หลังจากชาวอำเภอปายที่มีหัวใจ “สีไม่ทน” ได้ออกมาปล่อยข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย “บูลลี่” พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวยิวที่ “รบกวน ก่อกวนและสุดกวน”ให้แก่นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ และแก่ชาวบ้านในอำเภอปายได้รับความเดือดร้อน เช่น

ใช้ชีวิตอย่างตามใจตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำไม่สนใจผลกระทบต่อคนรอบข้างและก่อปัญหานานาประการในพื้นที่ เช่น เมาเละเทะ ทำลายข้าวของผู้อื่น ทะเลาะวิวาทกันเอง บุกรุกสถานที่และก่อเหตุบนท้องถนนอย่างถี่บ่อย ฯลฯ

ที่สำคัญที่สุด ได้สร้าง “โบสถ์ ชาบัด(โบสถ์ของยิว)” แล้วสวดมนต์ข้ามวันข้ามคืนพร้อมกับมีดนตรีเสียงดังกระจายไปทั่วหมู่บ้านโดยไม่เกรงใจใคร

บางข้อความในโซเชียลมีเดีย “ไปไกล” ถึงขั้นระบุว่ายิวรวมตัวกันตั้งชุมชน เตรียมยึดพื้นที่อำเภอปายให้กลายเป็นหมู่บ้านยิว หรือกลายเป็น“ดินแดน Philistia” หรือ “ดินแดนพันธสัญญาที่พระเจ้ามอบให้แก่ชาวยิว” อีหรอบเดียวกับที่เกิดขึ้น ที่ปาเลสไตน์

ดูเหมือนส่วนราชการที่เกี่ยวกับความมั่นคง และส่วนราชการที่ดูแลความสงบในพื้นที่ต่างออกมาชี้แจงว่า “ในโซเชียลมีเดีย” นั้น “ได้เต้าข่าวเกินจริง” โดยยืนยันชัดๆ ว่า นักท่องเที่ยวชาวยิวทั้งหลาย ก็เหมือนนักท่องเที่ยวอื่นๆ ทั่วไปที่เจ้าหน้าที่รัฐยังสามารถดูแลได้ และ “เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดปัญหาไปไกล ถึงกับมีการยึดพื้นที่แล้วประกาศเป็นดินแดนPhilistia”

สำหรับ “โบสถ์ ชาบัด” นั้น เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า “มีการขออนุญาตสร้างอย่างถูกกฎหมาย” โดยโบสถ์ชาบัด ในประเทศไทยมี 6 แห่ง ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และอำเภอปายของแม่ฮ่องสอน

“ดังนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ จึงออกมายืนยัน ความวิตกของชาวบ้าน ที่เกรงไปว่า อำเภอปายจะกลายเป็น Philistia ของชาวยิวนั้น น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะนักท่องเที่ยวที่วีซ่าหมดอายุก็ต้องออกนอกประเทศไปทุกราย ส่วนใครทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี แล้วเนรเทศออกจากประเทศไทยเหมือนกับนักท่องเที่ยวทุกชาติ”

หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วน ออกมา “แจงสี่เบี้ย” เช่นนี้ ชาวอำเภอปายจะหายใจ “โล่งอก”หรือไม่? และประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะ “สบายใจ” กับปัญหาดินแดน Philistia หรือเปล่า? คงต้องติดตาม พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวยิวที่อำเภอปายต่อไป?

ฉบับวันจันทร์ จะขอนำเรื่องดินแดนพันธสัญญาของยิวมาเล่าประวัติความเป็นมาให้อ่านครับ

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม