ประเทศไทยในเวลานี้ เหมือนรัฐที่อ่อนแอ อันจะนำไปสู่“รัฐล้มเหลว” หรือ “Failed State” เพราะว่าผู้นำประเทศที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร” ไม่มีศักยภาพ ขาดความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน และเป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”
เมื่อนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงแค่“หุ่นเชิด” และขาดความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน องคาพยพและกลไกต่างๆ ในระบบราชการจึงมีปัญหาตามไปด้วย
เนื่องจากการรวมศูนย์บังคับบัญชาจากระดับนโยบายส่วนบนสุดลงไปสู่ระดับปฏิบัติ ไร้ประสิทธิภาพและขาดความชัดเจนในทุกเรื่อง ราวกับว่าประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีก็เหมือนไม่มีนายกรัฐมนตรี เพราะ“แพทองโพย”เป็นเพียงแค่ร่างทรงของ“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดาที่อยู่หลังฉาก
ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“ภูมิธรรม เวชยชัย”ถึงแม้ว่าจะพยายามเข้าไปแบกรับในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็น“พี่เลี้ยงฝึกงาน”นายกรัฐมนตรีแพทองโพย..แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถทำแทนกันได้ทั้งหมด
ที่กล่าวมานั้น จะเห็นได้จาก 3 ปัญหาใหญ่เฉพาะหน้าที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยในเวลานี้ ภายใต้การบริหาราชการแผ่นดินของ“มาดามแพทองโพย” ที่มี“ไอแพด”เป็นสมอง และถนัดแต่เรื่องงานอีเวนต์ในการสร้างภาพแบบฉาบฉวย ส่วนงานใหญ่ไม่สามารถตัดสินใจได้เอง ต้องรอการ“กดปุ่ม”สั่งการจากบิดาที่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง รวมทั้งต้องมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย ทำแทน
นั่นก็คือ 1.เรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์, 2.ปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ และ 3.ปัญหายิวอิสราเอลที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
เรื่องการปราบแก๊งคอลเช็นเตอร์นั้นเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเกิดจาก“ไทยเทา”ที่เป็นข้าราชการซึ่งมีอำนาจหน้าที่บังคับบัญชาในพื้นที่ นั้นก็เพราะด้วยความพิกลพิการในการบริหารราชการแผ่นดินอันเนื่องมาจากนายกรัฐมนตรีที่เป็นเพียงแค่“หุ่นเชิด” ภาระทั้งหมดจึงไปตกอยู่กับนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ต้องแบกรับและคอยแก้ปัญหาร้อยแปดที่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี จึงทำให้การแก้ไขปัญหาไม่สามารถทำได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วยคณะจึงต้องบินจากประเทศจีนมากำกับและคอยสั่งการด้วยตนเองถึงแผ่นดินของไทย การแก้ปัญหาจึงสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็วทันใจ
นี้ก็คือการ“ตบหน้า”รัฐบาลไทยชัดๆ และถ้าจะว่าไปก็ไม่ต่างจากประเทศไทยได้ตกเป็นเมืองขึ้นของจีนไปแล้วโดยปริยาย ภายใต้คำสวยหรูว่า“เป็นการประสานความร่วมมือ”
โดยล่าสุดนายหลิว จงอี “มือปราบพระกาฬ”ของจีน ได้มีข้อเสนอต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้นำเบอร์สองของประเทศไทยที่คุมเรื่องความมั่นคง รวมทั้งหมด 4 ข้อ อันประกอบไปด้วย
1.เสริมสร้างกลไกไตรภาคี ภายใต้อำนาจอธิปไตยและกฎหมายและกฎหมายท้องถิ่น ในอนาคตอาจเพิ่มสมาชิก ขอให้ไทยเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมเตรียมความพร้อม และ ประชุมเป็นทางการ ตามที่ไทยกำหนด สาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมสนับสนุน
2.มาตรการตัดไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ต และน้ำมันเชื้อเพลิง เกิดผลเป็นรูปธรรม ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ขอให้ไทยดำเนินการต่อ แม้จะมีการเรียกร้องจากประเทศเมียนมาให้ยกเลิก
3.ให้การสกัดกั้น ควบคุมพื้นที่ ไม่ให้อาชญากรหลบหนี หรือเคลื่อนย้ายไปพื้นที่อื่น
4.ให้ไทยช่วยเหลือในการส่งกลับคนจีน กำหนด Proof Of Concept ( PoC) ทั้ง ไทย จีน และเมียนมา โดยจีนจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบข้อมูล และขนย้ายจากเมียนมาส่งไทยอำนวยความสะดวกตั้งแต่ชายแดนจนถึงสนามบิน โดยการร้องขอกองกำลังทหารในการรักษาความปลอดภัย
สรุปก็คือ ฝ่ายไทยที่เป็นเจ้าของอธิปไตยคิดเองไม่เป็น ต้องให้“จีน”คิดและสั่งการ มิหนำซ้ำยังต้องปฏิบัติตามด้วย
สำหรับเรื่องที่ 2 ที่สะท้อนปัญหาความอ่อนแอของรัฐไทย อันเนื่องมาจากนายกรัฐมนตรีไทยไม่มีศักยภาพพอที่จะบริหารราชการแผ่นดิน คือเรื่อง“ปราสาทตาเมือนธม” อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ซึ่ง พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ ผบ.พลน้อย.ร.42 ของกัมพูชา ได้นำคณะแม่บ้าน จำนวน 25 คน ขึ้นมาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม พร้อมร่วมร้องเพลงปลุกใจชาติตัวเองภายในปราสาทตาเมือนธม นั้น เรื่องนี้ก็เพราะเขมรไม่เห็น“หัวคนไทย”และรัฐบาลไทย จึงคิดจะทำอะไรก็ได้ ทั้งที่ปราสาทแห่งนี้อยู่บนผืนแผ่นดินไทย
และเรื่องที่ 3 ปัญหายิวอิสราเอล ที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นั้น ยังดีที่ประชาชนคนไทยลุกขึ้นมาส่งเสียง กลไกของราชการ คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ขยับ
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขีดเส้นตาย 7 วัน ให้ตรวจสอบคนต่างด้าวในอำเภอปาย พร้อมเปิดปฏิบัติการเชิงรุกให้เห็นผลเป็นรูปธรรม หากพบว่ามีพฤติกรรมแอบแฝงผิดกฎหมาย และก่อความเดือดร้อน ต้องจับดำเนินคดี พร้อมทั้งเพิกถอนใบอนุญาตอย่างเด็ดขาด
จะอย่างไรก็ตาม เวลานี้ประชาชนพลเมืองไทยในโลกโซเชียลจึงพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า “รัฐบาลไร้น้ำยา-ต่างชาติจึงได้ใจไม่กลัวเกรง”
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี