นับตั้งแต่ “ท่านโยคีศานติศีล” ได้เหาะเหินเดินฟ้ากลับมาสู่นครสารขัณฑ์ด้วยการเป็น “ฤาษีแปลงกาย โยคีแปลงร่าง” เป็น “เทวดา” อยู่ชั้น 14 ของวิมานดาวแปดแฉก เล่นบท “ป่วยทิพย์” จน “กองแช่ง” อ้าปากค้าง ปล่อยให้แมลงวันบินเข้าปากเป็นฝูงๆ

ครั้น “เทพคนดัง เทวดาคนเก่ง” อาการดีขึ้น ก็ได้รับการ “พักโทษ” ที่บ้านอย่างอัศจรรย์ พร้อมกับเดินทางไปเยี่ยม “กองเชียร์” ที่ “นครพิงค์” บ้านเกิด

ณ ล้านนาแดนเหนือ โยคีกลายเป็น “นักเล่านิทานคนดังไม่แพ้อีสป” และยังเป็น “นักร้องเสียงทอง” ขยันครวญเพลงอีกต่างหาก โดยมีเพลงเอกชื่อ “ปูจะปิ๊กบ้าน” ที่ทำให้ชาวนครพิงค์ต่างซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล

เพลงดังกล่าวมีทำนองเดียวกับ “เพลงผู้ใหญ่ลี” และมีเนื้อร้องบางวรรคตอนดังนี้

“พอศอสองพันห้าร้อยหกสิบแปด วันที่แดดส่องแสงจางปาง เป็นวันสุดอลังของนางผมงาม เปิ้นได้ปิ๊กบ้านฉลองสงกรานต์ทั่วทุกถิ่น” (ซ้ำ)

ฝ่ายชาวบ้านนครพิงค์ ต่างยินดีที่ได้แม่หญิงกลับมาในร่างนางฟ้าเทพธิดา พร้อมหน้าคู่กับเทวดาคนดัง สองศรีพี่น้องฉลองสงกรานต์อย่างสุขี (ซ้ำ) เป็นศรีแก่ชาวนครพิงค์ทั่วทุกคน

“หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก” บัดนี้ “สงกรานต์ปี 2568” กำลังจะมาถึง แต่ก็ยัง “ไม่มีวี่แวว” ว่า “นางพญาผมเป๊ะกำลังเตรียมตัวจะปิ๊กบ้าน”

ดังนั้น “สื่อจอมซนปากบุก ซุกปากบอน” หลายราย จึงถือไมค์ตั้งคำถามกับ “ท่านโยคีศานติศีล” อย่างฉับพลันว่า

“ท่านยังมั่นใจหรือไม่ว่า นางพญาผมเป๊ะจะได้ปิ๊กบ้านในสงกรานต์ปีนี้”

คำถามดังกล่าวได้ทำให้ “ท่านโยคีหงุดหงิด” แล้วตอบอย่าง “อารมณ์บูด”ฉับพลัน

“ยังต้องดูเรื่องเหมาะสม เพราะมีหลายปัจจัยที่ยังเป็น เงื่อนไข” ที่ยังกลับบ้านไม่ได้ตอนนี้

แม้ “ท่านโยคี” จะไม่ได้บอก “ชัด ชัด” ว่า “อุปสรรคใด” ที่ทำให้นางพญาผมเป๊ะ “ปิ๊กบ้าน” แบบนางฟ้าและเทพธิดาไม่ได้?

แต่ดูเหมือน “กองแช่ง” แจกแจงแทนท่านโยคีอย่างสุดมัน

“สุดมัน” ตรงที่ระบุชัด “บทบาทเกินเทวดา” ของท่านโยคีทำให้เกิด “มือที่ไม่มีใครมองเห็น” ปาก้อนหินใส่สัญญาณไฟเขียวจนแตกกระจาย เป็นผลทำให้ “ปูปิ๊กบ้านบ่ได้” ตามมา?

การ “ลุ้น” ให้ไฟเขียวใช้ได้ และเกิดขึ้นอีกครั้ง “คงไม่ง่าย” เพราะ“มีหลายปัจจัย” ที่เป็นอุปสรรค ตามที่ท่านโยคี “ได้บอกใบ้จร้า”?

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม