ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายอาญาที่ถูกพิพากษาลงโทษให้ถูกจองจำ คุมขัง จำคุก เป็นไปเพราะความเชื่อตามความคิดที่ว่าการต้องโทษจำคุกมีประสิทธิภาพมากที่สุดกับการทำให้ผู้ถูกลงโทษกลับตัวเป็นคนดี แต่ความคิดกับความจริงที่ว่านั้นไม่สามารถใช้ได้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร
เพราะแม้นักโทษชายทักษิณถูกพิพากษาให้ต้องถูกจองจำ แต่ทว่าเขาผู้นี้ไม่เคยถูกจองจำแม้แต่วันเดียว เหตุที่สังคมเชื่อตรงกันเช่นนี้เพราะว่าไม่เคยมีภาพปรากฏแม้แต่น้อยว่านักโทษชายทักษิณถูกควบคุมตัวอยู่ในคุก
ดังนั้น จึงมีผู้ย้ำยืนยันว่าเมื่อนักโทษชายทักษิณต้องคำพิพากษาให้ถูกจำคุก แต่ไม่เคยถูกนำตัวเข้าไปอยู่ในคุกเลยแม้แต่วันเดียว ก็จึงเท่ากับยังไม่ถูกจำคุก เพราะฉะนั้นจึงต้องส่งตัวนักโทษชายทักษิณเข้าไปรับโทษในคุกตามคำพิพากษา (ข้อให้กลับไปอ่านความเห็นของแก้วสรร อติโพธิ ในประเด็นทักษิณไม่เคยเข้าคุกแม้แต่วันเดียว แม้ถูกพิพากษาให้ต้องถูกจำคุก)
นอกจากนี้ เมื่ออ้างหลักปฏิบัติทางกฎหมายที่ว่าโทษจำคุกเป็นมาตรการบังคับทางอาญา ที่สามารถตอบสนองต่อภารกิจของกฎหมายอาญาเพื่อการคุ้มครองสังคม โดยเฉพาะประเด็นการตัดโอกาสการกระทำความผิดใหม่ หรือกระทำความผิดซ้ำของอาชญากร ดังนั้น การจำกัดอิสรภาพของอาชญากรจึงเป็นเหตุผลที่สังคมยอมรับได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงกรณีนักโทษชายทักษิณกับการถูกจองจำ ควบคุมตัวในเรือนจำ ก็จะต้องกล่าวตามตรงว่าไม่มีใครยืนยันชัดเจน พร้อมแสดงหลักฐานว่านักโทษชายทักษิณถูกจองจำตัวไว้ภายในคุก แต่กลับปรากฏว่านักโทษชายทักษิณได้รับอภิสิทธิ์มากกว่านักโทษทุกคนบนแผ่นดินไทยก็ว่าได้ เพราะว่านอกจากไม่ต้องติดคุก ติดตะรางอย่างแท้จริงแล้ว ยังได้รับอภิสิทธิ์สารพัดชนิด โดยเฉพาะเรื่องที่สังคมไทยตั้งคำถามในประเด็นข้ออ้างว่าป่วยหนักจนใกล้ตาย แล้วส่งตัวไปรักษาพยาบาลโดยด่วนแบบมีข้อกังขาอย่างมหาศาล ณ ชั้น 14 ของตึกแห่งหนึ่งในโรงพยาบาลตำรวจ
นักโทษชายทักษิณยังได้รับการพักโทษแบบน่ากังขาอีกด้วย ทั้งๆ ที่ความจริงต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 8 ปี แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษให้ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี แต่สุดท้ายแล้วไม่มีใครยืนยันว่านักโทษชายทักษิณติดคุกแม้แต่วันเดียว ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ถูกวิจารณ์ว่านักโทษชายทักษิณไม่ปฏิบัติตนตามสิ่งที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ
เมื่อนักโทษชายทักษิณได้รับการพักโทษแบบสุดพิสดารจนสังคมตั้งคำถามกันทั้งพารา ครั้นเมื่อเขาประกาศตนว่าออกจากโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เขาก็แสดงอิทธิฤทธิ์ทางการเมืองต่างๆ นานาจนชนิดที่ว่าสังคมต้องตั้งคำถามว่าคนที่อ้างว่าป่วยหนักใกล้ตาย แต่เหตุใดจึงสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับคนไม่เคยป่วยหนักตามที่อ้าง
ยิ่งนับว่าสาธารณชนก็ยิ่งพบว่าทักษิณ ชินวัตร ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ทางการเมืองได้ราวกับว่าเขาคือนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่มีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด พฤติกรรมการเมืองที่เด่นชัดมากที่ทักษิณกระทำต่อเนื่องเป็นประจำในระยะ 2-3 เดือนมานี้คือ การขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ของพรรคเพื่อไทยในหลายจังหวัด และทุกเวทีที่ทักษิณขึ้นไปกล่าวปราศรัย ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาแสดงบทบาทเสมือนว่าเขาคือนายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศไทยในยุคนี้
ล่าสุด (ก่อนส่งบทความนี้ตีพิมพ์ช่วงบ่ายสามโมงวันศุกร์) มีข่าวว่าทักษิณไปขึ้นศาลอาญา โดยข่าวระบุว่าไปรับฟังว่าศาลจะอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศไปประชุมที่ประเทศมาเลเซียหรือไม่ แต่ต้องบอกว่าขณะที่ส่งต้นฉบับนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากศาลอาญาว่าอนุญาตตามที่ทักษิณขอหรือไม่
แต่ไม่ว่าศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ตาม ก็ต้องบอกชัดๆ ตรงๆ ว่าทักษิณคือนักโทษที่ได้รับการพักโทษแบบสุดมหัศจรรย์ แล้วก็ยังมีพฤติกรรมสุดพิสดารที่ไม่สามารถมีนักโทษคนไหนสามารถแสดงพฤติกรรมดังกล่าวได้เป็นอันขาด แต่สำหรับทักษิณแล้วเขาสามารถทำได้ เพราะเขาคือทักษิณ ชินวัตร เมื่อสังคมไทยได้ประจักษ์ว่าทักษิณทำได้ทุกอย่างแม้จะมีสถานภาพเป็นนักโทษ แต่ปัจจุบันได้รับการพักโทษ ก็จึงทำให้สังคมยืนยันตรงกันว่าทักษิณ ชินวัตร คือ อภิมหาอภิสิทธิ์ชนตัวจริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี