การตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ 40 คน กลับประเทศจีนครั้งนี้ ทำเอาขบวนการโหนอุยกูร์เพื่อบ่อนทำลายจีน-ไทย ถึงกับกะลาแตก !
นักการเมืองพรรคส้ม ด้อมส้ม เอ็นจีโอต่างชาติ สหรัฐชาติตะวันตกพันธมิตร ฯลฯ ทั้งหลายที่ใช้ประเด็นอุยกูร์ปั่นกระแสทำลายจีนและโจมตีไทยมาโดยตลอด ต่างก็พากันออกมาประณาม ก่นด่า แถมวาดภาพร้ายให้เสร็จสรรพว่า รัฐบาลไทยกำลังส่งชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ไปตาย รัฐบาลฆาตกรมือเปื้อนเลือด ฯลฯ
1. ล่าสุด Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เปิดเผยภาพและคลิปวีดีโอ สภาพของชาวอุยกูร์ที่ไปถึงบ้านแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ไทยร่วมเดินทางไปสังเกตการณ์ด้วย (และจะเดินทางไปติดตามอีกหลังจากนี้)
ทางการจีนเปิดเผยด้วยว่า
“...ผู้ถูกส่งกลับจีนล้วนได้กลับบ้านของตนแล้ว
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ชาวจีนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 40 ราย ได้ถูกส่งตัวกลับจากประเทศไทย ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้กลับถึงบ้านและพบกับครอบครัวอีกครั้ง หลังจากผ่านไปมากกว่า 10 ปี
ทั้งรัฐบาลจีนและไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติตามกฎหมายและการปกป้องสิทธิมนุษยชน
จีนได้ชี้แจงให้ฝ่ายไทยทราบแล้วว่า การกระทำผิดของชาวจีนที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่พบการกระทำผิดร้ายแรงอื่นใด ชาวจีนเหล่านี้ได้รับการปล่อยตัวและส่งตัวกลับบ้านหลังจากปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ถือเป็นการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบุคคลเหล่านี้อย่างดีที่สุด
จีนยังจะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้คนเหล่านี้สามารถกลับสู่สังคมและดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง
รัฐบาลไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์ ในอนาคตจีนจะยังคงยินดีต้อนรับรัฐบาลไทยในการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ของบุคคลที่ถูกส่งตัวกลับเหล่านี้ในภายหลัง
สำหรับชาวไทยที่ใส่ใจและติดตามสถานการณ์ในซินเจียงของจีน เรายินดีต้อนรับท่านเหล่านี้ให้เดินทางไปเยี่ยมชมซินเจียงเพื่อสัมผัสประสบการณ์การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในซินเจียงและชีวิตที่มีความสุขของประชาชนด้วยตนเอง...”
2. ความจริงประจักษ์ ขัดแย้งกับภาพที่ฝ่ายขบวนการโหนอุยกูร์เพื่อบ่อนทำลายจีนและไทย
ชาวอุยกูร์ ไม่ได้ถูกส่งไปตาย แต่ได้รับการดูแลอย่างดี
ตบหน้าชาติตะวันตกและขี้ข้า ที่ออกมาประณามไทย
ย้ำว่า ชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ ถูกกักตัวในประเทศไทยนานสิบกว่าปี
ไม่มีประเทศที่สามรับตัวไป แม้แต่ประเทศที่ประณามไทย
แม้แต่ UNHCR และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯที่ออกมาประณามไทยอย่างหนัก แต่ไม่ได้ยื่นมือช่วยแก้ปัญหาให้คนกลุ่มนี้เลย
มีแต่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย (สตม.) ที่ดูแลมาโดยตลอด
ตรงข้าม สหรัฐฯ กำลังผลักดันบังคับผู้อพยพออกจากประเทศตัวเองเป็นล้านๆ คน ล่ามโซ่เขาก็มี กลับมาชี้นิ้วด่าประเทศอื่น ว่าโดยเฉพาะชาวปาเลสไตน์ที่เหมือนตายทั้งเป็นก็เพราะฝีมือใครสนับสนุน
3. นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสมช. พลตำรวจเอกไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ที่เดินทางไปพร้อมกัน เพื่อส่งชาวอุยกูร์กลับไปพบกับครอบครัว
คณะชุดนี้รายงานว่า ชาวอุยกูร์ 40 คน เดินทางถึงเมือง “คาซือ” หรือ เมืองคัชการ์ มณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้กับบ้านเกิดของชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าวมากที่สุด โดยหลังจากได้รับการตรวจสุขภาพ ได้ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่อยู่ใกล้เมือง “คาซือ” ในระยะไม่เกิน 140 กิโลเมตร และกลุ่มที่อยู่ไกลจากเมืองคาซือกว่า 1 พันกิโลเมตร รัฐบาลจีนจึงได้จัดยานพาหนะเพื่อส่งกลับไปตามบ้านเกิด ที่กระจายในหลายเมืองของมณฑลดังกล่าว
นายฉัตรชัย พร้อมคณะได้เข้าไปสังเกตการณ์การเดินทางส่งกลับในจุดที่ห่างจากเมือง“คาซือ” ที่อำเภอ “เจียซือ” ห่างจากเมือง “คาซือ“ ประมาณ 140 กิโลเมตร โดยเมื่อชาวอุยกูร์ได้เดินทางถึงบ้านไปอยู่กับครอบครัว ต่างแสดงความดีใจที่ได้กลับมาพบกับครอบครัว บางคนเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับหลานๆ สมาชิกใหม่ของครอบครัว บางคนสามารถพูดภาษาไทยได้บ้าง ก็ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
คณะผู้แทนไทยยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ในโรงพยาบาลประจำอำเภอ“เจียซือ”ในเมือง “คาซือ” โดยพวกเขาได้ฝากความระลึกถึงและขอบคุณผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรี ที่เข้ามาเยี่ยม และร่วมประกอบพิธีทางศาสนารวมทั้งเลี้ยงอาหารฮาลาล ในระหว่างที่อยู่ในห้องกักของ สตม.
นายฉัตรชัยเปิดเผยด้วยว่า เท่าที่ตนเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเองพร้อม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะ รู้สึกได้ถึงความผูกพันระหว่างชาวอุยกูร์กับเจ้าหน้าที่ของ สตม. ทำให้การส่งกลับเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยืนยันในส่วนของการพิจารณาการส่งกลับในเรื่องนี้นั้น ไทยได้พิจารณาในทุกมิติ และพยายามเจรจากับรัฐบาลจีนมาตลอดระยะเวลา 10ปี เพื่อกำหนดเงื่อนไขให้จีนรับรองความปลอดภัยของการส่งกลับชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าว และการต้องอนุญาตให้คณะผู้แทนไทยสามารถเดินทางไปตรวจเยี่ยมภายหลังจากการส่งกลับได้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ จนมาในยุครัฐบาลปัจจุบันที่รัฐบาลจีนได้มีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ และการพบปะหารือระดับผู้นำประเทศในห้วงการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในโอกาสการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย - จีน ครบรอบ 50 ปี ของนายกรัฐมนตรี ทางการจีนก็ยืนยันในหลักการรับรองความปลอดภัยด้วยอีกครั้ง นอกจากนี้เมื่อเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้จัดการแสดงวัฒนธรรมในย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร โดยหนึ่งในการแสดง มีการแสดงของชาวอุยกูร์ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับของรัฐบาลจีนต่ออัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ด้วย
ทั้งนี้ ก่อนการส่งกลับชาวอุยกูร์ จีนได้ส่งคลิปญาติพี่น้องของผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในบ้านเกิดของตนเองในปัจจุบัน ซึ่งต่างจากเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จนทำให้ชาวอุยกูร์ต้องการจะเดินทางกลับ เนื่องจากติดอยู่ในห้องกักมาเกือบ 10 ปี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำเนื้อหาในหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการจากทางการจีน มาแปลเป็นภาษาอุยกูร์เพื่อให้ชาวอุยกูร์ในห้องกักดู จนนำมาสู่การเดินทางกลับโดยสมัครใจในท้ายที่สุด
หลังจากนี้ จะมีการเดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์อีกครั้ง ในระยะเวลาประมาณ 15 ถึง 30 วัน ซึ่งรัฐบาลไทยยืนยันถึงความโปร่งใส และจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสื่อมวลชนเดินทางร่วมในการตรวจเยี่ยมดังกล่าวด้วย
4. นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันว่า การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและหลักสากล ซึ่งได้รับการยืนยันจากรัฐบาลจีนว่าไม่มีการดำเนินคดี และทุกคนจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างปลอดภัย
นายกฯ กล่าวว่า ชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 11 ปี เนื่องจากเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีประเทศที่สามเสนอรับตัวไปดูแล ดังนั้นตามหลักปฏิบัติสากล ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทาง หลังจากได้รับการยืนยันสถานะบุคคลจากทางการจีน โดยรัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นอย่างเป็นทางการว่าเมื่อพวกเขากลับไปแล้วจะสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ ไม่มีการดำเนินคดีเพิ่มเติม
“ประเทศไทยให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน และดำเนินการส่งตัวอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ถูกส่งกลับจะปลอดภัย โดยตลอดกระบวนการ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลไทยและจีน นอกจากนี้ เราต้องมั่นใจ 100% ว่าพวกเขาจะปลอดภัย ก่อนตัดสินใจดำเนินการ พร้อมยืนยันว่าทางการไทยสามารถเดินทางไปติดตามตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับได้ ซึ่งการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน เป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนไม่เกี่ยวกับสินค้าหรือข้อตกลงทางการค้าอย่างแน่นอน”- นายกฯกล่าว
5. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สถานีข่าวท็อปนิวส์ ระบุว่า สิ่งที่เหมือนกับการส่งตัวชาวอุยกูร์ 100 กว่าคนเมื่อปี 2558 เราส่งกลับหรือเนรเทศตามกฎหมายเข้าเมือง ถ้าจะสังเกตให้ดีมีหลายประเทศทำแบบนี้อยู่แล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาได้ใส่กุญแจมือ และส่งกลับไปโคลัมเบีย โดยขึ้นเครื่องบินทหาร หรือออสเตรเลียจับคนหนีเข้าเมืองไปไว้บนเกาะ
“...ส่วนที่แตกต่างจากปี 2558 คือ ครั้งนี้จีนร้องขอจึงได้ส่งกลับไป ต่างจากเมื่อครั้งที่แล้วที่จีนไม่ได้ร้องขอ ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ร้องขอและกดดันให้เราส่งกลับตามกฎหมายเข้าเมือง แต่เนื่องจากว่าตอนแรกคนกลุ่มนี้มีคดี ทำให้จำเป็นต้องส่งกลับไปดำเนินคดี อีกทั้งตอนหลังมีปัญหา และมีรายงานที่ไม่ดีออกมา เราจึงชะลอการส่งกลับชุดหลังนี้ออกไป การชะลอก็ยืดยาวถึง 10 ปี แต่คราวนี้ที่ส่งกลับไปเพราะทางการจีนบอกมาว่าเป็นคดีที่ไม่ร้ายแรง และขอส่งตัวกลับอย่างเป็นทางการ รวมทั้งให้ความมั่นใจกับรัฐบาลว่าคนกลุ่มนี้ ที่ส่งกลับไปนั้นจะปลอดภัย …”- ดร.ปณิธานกล่าว
พิจารณาแล้ว จะเห็นว่า ไทยดำเนินการอย่างดีที่สุด กับปัญหาที่เราไม่ได้ก่อ ไม่ได้เป็นต้นทางของปัญหา
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี