ประเด็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง USAID โดยอีลอน มัสต์ และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐกำลังเป็นที่สะท้านสะเทือน
เพราะจะกระทบหม้อข้าวเอ็นจีโอข้ามชาติบางส่วน และเครือข่ายแนวร่วมม็อบสามนิ้วในไทย
แต่ล่าสุด นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ชี้ให้เห็นไกลไปกว่านั้นอีก ว่ามันเกี่ยวพันกับโควิด-19 และวัคซีนเทพ อย่างไรบ้าง
1. นพ.ธีระวัฒน์ ชี้ว่า USAID ที่ถูกเปิดโปงมาเป็นเพียงยอดภูเขา ตัวภูเขา ยังมีข้อมูลอีกมาก
“...และเป็นที่อยู่ ของ CIA
ให้เงิน ซีเรีย และประเทศต่างๆ ในการล้มรัฐบาล
ให้เงิน Fauci ผ่านทาง NIAID NIH Ecohalth alliance (Peter Daszak ซึ่งขณะนี้ถูกปลดไปแล้ว)
โครงการสร้างไวรัสใหม่จากการตัดต่อพันธุกรรม ส่งเงินให้สถาบันวิจัยไวรัสอู๋ฮั่น ให้ทำการทดลอง โดยต้นแบบจาก Ralph Baric (University of North Carolina) และจนเกิดระบาดโควิด
ให้เงิน save the children foundation ซึ่งกลายเป็นเกี่ยวโยงกับ sex trafficking
CIA พยายามปิดปาก ผู้สืบสวนวิเคราะห์กำเนิดโควิดไม่ให้เผยแพร่เอกสารและทำลายเอกสาร และในปี 2025 ออกมารับว่าเป็นจากห้อง lab แต่พูดว่ามีความเชื่อถือของข้อมูลต่ำ แต่ถูกลบล้างเถียงไม่ได้จากข้อมูลหลักฐานอื่นที่แสดงได้ชัดเจนว่าเป็นไวรัสที่สร้างขึ้นและออกจากห้องปฏิบัติการจริง
ประเทศไทยก็ได้รับเงินจากองค์กรเหล่านี้ และยังทำอยู่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทั้งที่รู้ข้อมูลต่างๆ ว่าจะเอาไปทำอะไรและเกิดอะไรขึ้นแล้ว หัวหน้าสถาบันศึกษา องค์กรของประเทศ มหาวิทยาลัย รับรู้เรื่องเหล่านี้มาตลอด”
2. นพ.ธีระวัฒน์ โพสต์ความเห็นว่าด้วยเรื่อง “USAID กับ โซรอส อาณาจักรวัคซีนของเกตส์ WEF และกระแส ปฏิวัติ” ระบุว่า
“จอร์จ โซรอส
ในปี 2017 มูลนิธิ Heritage ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิจัยแนวอนุรักษ์นิยมได้อ้างว่ามูลนิธิ Open Society Foundations (OSF) ของจอร์จ โซรอส เป็นผู้ดำเนินการหลักในการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศของ USAID ตั้งแต่ปี 2009 เป็นอย่างน้อย ตามรายงานของ Sputnik
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือระหว่างโซรอสและ USAID นั้นมีมายาวนานกว่านั้นมาก
เอกสารของ USAID ในปี 1993 เปิดเผยว่าหน่วยงานได้ร่วมมือกับโครงการฝึกอบรมผู้บริหารของโซรอสในการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญ 30 คนจากบัลแกเรีย เอสโตเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวะเกีย
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 และต้นทศวรรษ 2000 เครือข่าย NGO ของโซรอสมีบทบาทสำคัญในกระแสการปฏิวัติสีที่แผ่ขยายไปทั่วยุโรปตะวันออก
สปุตนิกชี้ให้เห็นว่าหนึ่งในตัวอย่างที่น่าสังเกตมากที่สุดเกิดขึ้นในปี 2003–2004 เมื่อมูลนิธิ International Renaissance Foundation ของโซรอสร่วมมือกับ USAID เพื่อสนับสนุนการปฏิวัติสีส้มของยูเครน ในช่วงหลายปีก่อนที่จะเกิดการลุกฮือ สหรัฐฯ ได้ทุ่มเงินจำนวนมากเข้าสู่ภูมิภาคนี้ โดยใช้เงิน 54.7 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2546 และอีก 34.11 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2547 สำหรับโครงการที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” ในยูเครน โดยมี USAID ทำหน้าที่เป็นช่องทางสำคัญ
อิทธิพลของโซรอสแผ่ขยายไปไกลกว่ายุโรปตะวันออก
ในเดือนเมษายน 2561 องค์กรเฝ้าระวังทางกฎหมายอย่าง Judicial Watch ได้เปิดเผยบทบาทของ USAID ในการสนับสนุนวาระโลกาภิวัตน์ของโซรอสในกัวเตมาลา ซึ่ง OSF
ถูกกล่าวหาว่าใช้เงินประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการปลุกปั่นความไม่สงบในละตินอเมริการะหว่างปี 2558 ถึง 2561
การเปิดเผยเพิ่มเติมเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2561 เมื่อ Judicial Watch ได้รับเอกสารที่แสดงให้เห็นว่า USAID ร่วมมือกับโซรอสในการระดมทุนให้กับนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงในแอลเบเนีย
รายงานระบุว่าในปี 2559 USAID ได้จัดสรรเงิน 9 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับแคมเปญที่ดำเนินการโดยสถาบันการจัดการตะวันออก-ตะวันตกของโซรอส
ขนาดของเงินทุนที่เชื่อมโยงกับ Soros ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2024 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในขณะนั้นได้ขอเงินเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับ USAID ในปี 2025 ซึ่งเน้นย้ำถึงแหล่งเงินทุนจำนวนมหาศาลที่ไหลผ่านหน่วยงาน ซึ่งหลายแหล่งมีความเกี่ยวข้องกับโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก Soros ในอดีต
World Economic Forum ฟอรัมเศรษฐกิจโลก
ตามฟอรัมเศรษฐกิจโลกอนาคตกำลังมาถึงซึ่งพลเมืองโลกจะ “ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง” และ “มีความสุข” เกี่ยวกับเรื่องนี้ และสหรัฐอเมริกาจะไม่เป็นมหาอำนาจชั้นนำของโลกอีกต่อไป ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2022 USAID ได้ลงทุนประมาณ 26 ล้านดอลลาร์ในข้อตกลงหลายปี ตามเว็บไซต์ของ WEF
ในเดือนมกราคม 2024 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันเสนอร่างกฎหมายที่เรียกว่า “Defund Davos Act” เพื่อปิดกั้นกระทรวงการต่างประเทศ USAID และหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่นๆ ไม่ให้จัดหาเงินทุนให้กับฟอรัมโดยเฉพาะ
รายงานจากช่วงเวลาดังกล่าวได้ยืนยันว่าสหรัฐฯ “ได้ใช้เงินหลายล้านดอลลาร์กับ WEF ตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
“การบังคับให้ผู้เสียภาษีชาวอเมริกันออกเงินสนับสนุนการท่องเที่ยวสกีประจำปีของชนชั้นสูงที่อาศัยอยู่ทั่วโลกนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่น่าตำหนิ” สส. สก็อตต์ เพอร์รี (R-PA) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำร่างกฎหมายฉบับนี้กล่าว “ฟอรัมเศรษฐกิจโลกไม่สมควรได้รับเงินสนับสนุนจากอเมริกาแม้แต่เซ็นต์เดียว และถึงเวลาแล้วที่เราควรยกเลิก
งบประมาณ Davos”
ทอม ทิฟฟานี สส. วิสคอนซิน ซึ่งเป็นผู้ร่วมสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ กล่าวว่า “นักโลกาภิวัตน์ globalist ที่ร่ำรวยไม่ควรได้รับเงินภาษีที่ชาวอเมริกันหามาด้วยความยากลำบาก พระราชบัญญัติยกเลิกงบประมาณ Davos จะทำให้มั่นใจได้ว่าเงินภาษีของสหรัฐฯ จะไม่ถูกใช้เป็นเงินทุนสำหรับฟอรัมเศรษฐกิจโลกและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา ฉันขอขอบคุณ สส. เพอร์รี ที่เป็นผู้นำความพยายามที่สำคัญนี้”
การปิดหน่วยงานของ USAID ไม่ใช่แค่การปรับเปลี่ยนระบบราชการเท่านั้น แต่ยังเป็นการโจมตีโดยตรงต่อฐานที่มั่นของกลุ่มโลกาภิวัตน์ที่ส่งเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่อาณาจักรวัคซีนของเกตส์ การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ได้รับการสนับสนุนจากโซรอสและวิสัยทัศน์ที่เลวร้ายของ WEF
ฝ่ายบริหารของไบเดนได้ขออนุมัติงบประมาณตามดุลพินิจจำนวน 64,400 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2025 สำหรับรัฐบาล USAID และโครงการระหว่างประเทศอื่นๆ
แต่เมื่อวันจันทร์ ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้สั่งปิดสำนักงานใหญ่ของ USAID ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และตอนนี้ก็ขู่ว่าจะปิดหน่วยงานนี้อย่างถาวร
USAID เป็นเครื่องมือของนโยบายต่างประเทศของกลุ่มดีพสเตตที่ใช้เพื่อสร้างอิทธิพลในประเทศอื่นๆ โดยแอบอ้างว่าเป็นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ของหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่โรงทานและคลินิกสุขภาพ
USAID มักมีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเงินภาษีของประชาชนผ่านโครงการที่สนับสนุนผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของกลุ่มโลกาภิวัตน์ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ระบุไว้ในการพัฒนาหรือบรรเทาความยากจนเสมอไป
หน่วยงานสนับสนุนการปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างลับๆ ด้วยการให้ทุนแก่กลุ่มฝ่ายค้าน องค์กรพัฒนาเอกชน และโครงการริเริ่มที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของกลุ่มโลกาภิวัตน์ จึงแทรกแซงกิจการภายในของประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ออกมาประณาม USAID ที่จัดสรรเงินให้กับโครงการต่างๆ ทั่วโลกอย่าง “ไร้เหตุผล” เมื่อไม่นานนี้
“ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคุณ แต่ในฐานะผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน ฉันไม่ต้องการให้เงินของฉันถูกใช้ไปกับเรื่องไร้สาระนี้” ลีวิตต์กล่าว
บิล เกตส์
สหรัฐอเมริกา ผ่านทาง USAID มีส่วนสนับสนุนหลักในโครงการวัคซีนระหว่างประเทศของบิล เกตส์ หรือ GAVI Alliance นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2543
ในปี 2563 USAID ได้ประกาศให้คำมั่นว่าจะให้เงิน 1.16 พันล้านดอลลาร์ แก่ Gavi สำหรับปีงบประมาณ 2563 ถึง 2566
ล่าสุด สหรัฐอเมริกาได้ให้คำมั่นว่าจะให้เงินอย่างน้อย 1.58 พันล้านดอลลาร์แก่ Gavi ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้าสำหรับช่วงเวลาการคืนเงินที่กำลังจะมาถึง
เงินสนับสนุนเหล่านี้ เมื่อรวมกับเงินทุนก่อนหน้านี้ น่าจะเกิน 2 พันล้านดอลลาร์
GAVI ของเกตส์เป็นหนึ่งในผู้รับทุน USAID สูงสุดในปี 2024 ตามข้อมูลของสมาคมแพทย์และศัลยแพทย์อเมริกัน
สมาคมได้แชร์ภาพหน้าจอที่ระบุว่า USAID มอบเงินให้ GAVI เป็นจำนวน4 พันล้านดอลลาร์ ในปีนั้นเพียงปีเดียว
บทความโดย Jon Fleetwood 5 กุมภาพันธ์ 2025 และจากข้อมูลเช่น จากAssociation of American Physicians & Surgeons”
3. ยิ่งกว่านั้น นพ.ธีระวัฒน์ ยังโพสต์เรื่องราวของ “วัคซีนโควิดกับการเกิดมะเร็ง” เป็นตอนๆ น่าสนใจมาก
ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของวัคซีน mRNA กับอัตราตายสูงขึ้นอย่างผิดปกติ(statistically significant increases) ของมะเร็งทุกชนิด โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen- related cancers) ตามหลังการระดมฉีดเข็มสาม
มีแหล่งอ้างอิงของรายงานในญี่ปุ่น
นพ.ธีระวัฒน์ยังได้นำเสนอให้เห็นว่า กลไกที่ mRNA วัคซีน โยงไปถึงการเกิดมะเร็งได้ไวขึ้นและโตเร็วขึ้นนั้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็น estrogen และERalpha-sensitive เกิดจากการที่โปรตีนหนามของวัคซีน มีการจับตัวอย่างเฉพาะเจาะจงกับ ERalpha และเร่งให้เกิดปฏิกิริยามากขึ้น
4. จากข้อเขียนของ นพ.ธีระวัฒน์ แม้ยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนในทางการแพทย์100%
แต่สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบและความเสี่ยงของวัคซีน mRNA ที่พัฒนาขึ้นหลังโควิด-19 ระบาด
และคิดต่อไปได้อีกว่า ในประเทศไทย กลุ่มที่เคลื่อนไหวปั่นกระแสวัคซีนเทพก็คือกลุ่มการเมืองส้มสามนิ้ว ที่เครือข่ายบางส่วนได้การสนับสนุน รวมถึงท่อน้ำเลี้ยงบางส่วนจากเครือข่ายของแหล่งทุนโซรอส USAID และ NED ของสหรัฐนั่นเอง
ส้มสามนิ้ว กลุ่มเดียวกับที่พยายามปลุกปั่นล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย
ปั่นกระแสทำลายจีน และเอนเอียงเข้าข้างสหรัฐราวกับบิดานั่นเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี