แม้กูรูทางการเมืองจำนวนไม่น้อยจะออกมา “วิเคราะห์ วิแคะ และฟันธง”ว่าการเมืองในนครสารขัณฑ์วันนี้ ช่างละม้ายคล้ายเหมือน “ยุคสามก๊ก” ของแดนมังกรอย่างไม่ผิดเพี้ยน

“เหมือนสามก๊ก” เพราะมี 3 พรรคการเมืองใหญ่ ได้แก่ “พรรคสีแดงพรรคสีส้มและพรรคสีน้ำเงิน” ต่างเป็นนายพรานไพร “เข้าป่าทึบแห่งการเมือง” ทำการ “ไล่ล่าขุมทรัพย์แห่งอำนาจรัฐ” อย่าง “ดุเดือด ดุดัน และดุฉกรรจ์” ทุกพรรค

แต่ก็มีกูรูทางการเมืองจำนวนไม่น้อย “กลับเห็นว่า” การเมืองในสารขัณฑ์วันนี้ น่าจะเป็น “สามกั๊ก” ต่างหากเล่า

“ฝ่ายที่ระบุว่า “การเมืองในสารขัณฑ์เป็นสามก๊ก” ต่างให้เหตุผลว่า “สามก๊ก” คือ “การโรมรันไล่ฆ่าฟันกันแบบสามเส้น” ระหว่าง “วุ่ยก๊ก” ของโจโฉ “จ๊กก๊ก” ของเล่าปี่ และ “ง่อก๊ก” ของซุนกวน โดยต่างสลับกันจับคู่ราวีใส่กันอย่างสุดมัน หรือแตะมือกันใช้กลยุทธ์สลับขั้วร่วมกันขยี้ขย้ำอีกก๊ก จน “กองทหารหลักหลายแสนพ่ายแพ้แก่กองทหารหลักหมื่น”

เห็นได้ชัดจาก “ศึกผาแดง” ที่ง่อก๊กจับมือกับจ๊กก๊กใช้กลยุทธ์ “ลมมฤตยูแห่งฤดูกาลพลิกผันทิศทางลมบวกกับเรือไฟวิ่งชนกองเรือมหึมา” จนทำให้ “กองทัพอันเกรียงไกรของวุ่ยก๊กนำโดยโจโฉถูกไฟเผาเรียบ”

“โจโฉแตกทัพเรือในศึกผาแดง” เป็นตำนาน “สุดอับอาย” ของโจโฉแต่เป็นตำนาน “สุดอัจฉริยะ” ของขงเบ้งและจิวยี่ ทำให้เป็นที่กล่าวขานมาจนทุกวันนี้

กลยุทธ์พิชิตศึกทางน้ำ แบบใช้กองเรือกระเปี๊ยกเล็ก “บดขยี้” กองเรือรบขนาดมหึมา “โดยใช้ไฟบวกกับพายุสลาตัน” นั้น เกิดขึ้นมาแล้วกับ “ทัพเรืออาร์มาดาที่สุดเกรียงไกรของสเปน ถูกทัพเรือของอังกฤษจากการวางแผนของอลิซาเบธที่ 1” ในปีค.ศ.1588 ที่ทำให้ กองเรืออาร์มาดาของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน เลือกเอามหาสมุทรแอตแลนติก เป็น “สุสานฝังความเกรียงไกร” จนโลกต้องจารึก

“เรือไฟของอังกฤษ บวกด้วยพายุโปรเตสแตนต์” เผากองเรืออาร์มาดาจนหมดสิ้นทั้งกองทัพนั้น ช่างเหมือนกับ กลยุทธ์ “ศึกผาแดง” ของ “ขงเบ้งและจิวยี่

“ฝ่ายที่ระบุว่า “สามก๊กในนครสารขัณฑ์” แท้จริงคือ “สามกั๊ก” นั้น“เพราะทั้งแดง ส้ม และน้ำเงิน” ต่างใช้ “กลยุทธ์ทำลายล้างกันด้วยนิติสงครามสุดเลือดเย็นแทนสงครามอาวุธต่างหากเล่า”

สามก๊กในสารขัณฑ์ ยังมีต่อฉบับหน้า

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม