เหตุการณ์รุ่นพี่กลุ่ม LGBTQ รุมทำร้ายรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต นอกจากประเด็นความรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่น การบูลลี่ หรือการกรรโชกทรัพย์แล้ว ยังพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น การขายบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มนักศึกษา ทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษาหนักขึ้น แม้จะมีกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายอย่างชัดเจน แต่สถานการณ์กลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบังคับใช้กฎหมายอย่างชัดเจน
เหตุการณ์ล่าสุดนี้ตอกย้ำถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง นั่นคือการที่ธุรกิจใต้ดินนี้ได้แทรกซึมเข้าไปในทุกระดับของสังคม ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มนักศึกษา จนกลายเป็นเครือข่ายมาเฟียขนาดย่อมรูปแบบใหม่ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่รัฐบาลต้องตระหนักให้ได้คือ การที่ใครๆ ก็ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้แบบนี้ เป็นเพราะกฎหมายแบนที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีใครกลัว ไม่มีใครเคารพ เพราะไม่มีการบังคับใช้จริงจังคนขายยังขาย คนซื้อก็ซื้อ
ปัญหาสำคัญอยู่ที่วงจรอุปสงค์และอุปทาน เมื่อผู้บริโภคยังคงมีความต้องการซื้อบุหรี่ไฟฟ้า แม้จะรู้ว่าเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ก็ย่อมต้องมีผู้จำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ และเมื่อตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้น มีความต้องการ (ดีมานด์) ก็ต้องมีการจัดหา (ซัพพลาย) จนในที่สุดไม่ได้มีแค่ผู้ขาย แต่ยังมีผู้ผลิตในประเทศเสียด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น การบุกทลายโรงงานลักลอบผลิตบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนที่แอบแฝงเป็นสถานประกอบการผลิตเครื่องสำอาง ย่านบางขุนเทียน ที่จับกุมคนงาน 23 คน พร้อมเจ้าของชาวจีน ทำให้วงจรธุรกิจผิดกฎหมายนี้ครบวงจรมากขึ้น
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของกฎหมายปัจจุบันในหลายมิติ ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่ขาดประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมการลักลอบนำเข้า ผลิตและจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายได้อย่างทั่วถึง อีกทั้ง กฎหมายที่มีอยู่กลับทำให้ประชาชนจำนวนมากกลายเป็นผู้กระทำผิด แทนที่จะเป็นเครื่องมือในการควบคุมและคุ้มครองสังคม
การห้ามจำหน่ายและใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นมาตรการที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่สามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวกลับประสบปัญหาและล้มเหลวในหลายด้าน ส่งผลให้บุหรี่ไฟฟ้ายังคงแพร่หลายและกลายเป็นปัญหาสังคมที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
รัฐบาลภายใต้การนำของ “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จำเป็นต้องยกระดับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าให้เป็นวาระแห่งชาติ และเร่งทบทวนนโยบายการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับการให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง รวมถึงการปกป้องเด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนในอนาคต
การทบทวนนโยบายดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที หลังการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรได้ศึกษาและเสนอ 3 ทางเลือกเชิงนโยบาย ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาสังคมที่สำคัญ และตอบสนองความกังวลของสังคมเกี่ยวกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเด็ก เยาวชน ขณะที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดที่ก้าวหน้าในนโยบายที่จะจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจใต้ดินอย่างยั่งยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี