“อุ๊งอิ๊งค์-แพทองโพย”นั้น ถึงพ่อจะพยายามยกหาง..โฆษณาการขายด้วยการอวดสรรพคุณสติปัญญาความสามารถที่ไม่มีอยู่จริงของเธอแค่ไหนอย่างไร..ทองแท้ก็ย่อมเป็นทองแท้ ไม่ใช่“แพทองโพย”ที่ต้องใช้ไอแพดเป็นสมองช่วยจำ
เข้าเดือนที่หกตั้งแต่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาจับมาเชิดเป็น“นายกรัฐมนตรีร่างทรง” ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นว่า เธอไร้วุฒิภาวะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะชีวิตของ“อุ๊งอิ๊งค์” ก็แค่ลูกคุณหนูพ่อรวยที่ถูกบิดา-มารดาเลี้ยงดูอย่างตามใจ โดยเกิดมาบนกองเงินกองทองที่“บิดา-มารดา”หาได้มา ซึ่งก็ยังเป็นที่กังขาว่า ทรัพย์สินเงินทองที่บุพการีหาได้มานั้น มาจากทางใดบ้าง กระทั่งถึงกับมีเสียงร้องเหมือนถูกเหยียบหางว่า“โกงพ่อมึงสิ”
“แพทองโพย”ไม่มีวุฒิภาวะ เพราะนิสัยและพฤติกรรมยังเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต หรือพูดให้ชัดก็คือ“นิสัยไม่รู้จักโต” ซึ่งในทางจิตวิทยานั้น มนุษย์ทุกคนล้วนมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวกันทั้งสิ้น เช่นว่า เลือกแต่งตังตัวตามที่ตนชอบ, เลือกกินอาหารที่ชอบ, เลือกสะสมของเล่นใหม่เป็นงานอดิเรก และใช้ชีวิตตามใจตนเอง เหล่านี้เป็นต้น โดยถือว่าเป็นเรื่องไม่ผิดปกติ
นั่นก็ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเพศไหน ก็คือเด็กเมื่อในอดีต ถึงแม้กาลเวลาจะล่วงมาแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ในบางครั้งบุคคลผู้นั้นจะแสดงความเป็นเด็กออกมาเมื่อพ้นวัยแล้ว
แต่-ยังมีแต่ เนื่องด้วยในความเป็นเด็ก หากนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตทั้งหมด อาจจะไม่เหมาะสม โดยผู้รู้อธิบายว่า ไม่ใช่เพราะความเป็นเด็กนั้นไม่ดี แต่เป็นเพราะยิ่งเติบโตคนเราก็ยิ่งต้องอาศัยความคิด และการตัดสินใจที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งต้องใช้วุฒิภาวะในการคิดและตัดสินใจ
สำหรับ“แพทองโพย”นั้น ความเป็นเด็กของเธอมีการแสดงออกให้เห็นอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี เธอไม่รู้กาลเทศะ, ไม่รู้ระเบียบแบบแผน, ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร และไม่รู้ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับการมีสามีคนใต้และลูกอีกสองคน ในฐานะเมียและแม่ แตกต่างจากตำแหน่งผู้นำรัฐบาลที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร อันเป็นหนึ่งใน 3 อำนาจของประเทศนี้อย่างไร
การออกรายการโทรทัศน์เทปแรกของ“แพทองธาร ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรี ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย“NBT HD2” และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา..สะท้อนให้เห็นความเป็นเด็กของ“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ได้เป็นอย่างดี ทั้งจากทรรศนะและวิธีคิด..โดยรายการนี้จะมีการออกอากาศทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนของทุกเดือน ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ดังกล่าว
เริ่มแรกเธอพูดถึงที่มาที่ไปของรายการนี้ว่า..“ใครได้รับชม ได้รับฟังในรายการนี้ ถือว่าเอ็กซ์คลูซีฟมากๆ ในเรื่องของการทำงานของรัฐบาลและการทำงานของตัวนายกฯเอง จะเอาเบื้องหลังมาเล่าให้ฟังว่า ได้พบเจออะไรบ้าง รวมถึงจะอธิบายที่มาที่ไปของนโยบาย หรือขั้นตอนของแต่ละนโยบายว่าถึงไหน ก็อยากจะมาอัพเดทในรายการนี้ให้ฟัง”
แค่“มาดามแพทองโพย”เกริ่นเรื่องว่า“เอ็กซ์คลูซีฟมากๆ” นี่ก็คิดเองเออเองแบบเด็กๆ เพราะชาวบ้านเขาไม่อยากเสียเวลามานั่งฟังหรอกว่า การทำงานของนายกรัฐมนตรีหรือของรัฐบาลเป็นอย่างไร เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ใช่แม่ค้าขายสินค้าทางออนไลน์ แต่เป็นผู้บริหารประเทศ ซึ่งมีหน้าที่ในการสร้างความผาสุกความเจริญให้แก่ประชาชนและประเทศชาติบ้านเมือง ดังนั้น ประชาชนคนไทยทุกคนเขาอยากเห็นนายกรัฐมนตรีทำงาน และมีผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่ใช่ราคาคุยจากการโฆษณาขายสินค้าของแม่ค้า
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ผลงานของรัฐบาล ที่“มาดามแพทองโพย”แจกแจงสี่ห้าเรื่องในรายการนี้..ก็ไม่เห็นว่าจะ“เอ็กซ์คลูซีฟมากๆ” อย่างที่เธอบอก เพราะแต่ละเรื่องเป็นเรื่องเก่าที่เอามา“ตีกินหาเสียง”ทั้งสิ้น..ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค, เรื่อง ODOS 1 อำเภอ 1 ทุน, เรื่องโครงการ 1 อำเภอ 1 ซัมเมอร์แคมป์, เรื่องบ้านเพื่อคนไทย หรือเรื่องกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
หากว่าถ้ารายการนี้เป็นเอกชนจัดไม่ใช่นายกรัฐมนตรีจัด คนก็อาจจะเข้าใจผิดว่า รายการนี้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า เหมือน“ดิไอคอน กรุ๊ป” โดยมี“บอสแพทองโพย”เป็นเจ้าของกิจการ
อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งแสดงความเป็นเด็กที่“นิสัยไม่รู้จักโต”ของ“แพทองธาร ชินวัตร” แบบลูกคุณหนูพ่อแม่รวยและเอาแต่ใจตนเองเป็นที่ตั้ง จากที่เธอพูดเปิดใจในช่วงท้ายของรายการเกี่ยวกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแต่งตัวของเธอ-โดย“แพทองโพย”กล่าวว่า
“มีหัวใจ ถ้าโดนว่า โดนอะไรเสียใจแน่นอน รู้สึกแน่นอน แต่จมไม่ได้ เพราะว่างานรออยู่เยอะมาก โดนว่านาทีนี้ นาทีหน้าต้องไปประชุมแล้วค่ะ..แต่ว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เช่นเสื้อผ้า หน้าผม การแต่งตัว (หัวเราะ) ที่ถูกบูลลี่มาโดยตลอด ก็ไม่ได้คิดอะไร..และมันรู้สึกว่า ฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละ..ไปทำงานแบบนี้ให้ประชาชนมีความสุข เพราะนี่เป็นฉัน”
ความเป็นเด็กที่“นิสัยไม่รู้จักโต”ก็ตรงคำพูดที่เธอว่า“เพราะนี่เป็นฉัน”..ซึ่งในทางจิตวิทยาระบุว่า เป็นอาการของ“Peter Pan Syndrome” คล้ายคลึงกับโรคหลงตัวเอง..โดย“มาดามแพทองโพย”อาจจะเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
สำคัญอย่างยิ่ง เธอแยกไม่ออกว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับลูกคุณหนูที่มีสามีคนใต้และมีลูกอีกสองคนนั้น มีสถานภาพแตกต่างกว่ากันอย่างไร
ถ้าเป็นเมียคนใต้ เป็นแม่ลูกสอง เป็น“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ที่ใช้เงินกงสี เธอจะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีใครว่าอะไร..แต่วันนี้เธอเป็นนายกรัฐมนตรี-เป็นผู้นำของคนไทยทั้งประเทศ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี