้ แบงก์ชาติ ร่วมกับสถาบันการเงินทั้งหลาย และกระทรวงการคลัง
เปิดลงทะเบียนภายในวันที่ 28 ก.พ. 2568 เท่านั้น
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย หรือโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ณ วันที่
28 มกราคม 2568 มีลูกหนี้ผู้แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการและอยู่ระหว่างตรวจสอบสิทธิแล้ว 497,552 ราย เป็นจำนวน 576,496 บัญชี
ยังไม่นับรวมส่วนที่ลงทะเบียนตรงกับสถาบันการเงิน
4. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังได้สรุปข้อมูล 10 ข้อที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ทั้งในส่วนของมาตรการจ่ายตรง
คงทรัพย์ และมาตรการจ่ายปิดจบ
“1. คำถาม : มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ พิจารณาคุณสมบัติของลูกหนี้ที่เข้ามาตรการจากยอดหนี้คงค้าง ใช่หรือไม่ เช่น กู้ซื้อบ้านวงเงิน
10 ล้านบาท เมื่อหลายปีก่อน แต่ ณ วันตัดยอดของมาตรการในวันที่
31 ต.ค. 2567 มียอดหนี้เหลือ 4 ล้านบาท ก็สามารถเข้าร่วมมาตรการได้
คำตอบ : ไม่ใช่ มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ พิจารณาคุณสมบัติของลูกหนี้ที่เข้ามาตรการได้จากวงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากสถาบันการเงินไม่ใช่
ยอดหนี้คงค้าง ดังนั้นจากตัวอย่าง ลูกหนี้กู้ซื้อบ้านวงเงิน 10 ล้านบาท และมียอดหนี้เหลือ 4 ล้านบาท ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ เพราะแม้ยอดหนี้คงเหลือจะเหลือ 4 ล้านบาท แต่วงเงินที่ได้รับมาจากสถาบันการเงินคือ 10 ล้านบาท ซึ่งเกินเกณฑ์ที่กำหนดต้องไม่เกิน 5 ล้านบาท
2. คำถาม : หากลูกหนี้มีสินเชื่อบ้านแลกเงิน (Home for cash) อย่างเดียว ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ได้ ใช่หรือไม่
คำตอบ : ไม่จริง หากลูกหนี้มีสินเชื่อบ้านแลกเงิน (Home for cash) อย่างเดียว ก็สามารถเข้ามาตรการจ่าย คงทรัพย์ได้ แต่วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินต้องไม่เกิน 5 ล้านบาท รวมถึงมีคุณสมบัติอื่นๆ ตามเกณฑ์
3. คำถาม : หากปัจจุบันลูกหนี้ยังไม่เคยค้างชำระ ให้เลิกชำระหนี้เลย จะได้เข้ามาตรการได้
คำตอบ : ไม่จริง ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการได้ต้องเป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 31 ต.ค. 2567 โดยกลุ่มที่เป็นหนี้เสียหลังจากนั้นไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ แต่หากลูกหนี้ประสบปัญหาการชำระหนี้ยังคงมีมาตรการอื่นๆ รองรับ ให้ลูกหนี้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหนี้ได้
4. คำถาม : หากปัจจุบันลูกหนี้เข้าข่ายเข้าร่วมมาตรการได้ ให้หยุดชำระหนี้เพื่อรอความช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องจ่ายชำระหนี้ต่อ ใช่หรือไม่
คำตอบ : ไม่จริง หากลูกหนี้ยังสามารถชำระหนี้ได้ ก็ต้องชำระหนี้ตามเงื่อนไขเดิม เพราะหากหยุดชำระหนี้จะทำให้มีหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้น และลูกหนี้จะติดข้อมูลประวัติการค้างชำระไปที่เครดิตบูโรซึ่งจะส่งผลเสียต่อลูกหนี้เอง
5. คำถาม : หากลูกหนี้ไม่มีคุณสมบัติเข้ามาตรการนี้ได้ จะไม่ได้รับความช่วยเหลืออื่นจากสถาบันการเงิน
คำตอบ : ไม่จริง หากลูกหนี้ประสบปัญหาการชำระหนี้ ยังคงสามารถติดต่อสถาบันการเงินเจ้าหนี้เพื่อขอรับความช่วยเหลือจาก
มาตรการอื่นๆ เช่น คลินิกแก้หนี้ ได้
6. คำถาม : หากลูกหนี้จะเข้ามาตรการ จะต้องจ่ายชำระหนี้ก่อนอย่างน้อย 1 งวด ถึงจะเข้ามาตรการได้
คำตอบ : ไม่จริง หากลูกหนี้มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด สามารถเข้าร่วมมาตรการได้เลย โดยสถาบันการเงินห้ามกำหนดเงื่อนไขอื่นที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาตรการของลูกหนี้
7. คำถาม : ลูกหนี้จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วมมาตรการให้กับเจ้าหนี้ก่อนจึงจะสมัครเข้าร่วมมาตรการได้
คำตอบ : โครงการช่วยเหลือลูกหนี้ทุกโครงการจะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกหนี้ก่อนเข้าร่วมโครงการ หากมีการเรียกเก็บให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ
8. คำถาม : การดูวงเงินรวมของลูกหนี้นับทุกประเภทสินเชื่อของลูกหนี้ในแต่ละสถาบันการเงินใช่หรือไม่
คำตอบ : ไม่ใช่ การดูวงเงินรวมให้ดูแยกตามประเภทสินเชื่อที่มีกับแต่ละสถาบันการเงิน เช่น เกณฑ์สินเชื่อบ้าน/บ้านแลกเงิน ไม่เกิน 5 ล้านบาท ก็จะนับเฉพาะวงเงินของสินเชื่อบ้าน ไม่นับรวมสินเชื่อประเภทอื่น
9. คำถาม : หากลูกหนี้เข้าร่วมมาตรการจะไม่สามารถใช้วงเงินบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสดเดิมได้ เพราะจะผิดเงื่อนไขมาตรการที่ห้าม
ก่อหนี้ใหม่ในช่วง 12 เดือนแรก ใช่หรือไม่
คำตอบ : ไม่ใช่ เนื่องจากมาตรการกำหนดว่าห้ามก่อหนี้ใหม่ แต่การเบิกใช้สินเชื่อภายใต้วงเงินเดิม ไม่ถือเป็นการก่อหนี้ใหม่
10. คำถาม : มาตรการจ่ายปิดจบ ลูกหนี้ต้องมีภาระหนี้เสีย หรือ NPL คงค้างไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน จึงจะสามารถเข้าร่วมมาตรการได้ใช่หรือไม่
คำตอบ : ไม่ใช่ หากมีหลายบัญชีสามารถเข้าร่วมมาตรการได้หลายบัญชี แต่ภาระหนี้เสีย หรือ NPL คงค้างของแต่ละบัญชีต้อง
ไม่เกิน 5,000 บาท”
อย่าลืม โครงการเปิดลงทะเบียนภายในวันที่ 28 ก.พ. 2568 เท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี