น่าอนาถใจกับการแก้ปัญหาของภาครัฐ สปสช.
กรณีติดค้างหนี้ OP refer ค้างชำระให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ของ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา
นับวัน สภาพปัญหาหมักหมม ทับทมมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้เอกชนต้องดิ้นรนหาทางรอด และแก้ปัญหาเอาเอง
1. คำกล่าวว่า ซุกขยะไว้ใต้พรม อาจจะใช้ไม่ได้
แต่ถ้าบอกว่า โกยขยะไปทิ้งบ้านคนอื่น ทำให้เกิดภาระแก่บ้านคนอื่น โดยที่ตนเองไม่รู้ร้อนรู้หนาว
อย่างหลัง น่าจะสะท้อนสภาพปัญหาตรงกว่า
เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ เผชิญกับภาวะวิกฤต ต้องหาทางแก้ปัญหา หาทางรอดเอง
ขณะที่ภาครัฐยังคงหาเสียงจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ต่อไป เหมือนกับไม่มีปัญหาวิกฤตที่โยนไปให้เอกชนแบกอยู่เลย
2. ล่าสุด นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้ชี้แจงสรุปว่า
“1. เหนียวหนี้ค้างชำระหนี้ค่ารักษาพยาบาลจากการส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิกจำนวนมากตั้งแต่ 1 มี.ค.2567-30 ก.ย.2567 หรือตั้งแต่ปีที่แล้ว มากกว่า 25 ล้านบาท นานเกือบ 12 เดือนแล้วยังไม่ยอมจ่าย
2. เบี้ยวหนี้ค่าแพทย์ในการตรวจผู้ป่วยจากคลินิกจำนวนมากตั้งแต่ 1 มี.ค.2567-31 ม.ค.2568 เบี้ยวทุกเดือนตลอดเวลา 11 เดือนต่อเนื่องมากกว่า 20 ล้านบาท ก็ไม่ยอมจ่าย
ทั้งๆ ที่ พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการ สปสช.และคณะมาขอความร่วมมือสร้างความมั่นใจกับผมและคณะบุคลากรของ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อ มี.ค.2567 ปีที่แล้วว่าจะไม่เบี้ยวหนี้ เหนียวหนี้ นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ สปสช. ไม่ยอมจ่ายหนี้ค้างชำระ
3. รพ.มงกุฎวัฒนะขอยืมเงิน 25 ล้านบาท ทดรองจ่ายล่วงหน้าจาก สปสช. โดยทำเรื่องด่วนที่สุดถึง นพ.จเด็จธรรมธัชอารี เพื่อขอให้ทดรองจ่าย 25 ล้านบาท แล้วให้ สปสช. หักเงินที่ สปสช. ค้างชำระหนี้ค่ารักษาพยาบาลจากการส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิกจำนวนมากตั้งแต่ 1 มี.ค.2567-30 ก.ย.2567 หรือตั้งแต่ปีที่แล้วมากกว่า 25 ล้านบาท นานเกือบ 12 เดือนตามที่กล่าวในข้อ 1 คืนเงินยืมทดรองทันทีที่ สปสช. จ่ายหนี้ค้างชำระตามข้อ 1 ให้ทันจ่ายค่าแพทย์ที่ สปสช. เบี้ยวไม่จ่ายค่าแพทย์ สปสช. ก็นิ่งเฉย
4. ภายในบ่ายวันที่ 14 ก.พ.2568 หาก สปสช.ไม่โอนเงินหนี้ค้างชำระ รพ.มงกุฎวัฒนะจำเป็นต้องเลื่อนการชำระหนี้ค่าจ้างแพทย์ - พนักงาน - บริษัทคู่ค้า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 34 ปีของ รพ.มงกุฎวัฒนะ
แม้แต่วิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ.2540 รพ.มงกุฎวัฒนะก็ยังไม่เคยเจอคู่ค้าคู่สัญญาที่เบี้ยวหนี้ เหนียวหนี้อย่างนี้ ทั้งยังเป็นหน่วยงานรัฐที่สร้างภาพประชาสัมพันธ์ดูดีอีกด้วย...”
3. รพ.มงกุฎวัฒนะได้หาทางรอดด้วยตนเอง ด้วยการทำโครงการ “บัตรทองแพลตตินั่ม รพ.มงกุฎวัฒนะ” หรือโครงการ “จ่ายเงินเอง ราคา รพ.รัฐ แอดมิตใช้สิทธิบัตรทอง ทุกคลินิก ทุกเขตทั่วราชอาณาจักร ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว”
แค่ 24 ชั่วโมงแรกของการเปิดรับสมัครสมาชิกโครงการ “บัตรทองแพลตตินั่ม รพ.มงกุฎวัฒนะ” ปรากฏว่ามีผู้มีสิทธิบัตรทองจาก 35 คลินิกที่ รพ.มงกุฎวัฒนะยกเลิกการเป็นแม่ข่ายรับส่งต่อ และจากคลินิกบัตรทองจากเขตอื่นๆ ในกทม. และจากอำเภอต่างๆ จังหวัดต่างๆ ที่ส่งต่อ รพ.รัฐ จำนวนมาก สมัครเข้ามาอย่างล้นหลาม ต่อเนื่อง
โครงการนี้ ทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยบัตรทองที่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลราคา รพ.รัฐ ได้ แต่ประสบปัญหาคลินิกไม่ออกใบส่งตัว
โดยเฉพาะผู้ป่วยบัตรทองจาก 35 คลินิกที่ รพ.มงกุฎวัฒนะยกเลิกเป็นแม่ข่ายรับส่งต่อ และหมายรวมถึงผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกอื่นๆ ทุกเขต/อำเภอทั่วราชอาณาจักรที่ส่งต่อ รพ.รัฐต่างๆ ที่ล้วนมีผู้ป่วยจำนวนมาก ประสบปัญหาความแออัด หนาแน่น รอคอยเข้ารับการรักษานาน
ทั้งนี้ จะต้องสมัครเป็นสมาชิกโครงการ โดยไม่ต้องเสียเงินค่าสมาชิกหรือค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น
นพ.เหรียญทองชี้แจงว่า
“เนื่องจากมีผู้สมัครสมาชิกโครงการนี้จำนวนมากดังนั้น หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้โครงการนี้ก็อย่าสมัครครับ
แต่ถ้าท่านมีความจำเป็นจริงๆและเห็นว่าโครงการนี้จะเกิดประโยชน์กับท่าน เรายินดีต้อนรับและจะรีบดำเนินการพิจารณาตอบรับยืนยันให้ท่านทราบโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม เราขอสงวนสิทธิการเพิกถอนสมาชิกของท่าน หากตรวจสอบหรือในอนาคตปรากฏว่าท่านมีคุณสมบัติต้องห้าม อันได้แก่ มีพฤติกรรมอันธพาล ไร้มารยาทสังคม เอาแต่ใจ ชอบฟ้องร้อง ร้องเรียน
ทั้งนี้ เราจำเป็นต้องสร้างบรรทัดฐานเพื่อการจัดระเบียบสังคมอารยะ สังคมที่มีความสงบเรียบร้อยปลอดภัย ให้เป็นสังคมที่มีความเข้มแข็งน่าอยู่ เพื่อผู้ใช้บริการที่เป็นสุภาพชน
สุภาพชน ไม่ได้หมายถึงคนร่ำรวย ไม่ได้หมายถึงคนมีการศึกษาดีนะครับ
คนยากจน ด้อยโอกาสทางการศึกษา แต่เป็นสุภาพชนส่วนใหญ่นะครับ
ขณะที่อันธพาลเกเรแต่ร่ำรวยใหญ่โตมีการศึกษาดีก็เยอะแยะ
...โอกาสนี้ ท่านผู้มีสิทธิบัตรทองที่ประสบปัญหาคลินิกไม่ออกใบส่งตัวก็ดี หรือประสบปัญหาความยากลำบากในการใช้บริการ รพ.รัฐที่รับส่งต่อที่ประสบปัญหาผู้ป่วยหนาแน่นต้องเสียเวลารอคอยนานก็ตาม โครงการ “บัตรทองแพลตตินั่ม รพ.มงกุฎวัฒนะ’ จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้มีสิทธิบัตรทองที่ช่วยเหลือตนเองได้ จ่ายเงินเองในราคา รพ.รัฐได้ ทั้งนี้ ท่านสามารถสมัครเป็นสมาชิกโครงการนี้โดยสแกน คิวอาร์ โค้ด ที่แนบครับ”
4. น่าสงสัยว่า เหตุใด สปสช.หรือฝ่ายการเมืองในรัฐบาล ไม่พยายามหาทางแก้ปัญหา หรือช่วยเหลือเอกชน ที่ได้รับกระทบจากการบริหารโครงการสำคัญของรัฐ
รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็น รพ.เอกชนที่ไม่ได้รับงบประมาณแผ่นดิน (กลุ่มงบงานเงินเดือนแพทย์-ค่าจ้างบุคลากร)
แต่ต้องมาผู้แบกรับภาระต้นทุนค่าแพทย์-ค่าบริการ จากระบบส่งต่อผู้ป่วยนอก(Out Patient refer) ที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิคู่สัญญาของ สปสช.
ทั้งๆ ที่ สปสช. จัดสรรเงินเหมาจ่ายรายหัวผู้ป่วยบัตรทองไว้ที่คลินิกปฐมภูมิ ซึ่งเป็นหน่วยต้นทางระบบส่งต่อ
แล้วที่ผ่านมา มีการติดค้างเงินจากระบบส่งต่อผู้ป่วยนอก(Out Patient refer) ทำให้รพ.มงกุฎวัฒนะเดือดร้อนสาหัส
รับรักษาผู้ป่วย แต่ไม่ได้เงิน
อันที่จริง คิดง่ายๆ ควรจะต้องหักเงินค่าแพทย์-ค่าบริการ-ค่ายาเวชภัณฑ์-อื่นๆ ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยนอก(Out Patient refer) ที่ส่งตัวมาจากหน่วยต้นทาง คือ คลินิกปฐมภูมิคู่สัญญาของ สปสช. นำมาให้หน่วยปลายทางคือ รพ.มงกุฎวัฒนะที่เป็น รพ.รับส่งต่อ จึงจะถูกต้อง
เพราะการรักษาจริง เกิดที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ
ต้นทุนค่าจ่ายในการรักษา ตกแก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ
เมื่อไม่หักเงินค่าแพทย์-ค่าบริการ ให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ จ่ายแต่ค่ายาเวชภัณฑ์-อื่นๆที่ล้วนแล้วต่ำกว่าทุน จึงทำให้รพ.มงกุฎวัฒนะรักษาไป ขาดทุนไป เสียหายไป เลือดไหลออกไปเรื่อยๆ
ในที่สุด รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องหาทางดิ้นรนแก้ปัญหาเอง
ไม่น่าเชื่อว่า รัฐบาลปล่อยให้มีปัญหาเช่นนี้ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ลงคอ
เพราะนี่คือนโยบายเรือธงของฝ่ายการเมือง ที่เอาไปหาเสียงจนถึงปัจจุบัน
มีใครรู้สึกอับอายบ้างไหม?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี