เป็นเรื่องปกติที่ผู้มีรายได้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดให้ต้องจ่ายภาษีเงินได้ส่วนบุคคล จำเป็นต้องจ่ายภาษี แต่คำถามคือเมื่อรัฐบาลเก็บภาษีไปแล้ว เงินภาษีไปอยู่ที่ไหน หากรัฐบาลนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อสร้างความเจริญให้สังคม ก็ไม่มีใครคัดค้านหรือตำหนิ แต่หากรัฐบาลนำเงินภาษีไปใช้โดยไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคม หรือทุจริตฉ้อฉลโกงกินเงินภาษี ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 มีข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ระบุว่ารัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 คืองวดเดือนตุลาคมถึงมกราคม ได้เงิน 826,988 ล้านบาท สูงกว่าตัวเลขประมาณการ 10,380 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.3 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
มูลเหตุที่จัดเก็บรายได้ได้สูงกว่าตัวเลขประมาณการเพราะว่ารัฐวิสาหกิจบางแห่ง นำส่งรายได้เหลื่อมมาจากปีก่อน และนำส่งเงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล ประกอบกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้สูงกว่าปีก่อน 20,730 ล้านบาท หรือร้อยละ 13
ลองไปดูตัวเลขรายได้ของรัฐบาลที่ได้มาจากภาษีต่างๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้ กรมสรรพากรเก็บภาษีได้ 646,016 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 7,387 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.2 ซึ่งเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน ร้อยละ 3.7 ส่วนกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าประมาณการ โดยกรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ ได้ 173,988 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ2,516 ล้านบาท ส่วนกรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ได้ 38,885 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 2,815 ล้านบาท
ดูจากตัวเลขข้างต้นแล้ว สรุปได้ชัดๆ ว่ากรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีได้เก่งมาก เพราะเก็บได้เกินตัวเลขประมาณการ แต่กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตไม่สามารถทำตัวเลขได้ตามประมาณการ
คราวนี้ไปดูตัวเลขที่รัฐวิสาหกิจจัดส่งรายได้ให้รัฐบาล เป็นเงินรวม 59,726 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 17,051 ล้านบาท หรือร้อยละ 40 ส่วนกรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้ ได้ 7,467 ล้านบาทสูงกว่าประมาณการ 55 ล้านบาท
ส่วนฐานะการคลังของรัฐบาลเมื่อดูจากกระแสเงินสด ในช่วงระยะเวลา 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 พบว่ารัฐบาลส่งรายได้เข้าคลังรวมทั้งสิ้น 822,991 ล้านบาท แต่รัฐบาลเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว 1,581,382 ล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล วงเงิน 478,753 ล้านบาท เพราะฉะนั้น จึงมีเงินคงคลัง ณ ช่วงสิ้นเดือนมกราคม 2568 จำนวน 245,494 ล้านบาท
ขออภัยที่เขียนตัวเลขมากมายจนอาจทำให้คนอ่านที่ไม่สนใจตัวเลขเกิดอาการปวดศีรษะ แต่ต้องบอกว่าจำเป็นต้องระบุตัวเลขให้ละเอียดตามความจำเป็น เพราะต้องการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไทยมีความเก่งในการรีดภาษีเงินได้ เพราะการเรียกเก็บภาษีจากประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลทำได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่าการหาเงินจากช่องทางอื่นๆ แต่ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่า ประชาชนที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้คัดค้านหรือหลบเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล แต่สิ่งที่ประชาชนเจ้าของเงินภาษีถามรัฐบาลคือ เมื่อได้เงินภาษีไปแล้ว นำไปใช้เพื่อพัฒนาประเทศจริงๆ จังๆ หรือฉ้อฉลเงินภาษีของประชาชน ขอย้ำว่าทุกครั้งเมื่อมีข่าวปรากฏว่ารัฐบาลทุจริตโกงกินเงินงบประมาณแผ่นดิน ก็หมายถึงรัฐบาลโกงกินเงินภาษีของประชาชน ขอบอกไว้ ณ ตรงนี้ว่าประชาชนยินดีเสียภาษีเพื่อให้ภาษีไปพัฒนาประเทศ แต่ไม่ยินยอมให้รัฐบาลโกงเงินภาษีของประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี