จากบทความในคอลัมน์ “เส้นใต้บรรทัด” ชื่อความไม่เอาไหนของ“ประธานสภา” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา https://www.naewna.com/politic/columnist/61905 ซึ่งวิจารณ์ความหละหลวม ความไม่ตรวจสอบ และการข้ามขั้นตอนที่ “สภาผู้แทนราษฎร” ต้องทำหน้าที่พิจารณาว่า จะส่งตัว นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ที่มีหมายจับจากศาล ข้อหาข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน ให้ตำรวจได้นำตัวไปดำเนินคดีหรือไม่
ปรากฏว่า นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงกรณีที่สื่อโจมตีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ไม่เอาไหนต่อการดำเนินการกับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ที่ถอนวาระญัตติส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในคดีข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน รวมถึงให้หยุดปฏิบัติหน้าที่สส.ว่า หลังจากประธานสภาฯบรรจุระเบียบวาระการประชุมดังกล่าว ก็ได้รับหนังสือจากสภ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ว่า นายไชยามพวาน เข้ามามอบตัวแล้ว ดังนั้น เมื่อได้รับหนังสือแล้ว ประธานสภาฯจึงแจ้งต่อที่ประชุมฯว่าญัตติดังกล่าวคงจะไม่ดำเนินการต่อ ยืนยันว่าประธานสภาฯดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยทำผิดรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับฯ ทุกอย่างเป็นมติของที่ประชุมสภาฯ ทั้งสิ้น ซึ่งประธานสภาฯเป็นเพียงแค่บุคคลกลางที่จะดำเนินการต่างๆ โดยไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น
“กรณีนี้เมื่อที่ประชุมสภาฯรับทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหนังสือแจ้งมาว่าเขาได้มามอบตัวแล้ว มีทางเดียว คือ ต้องยกเลิกญัตติดังกล่าวออกไปจากระเบียบวาระการประชุม เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดำเนินการตามความผิด หากเขามีการประกันตัวเราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีจนถึงขั้นต้องติดคุก ก็ต้องกลับมาสู่สภาฯ อีกครั้ง ว่า จะมีความคิดเห็นอย่างไร โดยเฉพาะในสมัยประชุมสภาฯ ก็เป็นหน้าที่ของสภาฯ ที่จะอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้ฝ่ายบ้านเมืองไปดำเนินการต่อ
...ขอฝากไปถึงผู้ที่เขียนคอลัมน์พูดถึงความไม่เอาไหนของประธานสภาฯ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ผู้ที่เขียนบทความนี้ก็ไม่ได้คำนึงถึงรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุมสภาฯ ขอให้แก้ข่าวที่กระทบกระเทือนการทำหน้าที่ของประธานสภาฯเพราะจะทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน ขอให้แก้ไขและพูดในสิ่งที่ถูกต้องดีกว่า บ้านเมืองเรามีปัญหามากมาย อย่าทับถมปัญหาให้เข้ามาอีก” โฆษกประธานสภาฯ กล่าว
ข้าพเจ้าในฐานะผู้เขียน ขอ “ตั้งคำถามเพิ่มเติม” เพื่อการชี้แจงให้กระจ่างของโฆษกท่านนี้ ดังนี้
1) กรณีของ สส.ไชยามพวาน เป็นเรื่องของ “ความคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภา” ตามรัฐธรรมนูญ โดยความคุ้มกัน (immunity) หมายถึง ความคุ้มกันที่รัฐธรรมนูญให้แก่สมาชิกรัฐสภาที่จะไปประชุมรัฐสภาตามหน้าที่โดยไม่อาจถูกจับ คุมขัง หรือดำเนินคดีใดๆในลักษณะขัดขวางต่อการไปประชุม และห้ามมิให้จับคุมขัง หรือออกหมายเรียก สส. หรือ สว. ไปทำการสอบสวนในคดีอาญา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากประธานสภา แต่เมื่อพ้นเวลาประชุมสภา (หรือพ้นสมัยประชุม) ความคุ้มกันจะหมดไป และความคุ้มกันนี้ไม่ให้ใช้บังคับแก่การพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
2) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับความคุ้มกันของ สส. และ สว. ใน มาตรา 125 โดยบัญญัติว่า
มาตรา 125 ในระหว่างสมัยประชุม ห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ไปทำการสอบสวน ในฐานะที่สมาชิกผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือเป็นการจับในขณะกระทำความผิด
ในกรณีที่มีการจับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาในขณะกระทำความผิด ให้รายงานไปยังประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกโดยพลัน และเพื่อประโยชน์ในการประชุมสภา ประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกอาจสั่งให้ปล่อยผู้ถูกจับเพื่อให้มาประชุมสภาได้
ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาถูกคุมขังในระหว่างสอบสวนหรือพิจารณาอยู่ก่อนสมัยประชุม เมื่อถึงสมัยประชุม พนักงานสอบสวนหรือศาล แล้วแต่กรณี ต้องสั่งปล่อยทันทีถ้าประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกได้ร้องขอ โดยศาลจะสั่งให้มีประกัน หรือมีประกันและหลักประกันด้วยหรือไม่ก็ได้
ในกรณีที่มีการฟ้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาในคดีอาญา ไม่ว่าจะได้ฟ้องนอกหรือในสมัยประชุม ศาลจะพิจารณาคดีนั้นในระหว่างสมัยประชุมก็ได้ แต่ต้องไม่เป็นการขัดขวางต่อการที่สมาชิกผู้นั้นจะมาประชุมสภา
3) วันที่ 13 ม.ค.2568 ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ผบ.ตร.ส่งหนังสือขอจับกุมตัวนายไชยามพวาน เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา โดยส่งมาถึงสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา และสำนักงานลงรับเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (13 ก.พ.) ซึ่งรายงานให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทราบเบื้องต้นแล้ว
หลังจากนี้จะนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการเดิมคือวันที่ 20 ก.พ. แต่จะพิจารณาหรือไม่ขึ้นอยู่กับวาระการประชุม ส่วนจะต้องแจ้งเจ้าตัวหรือไม่นั้น คาดว่าเจ้าตัวทราบจากข่าวแล้วและหากบรรจุในวาระการประชุมก็จะทราบเช่นกัน และหากนายไชยามพวานเข้ามอบตัวก่อน ประธานสภาฯ สามารถนำเรื่องออกจากวาระการประชุมได้
4) ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 (การให้ความคุ้มกันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุม) ข้อ 187 ในกรณีมีเรื่องที่สภาจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้มีการจับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัวสมาชิกไปทำการสอบสวนในฐานะเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาในระหว่างสมัยประชุมตามมาตรา 125 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ ให้ประธานสภาบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วน
การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง หากประธานสภาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ประธานสภาอาจสั่งให้นำออกจากระเบียบวาระการประชุมได้ แล้วแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
5) ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ได้กระทำตามขั้นตอนดังกล่าว แต่ในเอกสารชื่อ “เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560” โดยสำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อธิบายเอาไว้ว่า
“...ความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ (วิษณุ เครืองาม และ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, 2520, น. 110, อ้างถึงใน ภูวเดช วงศ์เคี่ยม,2555, น. 574) 1.ความคุ้มกันที่รัฐธรรมนูญให้แก่สมาชิกรัฐสภานั้น เป็นความคุ้มกันขณะปฏิบัติหน้าที่ คือ ระหว่างสมัยประชุมสภา 2.ในระหว่างสมัยประชุม จะจับกุมคุมขังหรือดําเนินคดีอาญาใดๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ หน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาผู้นั้นมิได้ 3.ความคุ้มกันนี้ รัฐสภาเท่านั้นที่เป็นผู้อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดําเนินคดี หรือจะถอนคําอนุญาตที่ให้แล้วก็ได้ โดยสมาชิกรัฐสภาไม่มีสิทธิที่จะสละความคุ้มกันนี้ได้ตามลําพัง...”
และบอกอีกว่า
“...การสละและเพิกถอนความคุ้มกัน : ความคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภา เกิดขึ้นโดยการกําหนดขององค์กรอื่น สมาชิกรัฐสภาไม่ได้เป็นเจ้าของมิได้เป็นสิทธิเด็ดขาดดังเช่นเอกสิทธิ์ กล่าวคือ ในทางปฏิบัติหากปรากฏว่าในสมัยประชุมมีการจับกุม คุมขังหรือหมายเรียกตัวสมาชิกรัฐสภาไปสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญา หรือการดําเนินการพิจารณาคดีต่อศาลกรณีดังกล่าวจะกระทําได้ก็ต่อเมื่อสภาได้อนุญาตจะต้องให้ที่ประชุมสภาเป็นองค์กรตัดสินใจในปัญหานั้น
6) ข้าพเจ้าจึงย้ำในท้ายบทความก่อนหน้านี้ว่า “...ประธานสภาต้องเร่งทำ “หลักการ” ให้กระจ่าง เพราะเรื่องนี้ชัดเจนว่า สส.ไชยามพวาน ไม่มีสิทธิตัดสินใจด้วยตัวเอง เป็นสิทธิขาดของ “สภาผู้แทนราษฎร” เท่านั้น ซึ่งสภาควรประชุมกัน อภิปราย และมีมติ พร้อมทั้งบันทึกการพิจารณาของที่ประชุมนั้นไว้ทุกๆ ถ้อยคำเพื่อเป็นประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง
ขอขีด “เส้นใต้บรรทัด” 500 เส้น ว่า
ประธานสภาจะนำสมาชิกสภาเข้าสู่การรับรู้และทำหน้าที่ “ลงมติ” ตัดสินเรื่องนี้ไหม หรือเพียงสั่ง “ถอนเรื่องออกไป” เสมือนเป็นการ “ตัดตอน” เรื่องนี้ จนสภาไม่ได้ทำหน้าที่ จนหลักการและความกระจ่างชัดว่า สส.ไชยามพวาน ตัดสินใจด้วยตัวเองได้หรือไม่ ตำรวจมีอำนาจสอบสวนไชยามพวาน ทั้งๆ ที่สภายังไม่อนุญาตได้หรือไม่
จะรอคำตอบต่อไปนะครับ ท่านโฆษก!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี