ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้อนุมัติหมายจับ สส. ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ พรรคไทยก้าวหน้า ตามคำร้องของสภ.เมืองเชียงใหม่ ที่ยื่นขออนุมัติหมายจับในคดีข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน โดยเหตุเกิดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยล่าสุดนักท่องเที่ยวสาวไต้หวันได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ล่าสุด ได้ดำเนินการยื่นหมายจับไปยังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอนำตัวไปดำเนินคดี เนื่องจากยังอยู่ในสมัยประชุมสภา ซึ่งต้องรอมติที่ประชุมอีกครั้งว่าจะส่งตัวดำเนินคดีหรือไม่
1) ผู้ช่วย สส. ไชยามพวาน ได้ส่งข้อความชี้แจงของนายไชยามพวาน ให้ผู้สื่อข่าว ระบุว่า “ผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ได้ทำตามความผิดที่ถูกกล่าวหาแน่นอน ในส่วนที่ถูกกล่าวหาอย่างไรขอผมดูก่อน เพราะผมยังไม่รู้เลยว่าถูกกล่าวหาเรื่องอะไร ? ในประเด็นไหนบ้าง ? เพราะผมยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาหรือมีโอกาสชี้แจงเลยต่อพนักงานสอบสวน
และผมขอตั้งคำถามกับกระบวนการยุติธรรม ผมสงสัยมาก ว่าทำไมเป็นการข้ามไปออกหมายจับ แทนที่จะเป็นหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาให้ผมได้ชี้แจงกับทางเจ้าหน้าที่ก่อน เป็นการดำเนินการของตำรวจและผู้กล่าวหาฝั่งเดียว เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ยืนยันผมไปรับทราบข้อกล่าวหาแน่นอน ว่ามีประเด็นไหนบ้างและรอบนี้ผมสู้แน่นอน ผมมั่นใจว่าไม่ได้กระทำอย่างที่ถูกกล่าวหา
คำถามกับตำรวจสภ.เมืองเชียงใหม่
1. จากที่ผมได้กล่าวข้างต้น ผมถามว่า ผมอยู่ตรงไหนของสมการในกระบวนการยุติธรรมนี้หรือไม่อย่างไร?
2.ทำไมถึงไม่ออกหมายเรียก คิดว่าผมจะหนีหรือไม่อย่างไร? และผมจะหนีทำไม?
รอบนี้ผมไม่ยอม ผมสู้แน่นอน ในกระบวนการยุติธรรม
2) คำถามที่ควรเกิดขึ้นในสังคมก็คือนายไชยามพวาน หรือ สส.ปูอัด อยู่ที่ไหน ทำไมไม่ปรากฏตัว ทำไมไม่แถลงข่าว ทำไมไม่ชี้แจงด้วยตัวเอง ทำไมต้องผ่าน “ผู้ช่วย”
3) เป็นความรู้แก่ไชยามพวานกับผู้ช่วยก็แล้วกันนะครับ ว่า...
“หมายจับ” คือ หนังสือที่ศาลอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพนักงานฝ่ายปกครอง จับกุมผู้ต้องหา หรือจำเลย ที่กระทำความผิด หรือเชื่อว่าได้กระทำความผิด โดยผู้ที่จะออกหมายจับได้ คือ “ศาล” เท่านั้น
สาเหตุที่ออกหมายจับ ต้องมีลักษณะอย่างไร ?
ตามกฎหมายอาญาในมาตรา 66 ระบุไว้ว่า เหตุที่จะออกหมายจับได้มีหลักๆ 2 ประการ คือ
1.เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่า บุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี
2.เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่า บุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญา และมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือ จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น
ไชยามพวานกับพวก ไปเรียนหนังสือจากที่ไหนมาหรือครับ ถึงคิดว่า จะออกหมายจับโดยไม่มีหมายเรียกไม่ได้และความเป็น สส. หมายจับ ทำอะไรคุณไม่ได้เลยในเวลาที่เปิดสมัยประชุมสภาอยู่อย่างตอนนี้ และก็เพราะคุณมีเอกสิทธิ์คุ้มครองแบบนี้ด้วยไงครับ อาจเป็นเหตุให้ตำรวจขอต่อศาลให้ออก “หมายจับ” เลย
คำถามที่ตามมาคือ สภาควรทำอย่างไร หัวหน้าพรรคไทยก้าวหน้าควรทำอย่างไร และสมาชิกสภาทุกท่านควรทำอย่างไร
4) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้หญิง และในฐานะนักการเมือง เราต้องการผู้แทนที่มีคุณธรรมจริยธรรม และต้องมีสูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งกรณีของ สส.ปูอัด ไม่ใช่ครั้งแรก ยิ่งครั้งนี้ตำรวจขอศาลอนุมัติออกหมายจับ และเป็นการกระทำต่อนักท่องเที่ยว มันเสียหายทั้งเรื่องการทำร้ายลูกผู้หญิง และเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศด้วย
ดังนั้น สส.ไม่ควรมีพฤติกรรมแบบนี้ ยิ่งก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ถ้าปูอัดเห็นว่าตัวเองมาจากประชาชน ควรมีสำนึกและรู้สึกว่าเราได้ทำผิดต่อประชาชนที่เขาเลือกเรามา จึงอยากเรียกร้องความรับผิดชอบด้วยการลาออกโดยไม่ต้องรอกระบวนการยุติธรรม และไปต่อสู้แสดงความบริสุทธิ์ในฐานะคนธรรมดา ไม่ต้องใช้เอกสิทธิ์ สส.คุ้มครอง
เมื่อถามว่า ต้องใช้วิธีให้สภาลงมติเพื่อเปิดทางให้ตำรวจเข้ามาควบคุมตัวในสภาเลยหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองก็ไม่ควรใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองใดๆ ควรลาออกเพื่อมาต่อสู้คดี เพราะนี่ก็ไม่ใช่กรณีแรก เคยมีเรื่องลักษณะคล้ายคลึงกันแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว ส่วนกรณีที่ สส.ปูอัด เป็นฝ่ายค้านอยู่ด้วย เรื่องนี้จะกระทบต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของปัจเจก เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่พฤติกรรมของฝ่ายค้าน และตนเชื่อว่าทุกพรรคของฝ่ายค้านน่าจะมีความเห็นเดียวกัน เพราะเราไม่สนับสนุนคนที่ไม่มีคุณธรรมจริยธรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล คนที่ไม่ซื่อสัตย์ไม่มีคุณธรรมก็ต้องถูกดำเนินการให้เสร็จสิ้น เพราะตอนนี้บ้านเมืองที่เกิดปัญหาทั้งเศรษฐกิจและสังคม เพราะเราเริ่มจากวัฒนธรรมอุบาทว์ เข้ามาก็ถอนทุนแล้วก็โกงกันทุกรูปแบบ ตั้งแต่ระดับสูงจนถึงปฏิบัติการ
5) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นในทำนองไม่เห็นด้วยการที่จะให้ สส.ที่ถูกกล่าวหาแล้วลาออกทันที โดยกล่าวว่า “ทุกกรณีที่อยู่ในชั้นถูกกล่าวหา แล้วถูกกดดันให้รับผิดชอบลาออก เวลาผ่านไปสุดท้ายพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะชดเชยกันยังไง
“สส.ถูกกล่าวหาต้องลาออกเท่านั้น เลือกตั้งซ่อมไปแล้ว พบข้อเท็จจริงเป็นหนังคนละม้วนเป็นเรื่องโอละพ่อโอละแม่จะคืนตำแหน่งยังไง ทุกคนดูข่าวล่าสุดหรือไม่ ที่ผู้หญิงร้องว่าไปฝากครรภ์แล้ว รพ.ทำลูกหายวุ่นวายไปหมด ล่าสุด ออกมาสารภาพว่าโกหกสรุปว่าไม่ได้ท้อง
“ดิฉันไม่ได้ชอบพฤติกรรม สส.ปูอัด ที่ผ่านมา แต่เร็วเกินไปที่จะไปกดดันให้ต้องลาออกเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น
“มันต่างกรรมต่างวาระ ก็ต้องมีใจเป็นธรรมและใช้ความรอบคอบตามสมควร ก่อนจะไปเร่งกดดันให้ใครลาออก เพราะทุกคนก็ยังไม่เห็นสำนวนหลักฐานและข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา อย่างน้อยก็น่าจะไปให้ถึงชั้นให้อัยการมีคำสั่งฟ้องเสียก่อน
“นี่พึ่งชั้นตำรวจ และส่วนตัวก็ไม่ได้ไว้ใจการทำงานของ จนท.ตำรวจ ซักเท่าไหร่ ได้ข่าวว่าออกเป็นหมายจับเลย ข้ามขั้นตอนการออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน และปูอัดก็ควรไปรับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีโดยไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส.”
6) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ “ปูอัด”
สส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า ถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ อนุมัติหมายจับในคดีข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน
นายปิยบุตร ระบุว่า ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจาก สส. หากยังไม่ยอมลาออก ในสัปดาห์ต่อไปที่จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ต้องเรียกร้องกดดันให้สภาผู้แทนราษฎรต้องมีมติอนุญาตให้ส่งตัวไชยามพวาน ไปทำการสอบสวนในฐานะเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา
เจตนารมณ์ของความคุ้มกันของ สส.ตามมาตรา 125วรรคแรก มีไว้เพื่อป้องกันมิให้อำนาจฝ่ายบริหาร (ในกรณีนี้คือ อำนาจในการตั้งข้อหา สอบสวน จับ ของพนักงานตำรวจ) กลั่นแกล้งฝ่ายนิติบัญญัติ ในสมัยประชุม
ถ้าเป็นการกลั่นแกล้ง ถ้าเป็นคดีการเมืองถ้าเป็นคดีหมิ่นประมาท คดีอันเกิดจากการแสดงความเห็นหรือปฏิบัติหน้าที่ สส.ควรร่วมกันยึดถือความคุ้มกันนี้ไว้ในสมัยประชุม
แต่ถ้าเป็นการกระทำความผิดอาญาในฐานะส่วนตน ไม่เกี่ยวกับการแสดงความเห็น หรือการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นความผิดร้ายแรง เช่น ฆ่าคนตายจ้างวานฆ่า ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ข่มขืน ผมเห็นว่า สภาผู้แทนราษฎรควรมีมติ อนุญาตให้นำตัว สส.ที่เป็นผู้ต้องหาไปดำเนินคดี
7) ว่าที่ ร.ต.วัชรพล บุษมงคล หัวหน้าพรรคไทยก้าวหน้า กล่าวว่า จะต้องดูผลการสอบสวนของตำรวจก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องนำมาพิจารณา หากผิดจริงก็ต้องถูกดำเนินคดีอาญา รวมทั้งเรื่องของจริยธรรม และเรื่องนี้จะต้องเข้าสู่กรรมการบริหารพรรคต่อไป ในส่วนของพรรคก็มีข้อบังคับของพรรค สส. หรือกรรมการบริหารพรรคกระทำความผิดแบบนี้เราก็มีบทลงโทษอยู่แล้ว ส่วนถึงขั้นจะขับออกก็เป็นอีกช่วงหนึ่ง ต้องดูมติของพรรคอีกครั้งหนึ่ง
“เราไม่แบก เรามีความตรงไปตรงมา เพราะที่ผ่านมาเราให้โอกาสตั้งแต่รับเข้ามาเป็น สส. ถูกขับออกมาจากพรรคก้าวไกลในตอนนั้น พรรคก็รับมา ให้โอกาส และคิดว่าคงไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ หรือนิสัยแบบนี้อีก แต่ถ้าเป็นแบบนี้อีกครั้งและเป็นความผิดเช่นเดิมเป็นความผิดจริง กระบวนการของพรรคก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับของพรรค ต้องมีการหารือในคณะกรรมการอีกครั้งหนึ่ง”
8) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ส่วนตัวเห็นว่า ผู้แทนราษฎรไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส.คุ้มครองการกระทำที่ไม่ถูกต้อง การโหวตให้ตำรวจมาคุมตัวนายไชยามพวานนั้น เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค การใช้เอกสิทธิ์ สส.มีเจตนารมณ์ก็เพื่อมุ่งหวังความคุ้มครอง สส.ถูกฟ้องร้อง กลั่นแกล้งจากฝ่ายบริหาร หากเป็นการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการข่มขืน เราไม่ควรที่จะปกป้องผลประโยชน์ ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพรรค ส่วนพรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง
9) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีตำรวจ สภ.เชียงใหม่ ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขออนุญาตจับตัว นายไชยามพวานมั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า หลังศาลเชียงใหม่อนุมัติหมายจับ เป็นผู้ต้องหาคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันว่า เห็นด้วยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเป็นพฤติกรรมที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ครั้งที่แล้วยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ครั้งนี้ไปก่อเหตุซ้ำและยังก่อเหตุกับคนต่างชาติ ทำให้ประเทศเสียชื่อเสียง
นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ในสถานะสมาชิกรัฐสภา รู้สึกอาย ถ้าเป็นคนธรรมดาก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ตัวเองเป็นผู้ทรงเกียรติไม่ควรทำอย่างนี้ คิดว่าสภาฯ น่าจะให้ตัวไป คณะกรรมการจริยธรรมก็ต้องทำหน้าที่ต่อเลย ต้องเอาเข้าคณะกรรมการจริยธรรมเป็นวาระเร่งด่วน เกรงว่าจะเป็นความเสียหายกับประเทศ
นายวิสุทธิ์กล่าวต่อว่า เมื่อก่อนคดีที่ไปก่ออาชญากรรมยังรับได้ แต่เรื่องนี้หมายถึงต่างประเทศด้วย ชื่อเสียงบ้านเรา รายได้เยอะมากจากการท่องเที่ยว ถ้าผู้แทนที่เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย มีพฤติกรรมอย่างนี้ ก็จะเสียหายเยอะ ทั้งนี้ มองว่าเป็นดุลยพินิจของ สส.แต่ละพรรค แต่ไม่ใช่เรื่องในประเทศ แค่คนไทยไปทำกับเขาก็เสียหายแล้ว แต่นี่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ควรทำ ด้วยจิตสำนึก ใครจะปกป้องก็แล้วแต่ แต่ตนเองคนหนึ่งที่จะโหวตให้ส่งตัว
สรุป : ท่าทีของหลายฝ่ายในสภา ชัดเจนมากว่า จะโหวตให้จับกุมนายไชยามพวานไปดำเนินคดีได้ บทสรุปจะเป็นอย่างไร โปรดติดตาม !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี