กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา แถลงข่าวตอบโต้ถึงการรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้งวุฒิสภา ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ตั้งคดีสืบสวนไว้แล้ว และมีข่าวว่าคณะกรรมการคดีเศษ(กคพ.)หรือ บอร์ดดีเอสไอจะประชุมในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ สำหรับระเบียบวาระประชุมนั้น ในวาระที่ 4 เรื่องเพื่อการพิจารณาเพื่อมีมติให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ 1) เรื่องสืบสวนที่151/2567 กรณี ร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการ เลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567
สำหรับ มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) ของพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษนั้น ระบุว่า คดีความผิดทางอาญาอื่นนอกจาก (1) ตามที่ กคพ. มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า สองในสามของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ในคดีที่มีการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท และบทใดบทหนึ่งจะต้องดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามพระราชบัญญัตินี้ หรือคดีที่มีการกระทำความผิดหลายเรื่องต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน และความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะต้องดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจสืบสวน สอบสวนสำหรับความผิดบทอื่นหรือเรื่องอื่นด้วย และให้ถือว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ
บรรดาคดีใดที่ได้ทำการสอบสวนเสร็จแล้วโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ให้ถือว่า การสอบสวนนั้นเป็นการสอบสวนในคดีพิเศษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว บทบัญญัติในมาตรานี้ให้ใช้บังคับกับบุคคลที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนการกระทำความผิดด้วย กรณีที่มีข้อโต้แย้งหรือข้อสงสัยว่าการกระทำความผิดใดเป็นคดีพิเศษตามที่ กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง (1) หรือไม่ ให้ กคพ. เป็นผู้ชี้ขาด
ในเรื่องดังกล่าวทางฝ่ายสมาชิกวุฒิสภามองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะการตรวจสอบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งขณะนี้ กกต. ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว และสว.ได้ให้ความร่วมมือไปให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ สว.จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากเข้าข้อกฎหมายเรื่องใดมีความผิดปกติกับข้อกฎหมายเรื่องใดหรือเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดหรือบุคคลใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อวุฒิสภาของเราเราก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างที่สุด
ทั้งยืนยันว่าสมาชิกวุฒิสภาเข้ามาอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ตามเงื่อนไขและระเบียบ ที่กกต.กำหนด และทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ฝักใฝ่หรือเกี่ยวข้องกับผู้ใด ซึ่งการตรวจสอบของกกต. นั้นเป็นไปตามอำนาจและหน้าที่ของ กกต. ส่วนหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ ที่ออกมาให้ข่าวนั้น ทำให้ สว.ต้องมาปกป้องสิทธิ ศักดิ์ศรี
สมาชิกวุฒิสภาปัจจุบันมาโดยรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มาโดยสมาคม หรืออั้งยี่ ซึ่งข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นนั้นเกินเลยจากข้อเท็จจริง ถือเป็นการใส่ความอย่างร้ายแรง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยอมรับว่า ขณะนี้ดีเอสไอได้ตั้งคดีสืบสวนไว้แล้ว ซึ่งถ้าอยู่ชั้นสอบสวนที่ไม่อยู่ในบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ก็จะต้องนำเข้าเป็นคดีพิเศษในฐานความผิดอาญาอื่น แต่ต้องมีลักษณะเป็นความผิดที่ทำเป็นกระบวนการ หรือเป็นองค์กร มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ รวมถึงเป็นผู้ที่มีอิทธิพล ถ้าเข้าเกณฑ์ในลักษณะนี้นั้น ดีเอสไอสามารถทำให้ทุกคดี แต่ถ้าคดีนั้นเป็นคดีที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เขาก็จะดึงไป หรือถ้าคดีนั้นเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็จะดึงเฉพาะส่วนฐานความผิดฐานเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ไป ทั้งนี้มีสว.ที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ดีเอสไอให้ความสำคัญอยู่ 138 คน
ณ เวลานี้เราเห็นว่า ดีเอสไอ ควรทำให้จบสิ้นกระบวนความ เพราะผู้คนต่างมีความกังขา ในวุฒิสภาชุดนี้ทั้งเรื่องที่มา คุณภาพ ความสามารถ และการปกป้องประโยชน์สาธารณะ มากพอสมควร และ สมาชิกวุฒิสภาก็ไม่ควรไปรับประทานปูนร้อนท้อง เพราะความจริงก็คือความจริง แม้จะโดนดีเอสไอเชือดไปบ้าง ก็ยังมีตัวสำรองเข้ามาทำงานแทนที่ประชาชนผู้เสียภาษีอากรไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งวุฒิสภาชุดนี้เลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี