สังคมไทยอยู่ในความสับสนวุ่นวายมานาน เพราะหลงเชื่อ หลงเข้าใจตามอนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ หรือ Deep State ไทยที่เชื่อว่า พานักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์อดีตนักโทษหนีคุกคนนั้นกลับบ้าน มาขจัดพรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ที่เป็นภัยคุกคามสถาบันหลักของชาติ และความมั่นคงภายในได้ แต่ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า อนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ หรือ Deep State ไทยผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
เนื่องจากว่า นักโทษหนีคุกที่ทำดีลกับอนุรักษ์นิยมใหญ่ ไม่ได้ทำให้พรรคคนรุ่นใหม่เสียหาย แต่พรรคคนรุ่นใหม่เสื่อมสลายเพราะทำลายตัวมันเอง เท่านั้นยังไม่พออดีตนักโทษเด็ดขาดชาย ยังแอบมีข้อตกลับกับพรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่มีนโยบายเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และตกลงกันด้วยว่า จะเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ปัจจุบันสถานการณ์บังคับจำเป็นต้องแยกกันเดินแต่ร่วมกันตีทุกครั้งที่มีโอกาส
เช่น ร่วมมือกันผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่รวมผู้กระทำความผิดอาญามาตรา 112 ซึ่งอดีตนักโทษหนีคุกตกเป็นจำเลยอยู่ด้วยและร่วมมือกันทำ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาใช้แทนรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ได้ชื่อว่า รธน. ปราบโกงให้ได้ เพราะเป็นเนื้อเดียวแกนนำพรรคฝ่ายค้าน จึงไม่สนใจ ไม่เอ่ยถึงความผิดปกติในการเลี่ยงเข้าคุกไปเป็นเทวดา ชั้น 14 ที่ รพ.ตำรวจ
ผู้ที่มีดีลลับกับ Deep State ไทย ถึงได้ท้าทายไล่พรรครัฐบาล ที่ไม่ทำตามความต้องการผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ให้ออกไป เพื่อจะได้รวมเอาพรรคคนรุ่นใหม่ มาไว้ในรัฐบาลเดียวกัน
โชคดีที่ประเทศไทยยังมีคนรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ รู้ทันแผนการชั่วร้ายของอดีตนักโทษเด็ดขาด และพรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้รักชาติต่อสู้ตามรัฐธรรมนูญ ต่อสู้ตามกฎหมายไม่คืบหน้า เนื่องจากผู้บังคับใช้กฎหมายส่วนใหญ่ เชื่ออย่างสนิทใจ และเข้าใจว่า อดีตนักโทษหนีคุกได้ทำข้อตกลงลับกับอนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ จึงไม่กล้าบังคับใช้กฎหมายกับผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ปล่อยให้อดีตนักโทษเด็ดขาดย่ำยีความยุติธรรมได้ตามอำเภอใจ
ดังนั้น เมื่อได้โอกาสประชาชนผู้รักชาติ จึงได้สั่งสอนนายใหญ่ พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ ตลอดถึงอนุรักษ์รุ่นใหญ่ที่คนทั่วไปเรียกว่า อำนาจพันลึก หรือ Deep State โดยการลงคะแนนเลือกตั้งให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดส่วนใหญ่ ที่ไม่เกี่ยวกับพรรคคนรุ่นใหม่ และพรรคที่นายใหญ่มีดีลกับ Deep State
ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาที่รู้กันทั่วไปว่าแข่งกันรุนแรงออกหน้าเพียงสามสี ได้แก่ สีแดง (เพื่อไทย) สีส้ม (ประชาชน มาจากก้าวไกลที่ถูกยุบ) และ สีน้ำเงิน (ภูมิใจไทย) นายทักษิณ ชินวัตร ทุ่มสุดตัวเดินสายหาเสียงให้สีแดงด้วยสโลแกนว่า“กินส้ม ไล่หนู ตีงูเห่า”
พรรคประชาชน ขนอดีตหัวหน้าพรรคสามคน และเครือข่ายส้มทั้งหมด ทุ่มเททุกวิถีทางสร้างความนิยมให้ผู้สมัครสีส้ม ด้าน ภูมิใจไทย ไม่มีหัวหน้าพรรคออกหน้าหาเสียงให้ผู้สมัคร โดยอ้างว่าเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยไม่เหมาะช่วยหาเสียง อบจ.
ผลการเลือกตั้งออกมาปรากฏว่า สีแดงได้นายก อบจ.พียง 10 จังหวัด จากส่วนใหญ่ในภาคเหนือและอีสาน ส่วนสีน้ำเงิน ได้ 14 จังหวัด สีส้มได้จังหวัดลำพูน เพียง 1 เดียว ส่วนที่เป็นนายก อบจ.เก่าที่เรียกว่าบ้านใหญ่ได้กลับมา 16 จังหวัดในภาคเหนือ อีสานและภาคกลาง ส่วนภาคใต้ได้นายก อบจ.จากเครือข่าย พรรคประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ และเครือข่ายภูมิใจไทยได้นายก อบจ. 9 จังหวัด แดงกับส้มภาคใต้ไม่มีพื้นที่ให้ยืน
ทั้งหมดที่กล่าวไม่รวมนายก อบจ.27จังหวัด ที่ชิงลาออกก่อนหมดวาระ แล้วลงสมัครรับเลือกได้กลับมาใหม่ พรรคส้ม ที่ Deep State หรือ อนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ ต้องการให้อดีตนักโทษหนีคุกมาปราบ ไม่ได้นายก อบจ.แม้แต่คนเดียวในการลงชิงตำแหน่งนายก อบจ.ที่ชิงลาออกเพื่อเลือกตั้งใหม่
สรุปว่าทั่วประเทศ 75 จังหวัด (ไม่รวมกทม.) ผู้ที่อนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ต้องการให้มาปราบสีส้มมี นายกอบจ.ในสังกัดเพียง 10 คน ที่เหลือ 65 จังหวัด นายก อบจ.เป็นคนในเครือข่าย พรรคภูมิใจไทย ปชป.รวมไทยสร้างชาติ และ พลังประชารัฐ ที่น่าสนใจ ภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นเครือปชป.ที่เปลี่ยนไปเป็นเครือข่ายพรรคภูมิใจไทย
จึงพูดได้ว่า นี้คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ Deep State ไทย หรืออนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ ที่คิดเองเออเองว่า อดีตนักโทษหนีคุกยังมีความนิยม มีอิทธิพลบารมี มีความสามารถขจัดพรรครุ่นใหม่ที่คุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์ และความมั่นคงภายในของประเทศไทยได้
อนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ หรือ Deep State ไทยมองข้ามพลังอันยิ่งใหญ่ของคนไทยรักชาติ ที่เสียสละเวลา ทรัพย์สิน และชีวิตเลือดเนื้อเพื่อขับไล่ นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ปล้นชาติอาฆาตพยาบาทสถาบันมาแล้ว หลายครั้งหลายคราในห้วงเวลายี่สิบปี ประชาชนลุกฮือขึ้นมาไล่ในนาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และ กปปส. เพราะคนไทยรักชาติเหล่านี้ใช่ไหม?ที่เปิดโอกาสให้อนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ ได้ฟื้นฟูประเทศไทย จากเกือบล่มสลาย กลายเป็นรัฐล้มเหลว
น่าเสียใจที่การเสียสละของคนไทยรักชาติหลายสิบล้านคน กลายเป็นเรื่องสูญเปล่า เมื่ออนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่หรือ Deep State ไทยประเมินสถานการณ์ผิดพลาด โอบอุ้ม
นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติให้กลับมายิ่งใหญ่ ย่ำยีประเทศไทยจนเกือบกลายเป็นรัฐล้มเหลวได้ในวันนี้
ตั้งแต่ Deep State ไทยโอบอุ้มนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์กลับมา ประเทศชาติมุ่งหน้า สู่หายนะตั้งแต่วันนั้น ทุกองค์กร ทุกสถาบัน ทุกหน่วยงานราชการตลอดถึงองค์กรอิสระ ตกอยู่ใต้อิทธิพลบารมี ฟังคำสั่งการจากนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์คนนั้น ไม่มีใครกล้าจัดการไม่มีองค์กรไหนกล้าบังคับใช้กฎหมาย เพราะผู้มีหน้าที่ไม่รู้ว่าผู้ที่โอบอุ้มอดีตนักโทษคนนั้นใหญ่ระดับไหน
จึงได้แต่หวังว่า ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ผ่านมาทำให้ Deep State ไทยหรืออนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ได้หูตาสว่าง มองโลกด้วยความเป็นจริงว่า พระสยามเทวาธิราช กับประชาชนผู้รักชาติเท่านั้น ที่ขจัดคนรุ่นใหม่มุ่งแซะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ นอกจากนี้
ไม่มีนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์โคตรโกงคนไหน มีความจริงใจในความพยายามขจัดผู้ทำลายชาติให้หมดไป
หากไม่ซื่อจนเซ่อ หรือถูกสมุนบริวารนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ หลอกใช้เป็นเครื่องมือแก้ระเบียบกฎหมายให้เจ้านายพวกเขาได้กลับมา Deep State หรืออนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ ต้องสำนึกได้ว่าตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา ประชาชนผู้รักชาติได้ขับไล่เครือข่ายนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติอาฆาตพยาบาทสถาบัน ไปแล้วถึงสามครั้ง จนกระทั่งอนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่ได้ครองอำนาจ
วันนี้เชื่อว่า ประชาชนผู้รักชาติส่วนใหญ่ ต้องการให้อนุรักษ์นิยมรุ่นใหญ่เลิกโอบอุ้ม นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์คนนั้น โดยการแสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา
ดังสุภาษิตไทยที่ว่า “หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก” หัวส่ายวันไหนเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรม หน่วยงานราชการ ตลอดถึงหน่วยงานอิสระจะเดินหน้าทันที
วันนี้ประชาชนผู้รักชาติพร้อมแล้ว หลักฐานพยานในการกระทำความผิด อยู่ในมือหน่วยงาน กระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ กลางน้ำแล้ว หัวส่ายวันไหน ขจัดนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ต้นตอของความสับสนวุ่นวาย ที่กำลังนำประเทศไปสู่หายนะได้วันนั้น
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี