ปัญหาแก๊ง scammers และ call center ชาวจีนที่เข้าไปทำมาหากินอยู่ในดินแดนเมียนมา และกัมพูชา แล้วหลอกลวงฉ้อฉลคนไทยและคนทั่วโลกให้สูญเสียเงินจำนวนปีละหลายหมื่นหลายแสนล้านบาท เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ผู้ติดตามประเด็นนี้ต่างเข้าใจตรงกันว่า มันคือความร่วมมือสมคบคิดกันระหว่างแก๊งอาชญากรชาวจีน และชาวไทย
ถามว่าหากไม่มีแก๊งอาชญากรชาวไทยให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนแล้ว แก๊งอาชญากรจีนจะเข้าไปทำมาหากินแบบผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านของไทยได้สะดวกสบายเช่นนี้หรือ แต่อันที่จริงต้องบอกด้วยว่า แก๊งอาชญากรจีนนั้นเข้ามาทำมาหากินในไทยมาตั้งนมนานนับ 10 ปีแล้ว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ล้วนแล้วแต่ได้รับความช่วยเหลือจากแก๊งอาชญากรไทย แล้วยังได้รับการสนับสนุนจากตำรวจสายพันธ์ุโจร รวมถึงทหารสายพันธ์ุชั่ว และนักการเมืองสายพันธ์ุนรกอีกด้วย
การเข้ามาทำมาหากินของแก๊งจีนเทาในประเทศไทยค่อยๆ แพร่กระจายและขยายแหล่งประกอบอาชญากรรมไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้มีอำนาจรัฐ และผู้บังคับใช้กฎหมายไทยจงใจหลับตาข้างหนึ่ง หรือบางครั้งก็หลับตาทั้งสองข้าง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จึงบังเกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของประเทศไทย ดังปรากฏชัดว่าทางการจีนไม่สามารถอดทนให้เกิดความเลวร้ายได้ต่อไป จึงตัดสินใจส่ง หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาปราบปรามแก๊งอาชญากร scammers และ call center ในเมียวดี แต่ไม่ใช่แค่เข้าไปในเขตเมียวดีเท่านั้น แต่ยังปรากฏว่า หลิว จงอี้ ได้เข้ามาแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นเด่นชัดบนแผ่นดินไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำและย้ำว่าแหล่งอาชญากรในเขตเมียนมานั้น ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้อย่างแน่นอน หากปราศจากความร่วมมือของแก๊งอาชญากรไทยนานาชนิดและหลากหลายสายพันธุ์
เมื่อเอ่ยชื่อหม่องชิตตู ผู้นำกะเหรี่ยง BGF ก็ต้องทำให้คิดถึงชื่อ เส่อ จื้อ เจียง เจ้าของ Yatai International Group ผู้ที่ปัจจุบันกำลังถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกของประเทศไทย เพราะทั้งสองคนนี้คือผู้ที่ใกล้ชิดกันอย่างมีนัยสำคัญ มีข้อมูลระบุว่าทั้งสองคนที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างชเวก๊กโกแหล่งทำมาหากินของแก๊ง call center และ scammers ชื่อก้องโลกที่ตั้งอยู่ในเขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงในประเทศเมียนมา
และต้องยอมรับความจริงอีกข้อว่าหม่องชิตตูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับคนกลุ่มหนึ่งในประเทศไทย โดยคนกลุ่มที่ว่านั้นมีทั้งนักการเมืองระดับท้องถิ่น และระดับชาติหลายคน รวมถึงทหารตำรวจระดับสูงอีกหลายราย และยังมีผู้ระบุด้วยว่ามีความสัมพันธ์มาเฟียบางกลุ่มในไทยอีกด้วย
การทำให้ชเวก๊กโก ในเมียวดีกลายเป็นเมืองใหญ่มโหฬารได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี เป็นสิ่งที่หลายคนรู้ดีว่าเมืองใหญ่ที่ถูกเรียกว่าเมืองบาปแห่งนี้มีตึกรามบ้านช่องมากมายได้ ก็เพราะอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือที่ผ่านจากฝั่งไทย ไม่ว่าจะอุปกรณ์และวัสดุก่อสร้าง แล้วยังได้ใช้ไฟฟ้า ประปา และสัญญาณอินเตอร์เนตจากฝั่งไทย
หากชเวก๊กโกไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนบางกลุ่มบางจำพวกจากฝั่งไทย ก็ไม่มีวันที่จะกลายเป็นเมืองบาปขนาดใหญ่ได้ ส่วนคนไทยบางกลุ่มบางจำพวกที่ให้การสนับสนุนหม่องชิตตู ก็ต้องได้รับผลประโยชน์ชิ้นมหึมาตอบแทนอย่างแน่นอน ส่วนผลประโยชน์ที่ว่านั้นจะมีมูลค่ามากมายมหาศาลเพียงใดก็สามารถคำนวณโดยประเมินได้จากรายรับที่แก๊งอาชญากรในชเวก๊กโกได้รับในแต่ละเดือนแต่ละปี เมื่อผลประโยชน์มันมากมายถึงเพียงนั้นแล้ว ไฉนเลยที่มาเฟียในฝั่งไทยจะยอมสูญเสียรายได้จากเงินบาปไปโดยง่าย และนี่คงตอบได้ว่าทำไมจึงเนินช้าเหลือเกินกว่าที่ทางการไทยจะตัดไฟฟ้า และสัญญาณอินเตอร์เนตที่ถูกส่งจากฝั่งไทยไปในเมืองบาปชเวก๊กโก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี