เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์วานนี้ มีภาพ 3 เหตุการณ์ให้เห็นเป็นข่าว คือที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก, ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ และที่ศูนย์ปฏิบัติการระบบไฟฟ้า สำนักงานใหญ่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เขตจตุจักร กทม.
ภาพแรกเมื่อเวลา 08.30 น. อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นจำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1860/256 ฐานดูหมิ่นเบื้องสูงตามความผิดมาตรา 112 ได้เดินทางไปรายงานตัวต่อศาลอาญา หลังจากศาลอาญาอนุญาตให้ออกนอกราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อร่วมประชุมกับ“อันวาร์ อิบราฮิม”นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 อนุญาตให้อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อร่วมประชุมกับ“อันวาร์ อิมราฮิม”ที่สวมหมวกประธานอาเซียนอีกใบหนึ่ง ตามที่ได้ยื่นคำร้องไว้..โดยวางหลักทรัพย์ประกันจำนวน 5 ล้านบาท และศาลให้มารายงานตัวภายใน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ นับแต่วันที่ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย
สรุปก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร”ไปแล้วไม่ไปลับ..หลังจากไปพบปะหารือกับ“อันวาร์ อิบราฮิม” โดยก่อนหน้านี้มีคนไทยจำนวนไม่น้อยยังคิดว่าทักษิณอาจจะหนีไปเลย และอันที่จริงแล้ว ก็ไม่เห็นว่าทักษิณจะต้องรีบร้อนหนี เพราะคดีมาตรา 112 ที่เป็นโซ่มัดคอทักษิณอยู่ในเวลานี้ กว่าคดีจะถึงที่สุด ยังต้องใช้เวลาอีกเป็นปีสองปี อยู่ในประเทศนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว
อีกทั้งเวลานี้“ทักษิณ ชินวัตร”ก็ใหญ่คับฟ้าเมืองไทย ลูกสาวก็เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็เป็นแกนนำรัฐบาล บริษัทบริวารในคอกก็มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี คุมทั้งทหารและตำรวจ ถามว่าแล้วจะมีใครใหญ่กว่าอดีตนักโทษโกงบ้านกินเมืองผู้นี้อีก
จากนี้ไปก็หาเรื่องขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกประเทศ โดยมี“มาริษ เสงี่ยมพงษ์”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเป็น“เด็กในคาถา” คอยเอาหัวค้ำประกันต่อศาล พร้อมใช้เศษเงินแค่หลักล้านวางเป็นหลักทรัพย์ ด้วยข้ออ้างเดิมว่าเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน พอหลายๆ ครั้งเข้า ก็จะกลายเป็นภาพคุ้นชิน กระทั่งได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจว่าไม่เป็น“เสือเผ่น”แน่..เมื่อถึงตาจนก็จะหนีได้อย่างสบาย และยังสามารถนำเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวไปได้ด้วย ไม่ต้องมุดหนีทางช่อง“สุนัขลอด”ตรงชายแดนไทย-เขมร
“ทักษิณ ชินวัตร”ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที หลังจากเข้าไปเซ็นชื่อรายงานตัวที่ศาลอาญา ก็เดินทางกลับทันที พร้อมกับรับหลักทรัพย์เงินสด 5 ล้านบาทที่วางประกันไว้คืน
ภาพที่สอง-“มาดามแพทองโพย”ยกคณะออกเดินทางไปประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. “มาดามแพทองโพย” พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีคนใต้ และลูกสาวลูกชายอีก 2 คน คือ เด็กหญิงธิธาร สุขสวัสดิ์ และเด็กชายพฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ ได้มาถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ซึ่ง“มาดามแพทองโพย”ในชุดหลวมโพรก นุ่งกางเกงขาบานกรอมเท้า และสวมเสื้อสูทแบบโอเวอร์ไซส์ ในอ้อมอกอุ้มลูกชายไว้ด้วย
เห็นภาพแล้ว คนที่รู้สึกอิหลักอิเหลื่อก็น่าจะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่สวมสูทอย่างเป็นทางการร่วมคณะไปด้วย เพราะตอนยกมือไหว้กล่าวทักทาย“มาดามแพทองโพย” ก็เท่ากับยกมือไหว้ลูกชายของเธอที่อยู่ในอ้อมอกไปด้วย
โดยก่อนขึ้นเครื่องบิน นายปิฎก สุขสวัสดิ์ ผู้เป็นสามีคนใต้ พร้อด้วยลูกสาวลูกชาย ได้เดินไปส่ง“มาดามแพทองโพย” ถึงประตูทางออก บน.6 และ“มาดามแพทองโพย” ได้ทำมือเป็นสัญลักษณ์รูปหัวใจ และมินิฮาร์ท ส่งมาให้ครอบครัว เป็นภาพสุดท้าย
อย่างไรก็ดี น่าเป็นห่วงว่าการเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีนของ“มาดามแพทองโพย”ครั้งนี้ จะไปทำอะไรให้ประเทศไทยขายขี้หน้าอีกหรือไม่ เพราะครั้งนี้เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ (Official Visit) และต้องพบปะหารือกับประธานาธิบดี“สี จิ้นผิง” ในสองโอกาส คือ เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ และความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ และสังคมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้ถือว่า“เป็นปีทอง”แห่งมิตรภาพไทย - จีน ครบรอบ 50 ปี..จากที่ได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครั้งแรกในปี 2518 สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี
และการเดินทางครั้งนี้ “มาดามแพทองโพย” ได้ขนรัฐมนตรีร่วมคณะไปถึง 8 คน นอกจากนายอนุทิน ชาญวีรกูร แล้ว อีก 7 คน ก็มี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ส่วนอีกหนึ่งโอกาส ในการเดินทางเยือนจีนของ“มาดามแพทองโพย”ครั้งนี้ ก็เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ฤดูหนาว หรือ“ฮาร์บิน 2025” ครั้งที่ 9 อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ณ นครฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง โดยการแข่งขันจะมีไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568
สำหรับภาพสุดท้าย เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์วานนี้ นับว่าสำคัญยิ่ง เนื่องจากจะช่วยเสริมให้ภาพที่สองคือการเดินทางไปเยือนจีนของ“มาดามแพทองโพย”พร้อมรัฐมนตรีอีก 8 คน ดูดีขึ้นมาในสายตาของประธานาธิบดี“สี จิ้นผิง” นั่นก็คือพิธีกรรม“สับสวิตซ์”งดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังฝั่งเมียนมา 5 จุด ที่เพิ่งจะสะเด็ดน้ำจากการประชุมสภาความมั่งคงแห่งชาติเมื่อเย็นวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแล กฟภ. เป็นประธานในการสับสวิตซ์ เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ศูนย์ปฏิบัติการระบบไฟฟ้า สำนักงานใหญ่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เขตจตุจักร กทม.
แต่ถึงกระนั้นในทางเป็นจริง แม้ทางการไทยจะดราม่ากันเป็นทอด ๆ จากการโยนกันไปโยนกันมา ว่าจะตัดหรือไม่ตัด หรือจะตัดชั่วโมงไหน ทั้ง“ไฟฟ้า-อินเตอร์เน็ต-น้ำมัน” กระทั่งมีมติจากการประชุมคณะกรรมการสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อเย็นวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า“ให้สั่งตัด” ปรากฏว่า ช่วงที่โยนกันไปกันมานั้น เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทางฝั่งเมียนมา ได้มีเวลาเตรียมการรับมือ..ดังนั้น ถึงจะมีพิธีกรรม“สับสวิตซ์”ก็หาได้มีผลในทางปฏิบัติแต่อย่างใดไม่
นั่นก็เพราะ ทางด้านเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ติดกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 2 จุดก็สามารถซื้อกระแสไฟฟ้าจากลาวได้..ส่วนทางเมืองพญาตองซู รัฐมอญ ตรงข้ามด่านพระเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี 1 จุด..และเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง 2 จุด ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก..ก็ได้มีการตุนน้ำมันเชื้อเพลิงไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่อินเตอร์เน็ตก็ไม่มีปัญหา ยังสามารถใช้บริการจาก 2 บริษัทค่ายยักษ์ใหญ่ของไทย คือ AIS และ TRUE
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ภาพทั้งสามภาพนี้ก็คือ หนึ่งในฉากดราม่าการเมืองไทยที่มี“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายโรง..โดยมี“แพทองโพย”เป็นนักแสดงนำ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี