ทักษิณ ชินวัตร คงจะรู้ตัวดีว่าฉากสุดท้ายทางการเมืองของตนกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ แต่เขาก็ยังคงพยายามฝืน เพราะหลงคิดเอาเองว่าเขายังคงมีความนิยม และมีคะแนนนิยมทางการเมืองมากมายล้นเหลือเหมือนเมื่อครั้งเขาเปิดตัวในสนามการเมืองไทยเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่ผ่านมา
แต่ทักษิณคงลืมความจริงข้อสำคัญไปคือเขานั้นคือนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน แล้วเขาก็หนีคดีไปอยู่ต่างแดนนานเกือบ 20 ปี แม้ปัจจุบันทักษิณจะยอมกลับเข้าประเทศไทย แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับโทษทัณฑ์ตามที่ศาลพิพากษา นอกจากไม่ยอมรับโทษตามที่ได้กระทำผิดแล้ว เขายังคงพยายามสร้างเรื่องราวต่างๆ ไม่หยุดไม่หย่อน ราวกับว่าเขาคือผู้มีอำนาจรัฐตัวจริง ซึ่งทำให้เห็นชัดว่าเขาไม่ได้ปฏิบัติตนตามกฎหมาย
คอการเมืองไทยจำได้ดีว่าในยุคที่ทักษิณเหลิงอำนาจรัฐ เขาแสดงพฤติกรรมการเมืองด้วยการทำให้สาธารณชนรู้ว่าเขาคือผู้ที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ ต่อให้สิ่งที่กระทำนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย หลายคนที่ติดตามพฤติกรรมของทักษิณยังจำได้ไม่ลืมในเรื่องที่เขาประกาศให้วันที่ 31 ธันวาคม 2546 เป็นวันทำงาน ทั้งๆ ที่วันดังกล่าวนั้นคือวันสิ้นปี และเป็นวันหยุดราชการของไทย แต่เขาก็บังอาจสั่งให้ภาคราชการไทยต้องทำงานในวันส่งท้ายปีเก่า จนกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาถูกกล่าวหาว่า กระทำไปเพราะเขาต้องการโอนที่ดินที่เขาต้องการ (แต่ให้ครอบครองในนามของภรรยาของเขาคือพจมาน ชินวัตร) ครอบครองให้เสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2546 เพราะหากเกินปี 2546 แล้ว เขาต้องจ่ายเงินภาษีการซื้อขายที่ดินในจำนวนที่มากขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาความจริงเรื่องนี้ขอให้กลับไปค้นหาข่าวที่รัฐบาลตั้งอัตราค่าธรรมเนียมการโอนที่ดิน ตามโครงการส่งเสริมการซื้อขายที่ดิน เพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยตั้งกำหนดเวลาไว้ถึงช่วงปลายปี 2546
แม้เรื่องการประกาศให้วันที่ 31 ธันวาคม 2546 เป็นวันทำงานราชการ เพื่อจะได้โอนที่ดินให้เสร็จสิ้นภายในปี 2546 จะถูกมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวของทักษิณและคนในครอบครัว แต่ก็มีเสียงโต้แย้งว่าการที่รัฐบาลประกาศให้วันสิ้นปีเป็นวันทำงานราชการ ก็ไม่น่าจะผิด เพราะรัฐบาลได้ประกาศให้วันอื่นเป็นวันหยุดเพื่อทดแทนแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถลบล้างข้อสงสัยของสังคมในเรื่องการโอนที่ดินให้เสร็จสิ้นภายในปี 2546 ได้
นอกจากเรื่องการสั่งให้ทำงานราชการวันที่ 31 ธันวาคม 2546 แล้ว ทักษิณยังแสดงพฤติกรรมการเมืองในเชิงพิสดารอีกมากมาย เช่น การประกาศว่าจังหวัดไหนที่เลือกพรรคไทยรักไทย จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษเหนือกว่าจังหวัดที่ไม่เลือกพรรคไทยรักไทย ซึ่งคำพูดเช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้พูดเป็นคนบ้าอำนาจ และไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (แม้ทุกคนจะรู้ดีว่าการเลือกตั้ง สส. ในไทยนั้นเต็มไปด้วยการทุจริตรูปแบบต่างๆ ก็ตาม)
อันที่จริงหากจะพูดถึงพฤติกรรมการเมืองเชิงประหลาดของทักษิณ คงต้องพูดกันอีกนาน แต่ก็ต้องบอกว่าเรื่องประหลาดทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่คอการเมืองไทยรับทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่จุดจบทางการเมืองของทักษิณก็ได้ดำเนินมาถึงเมื่อเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แม้ว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่ต้องการรัฐประหาร แต่เมื่อเห็นพฤติกรรมการเมืองในเชิงเผด็จการโดยนักการเมืองที่กระทำผ่านรัฐสภา และผ่านการใช้อำนาจรัฐแบบไม่แยแสความรู้สึกของชาวบ้าน ก็ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่คัดค้านการรัฐประหารเมื่อปี 2549 แต่ต้องย้ำว่าคนไทย
ส่วนใหญ่ไม่ได้นิยมหรือสนับสนุนให้ทำรัฐประหาร แต่ก็ไม่สนับสนุนให้นักการเมืองใช้อำนาจรัฐในวิถีทางเผด็จการและใช้อำนาจโดยทุจริต
ทักษิณในวันนี้เวลานี้ กับทักษิณเมื่อปี 2544 และปี 2549 ก็คือคนคนเดียวกัน เขายังคงมีพฤติกรรมการเมืองไม่ต่างไปจากเดิม แม้วันนี้เขาจะไม่มีอำนาจรัฐในมือโดยตรง แต่เขามีอำนาจรัฐในมือโดยผ่านการชักและเชิดหุ่นกระบอกการเมืองของเขา นั่นคือแพทองธาร ชินวัตร วันนี้คอการเมืองจำนวนไม่น้อยมองเห็นว่าทักษิณกำลังเดินทางซ้ำรอยกับช่วงก่อนที่เขาจะถูกทำรัฐประหาร เมื่อปี 2549 และยังเห็นว่าทักษิณแสดงตนว่ามีอำนาจรัฐมากล้น ทั้งๆ ที่เขาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตามคำสั่งศาล พฤติกรรมเสมือนคนบ้าอำนาจของทักษิณทำให้คอการเมืองเป็นห่วงว่าประวัติศาสตร์การเมืองจะซ้ำรอยกับปี 2549
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี