ในโลกกว้าง ณ วันนี้อาจจัดได้ว่ามีประเทศเสาหลัก หรือประเทศผู้ยิ่งใหญ่อยู่ 3 ประเทศ + 1 กลุ่มประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย และสหภาพยุโรป (ประเทศสมาชิก 27 ประเทศ) พร้อมด้วยสหราชอาณาจักร (ที่ขอออกจากกลุ่มไปก่อนหน้า) ซึ่งการนี้ ชาวโลกก็ได้ฝากความหวังไว้ว่า ทั้งหมดนี้จะร่วมกันดำรงความเป็นไปของโลกอย่างสร้างสรรค์ เช่น การเสริมสร้างสันติภาพความมั่นคง และความมั่งมีมั่งคั่งกันอย่างแข็งขัน ไปจนถึงเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อนและโรคภัยไข้เจ็บ
แต่ทว่าต่างมีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน มีการชิงดีชิงเด่นกัน โดย สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ต่างมีบทบาทที่โดดเด่น สามารถนำพาและชี้นำทิศทางของโลกกันไปได้ในเชิงผู้นำในระดับหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายสหภาพยุโรปนั้นดูจะไม่มีความทัดเทียมในพละกำลัง และบทบาทเท่าที่ควร เท่ากับว่าสี่เสาหลักของโลกกำลังขาดไป 1 หลัก เหลือเพียงแค่ 3 เท่านั้น
จึงมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝ่ายสหภาพยุโรป (European Union – EU) ซึ่งก็มีสาเหตุหลายประการ เช่น
- ความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
- การมุ่งดำเนินการแต่เรื่องภายในของประเทศตนเป็นหลัก
- การมุ่งแต่จะพึ่งพาแต่สหรัฐอเมริกา มิได้คิดอ่านและสำรวจตัวเองในเรื่องการพึ่งพาตนเอง (Self- reliance)
- ความถดถอยของอุดมการณ์และการปฏิบัติ ว่าด้วยเรื่องการเป็นสังคมประชาธิปไตย และการเป็นสังคมที่เปี่ยมด้วยหลักสิทธิมนุษยชน
- การคิดแต่ว่าภยันตรายต่างๆ ก็คือ การคุกคามของฝ่ายรัสเซียแบบ “เขียนเสือให้วัวกลัว” ให้กับตนเอง เป็นการสะท้อนซึ่งอารมณ์มากกว่าการใช้สติปัญญา ซึ่งนำไปสู่การเผชิญหน้ามากกว่าการเจรจาหารือแก้ประเด็นปัญหาต่างๆ โดยสันติวิธี
- การเอาเรื่องชาติพันธุ์นิยมเป็นตัวตั้ง และแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์ชนต่างชาติ โดยเฉพาะพวกนับถือศาสนาอิสลามและพวกชาติพันธุ์สลาฟ ก่อให้เกิดการแพร่ขยายและเพิ่มขึ้นของพวกขวาจัดสุดโต่ง (Far right) โดยปล่อยปละละเลยการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง และความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นต้น
วันนี้ สหภาพยุโรปจึงอ่อนแอด้วยความเป็นไปที่เกิดขึ้นจากภายใน ซึ่งในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปก็ยังดูถดถอยในเรื่องผู้นำทางความคิดและคุณภาพของผู้นำทางการเมือง ที่มักจะเล่นการเมืองไปตามกระแสนิยมมากกว่าการยึดมั่นในอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย และบทบาทที่สร้างสรรค์ในการอยู่ร่วมกันและการคบหาสมาคมกับนานาชาติ
ล่าสุดความตกต่ำ ต่ำต้อยของสหภาพยุโรปก็เป็นที่ประจักษ์แน่ชัดเมื่อรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายเจดี แวนซ์ (J.D. Vance) ได้ออกมากล่าวต่อสาธารณชนโลกในทำนองว่า สหภาพยุโรปจำเป็นต้องพิจารณาตนเองและแก้ไขประเด็นปัญหาเชิงสุดโต่งในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และในเรื่องสังคมประชาธิปไตย ซึ่งต้องสามารถคงอยู่ได้ภายใต้สภาพแวดล้อมของความแตกต่างหลากหลาย เพื่อให้ทุกหมู่เหล่าสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเสมอภาคและทัดเทียม
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพยุโรปประสบความสำเร็จอย่างมากมายทั้งในเรื่องการเป็นสังคมประชาธิปไตย เพียบพร้อมด้วยสิทธิเสรีภาพ ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี และการพัฒนาสังคมแห่งความเสมอภาคและทัดเทียม รวมทั้งเป็นแหล่งการให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เป็นสำคัญ
ปัจจุบัน สหภาพยุโรปดูไร้ทิศทางในเวทีระหว่างประเทศ ไม่มีบทบาทเข้มแข็งดังที่เคยเป็น การนี้เพราะความยุ่งเหยิง สับสน ในการเมืองภายใน อีกทั้งแทนที่จะพึ่งตัวเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นก็กลับคิดแต่จะพึ่งพาสหรัฐอเมริกาเป็นสำคัญ และโดยปริยายก็ต้องเชื่อฟังคำบงการจากสหรัฐอเมริกา
วันนี้ ฝ่ายสหรัฐอเมริกาได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะไม่เป็นผู้สนับสนุนค้ำจุนสหภาพยุโรปอีกต่อไป โดยให้ประเทศต่างๆ ในยุโรป ทั้งที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและสมาชิกองค์การนาโต ต้องรับผิดชอบต่อตนเองมากขึ้น เช่น การเพิ่มงบประมาณทางทหาร และการเสริมสร้างแสนยานุภาพให้ทันสมัย ทั้งนี้ เพราะสหรัฐฯ ต้องการให้ความสัมพันธ์มีความสมดุลมากขึ้น และเพื่อจะอำนวยให้สหรัฐฯ ได้มีเวลาและมีการจัดงบประมาณใหม่เพื่อดำเนินนโยบายและภารกิจในเรื่องที่สหรัฐฯ เห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนมากกว่า เช่น การต่อกรกับจีน และการใฝ่หาจุดร่วมกับรัสเซีย ซึ่งในการนี้ทำให้ฝ่ายสหภาพยุโรปมีความจำเป็นที่จะต้องทบทวนสถานะของตนเอง และปรับปรุงตัวเองให้ได้อย่างเหมาะสม มีศักดิ์ศรี และสามารถทำตัวให้เป็นเสาหลักที่ 4 ของโลกได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
และในการนี้ก็จะช่วยให้ชาวโลกก็จะมีความหวังขึ้นมา เพราะมิต้องปล่อยให้สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ว่ากันไปเองตามอำเภอใจ เพราะโลกจะมีสหภาพยุโรปเป็นตัวคาน และถ่วงดุล รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยและความเจริญก้าวหน้าของโลกได้
สหภาพยุโรปเพียบพร้อมด้วยความเจริญก้าวหน้าต่างๆ ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประสบการณ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ประสบการณ์ในการร่วมมือพัฒนากับประเทศกำลังพัฒนา และที่สำคัญประสบการณ์ของการเป็นสังคมประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า อีกทั้งยังมีแสนยานุภาพทางการทหาร โดยไม่ลืมว่า ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองอยู่
ทั้งหมดนี้ก็รอความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสหภาพยุโรป + สหราชอาณาจักร และรอความมีวิสัยทัศน์กับความมุ่งมั่นตั้งใจของบรรดาผู้นำของประเทศยุโรปต่างๆ เพื่อที่จะทำให้อนาคตของโลกพอมีหวังในเรื่องของเสรีภาพ และสันติภาพ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี