ถือเป็นเรื่องที่จุดประเด็นให้สังคมไทยถกเถียงอีกครั้ง จากแนวคิดของรัฐบาลที่จะปลดล็อกการขายเหล้าขายเบียร์ในช่วงเวลา 14.00 - 17.00 น. และให้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสามารถขายสุรากันได้ โดยอ้างเรื่องการสร้างรายได้ให้กับประเทศ!!! ...
nn โดย มาดามแพ - แพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สืบเนื่องจากได้รับข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจในหลายกลุ่มค่อนข้างเยอะในเรื่องข้อจำกัดทางกฎหมาย ในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และไม่สอดคล้องกับนโยบาย ที่ปีนี้รัฐบาลได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025...
nn จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นกฎเรื่องการห้ามขายช่วงเวลา 14.00-17.00 น. หรือในช่วงของวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ว่าเรื่องนี้มีการกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง การห้ามขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือกรณีที่อาจจะติดขัดในเรื่องข้อจำกัดด้านการควบคุมพื้นที่ที่เป็นโซนนิ่ง และกฎบางกฎออกมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 หรือตั้งแต่ช่วงปี 2515 จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนเรื่องนี้อีกรอบ...
nn ทางด้าน อนุทินชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ระบุว่า หากเราจะกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวต้องดูว่าช่วง เวลา 14.00 ถึง 17.00 น. หากเทียบแล้วมีกฎนี้หรือไม่มีกฎนี้ เป็นอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่าสิ่งที่ควรคำนึงถึง คือเรื่องการเข้าถึงและการห้ามจำหน่ายสุราแก่เด็ก เยาวชน และนักศึกษา มากกว่า เท่าที่ฟังดูก็มีเหตุผล ตนก็ต้องดูว่าเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประเทศ ที่สำคัญคือทำให้คนมีงานทำ...
nnพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ระบุว่า เรื่องของการดื่มแอลกอฮอล์เป็นพฤติกรรมส่วนตัว แต่การที่ดื่มเป็นจำนวนมากเกินไปก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี โดยเฉพาะคนไทย แต่หากดื่มแล้วอยู่ในกฎเกณฑ์ก็คิดว่า น่าจะสามารถดำเนินการได้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังหากดูในภาพรวมแล้วอีกทั้งยังเป็นนโยบาย ที่มีผลได้มากกว่าเสีย ผลข้างเคียงไม่มี ก็พร้อมสนับสนุน...
nn สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ระบุว่า ในส่วนเรื่องแอลกอฮอล์ ที่มีกฎหมายแอลกอฮอล์มาหลายปีแล้ว กำหนดให้สถานบริการ ต้องอยู่ห่างไกลวัด โรงเรียน 500 เมตร แต่วันนี้สถานการณ์ และพื้นที่ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปหมด เนื่องจากบ้านเรือนแออัดขึ้น และสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการสร้างรายได้เข้าประเทศ...
nn คือ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้น ถ้าใช้หลักเกณฑ์เดิมในการดำเนินการต่างๆ จะสามารถยึดโยงนักท่องเที่ยวได้หรือไม่ เพราะการที่รัฐบาล เน้นการท่องเที่ยวก็ต้องเน้นในเรื่องของอาหารการกิน ซึ่งแอลกอฮอล์ ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไร...
nnนพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายที่จะต้องดูรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง โดยเบื้องต้น หากมีกฎหมายออกมา ทางสำนักงานฯ จะต้องทำตามขั้นตอนกฎหมาย ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ละกลุ่มที่เกี่ยวข้อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าจะยกเลิกกฎหมายห้ามขายแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ช่วงไหน อย่างไร จึงขอดูความชัดเจนก่อน...
nn มีความเห็นจาก ผศ.ดร.สุรศักดิ์ ไชยสงค์ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ระบุว่า “เข้าใจว่าเป้าหมายนโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้เศรษฐกิจฝืดเคือง และคิดว่าเป็นนโยบายที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้วที่อนุญาตให้ขยายเวลาเปิดผับได้จนถึงตี 4 โดยมองว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากระตุ้นเศรษฐกิจรายได้มากขึ้น...
nnแต่ต้องยอมรับว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่สินค้าปกติ ดื่มแล้วเมาทำให้ขาดสติ เป็นสาเหตุของปัญหาสังคม การดื่มแล้วขับ การทำร้ายร่างกายทะเลาะวิวาทซึ่งจะเห็นว่ามีเยอะมากในสังคมปัจจุบัน...
nn แล้ว ผศ.ดร.สุรศักดิ์ ระบุอีกด้วยว่า และที่จริงคนต่างชาติมาเที่ยวไทยเพราะต้องการดูบ้านเมือง วัฒนธรรมไทยไม่ใช่หวังเข้ามาดื่มแอลกอฮอล์...
nn แล้วที่จริงวันพระใหญ่ก็มีแค่ 4 วันใน 356 วัน เมื่อเทียบกับบางประเทศเขาห้ามขายถึง 52 วันใน 1 ปี ถ้ามองในมุมนี้ ถือว่าประเทศไทยมีวัน เวลาที่ขายได้ สร้างเศรษฐกิจได้ หลายวันอยู่แล้ว แล้วการส่งเสริมงดขายเหล้าในวันพระก็เป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของไทย...
nn ดังนั้น รัฐบาลต้องไม่รีบร้อน ต้องมีการศึกษาอย่างรอบด้าน จริงๆ เป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลคืออะไร เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายแบบ ที่ควรทำคือนโยบายที่สร้างผลกระทบน้อยที่สุด...
nn รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ให้ความเห็นสรุปว่า การที่รัฐบาลไทยระบุว่า จะสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน ซึ่งเป็นแหล่งการพนัน ในทุกภูมิภาคของประเทศ และจะแก้กฎหมายเพื่อให้มีการขายเหล้าได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุดโดยมีเป้าประสงค์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ย่อมเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในสายตาของคนทั่วโลกว่าประเทศไทยเป็นดินแดนอโคจร ซึ่งเป็นเรื่องน่าอาย และมีผลเสียต่อประเทศ...
nn “มือปราบ” เห็นว่า ความเห็นของ อ.สุรศักดิ์ และ อ.ชิดตะวัน ถือเป็นความเห็นที่น่าจะตรงใจใครหลายๆ คน เพราะการนำเรื่องอบายมุขมาเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น สายตาของคนทั้งโลกจะมองประเทศไทยเป็นดินแดนอโคจร เป็นดินแดนที่นับถือพระพุทธศาสนาเพียงแค่ในบัตรประชาชน โดยลืมคำโบราณที่กล่าวว่า “วันโกนให้ละ วันพระให้เว้น”...
nnซึ่งการที่งดเว้นขายเหล้าในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา นอกจากจะเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอันดีงามให้กับชนต่างชาติ ได้เห็นแล้ว ก็ถือว่าเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่สำคัญของประเทศไทย ที่ควรส่งเสริมมากกว่าการมุ่งเป้าในเรื่องของเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียวด้วย...nn สวัสดีครับ
มือปราบ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี