ความน่าเชื่อถือจากคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา คนหนึ่งพูดถึงปัญหาที่แท้จริงของชาติบ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ โดยไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อน กับอีกคนหนึ่งก็พูดเรื่องปัญหาชาติบ้านเมืองเหมือนกัน แต่กลับตรงกันข้าม เอาตนเองเป็นที่ตั้งและคลุมเครือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ยิ่งมาในระยะหลังมักจะยกสถาบันขึ้นมาคุ้มหัวบังหน้า
คนแรก คือ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 86 ปี และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการมาแล้ว 5 กระทรวง และเป็น สส.ต่อเนื่องมาถึง 17 สมัย ซึ่งปัจจุบันเป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้กล่าวในงาน “แนวหน้าTALK ครั้งที่ 2” ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน เขตปทุมวัน กทม. ตอน“เมื่อ‘คมมีดโกน’โบกสะบัด ปวงประชาต้องร่วมกัน‘ขจัด’ทุรชน”
นายชวน หลีกภัย ซึ่งลงเล่นการเมืองครั้งแรกในปี 2512 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “บ้านเมืองเราปกครองด้วยรัฐธรรมนูญมาแล้ว 93 ปี ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ละฝ่าย โดยเฉพาะ 3 อำนาจ คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ต่างมีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจตามที่กฎหมายกำหนด ช่วงหลังเกิดองค์กรอิสระขึ้นก็มีหน้าที่กำหนดไว้ตามกฎหมายโดยเด็ดขาดเช่นกัน ความสำคัญขององค์กรอิสระจึงมีมาก เป็นส่วนหนึ่งที่จะบอกว่าบ้านเมืองจะไปได้ไม่ได้ตามครรลองความชอบธรรมหรือไม่”
อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของฉายา“มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ได้กล่าวถึงรัฐธรรมนูญปี 2540 ว่า “ที่ว่ากันว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุด แต่ก็ถูกยึดอำนาจ และล้มไปในปี 2549 ถ้ามันดีจริง ทำไมล้มไป กฎหมายดีอย่างเดียวไม่พอ ผู้ใช้ต้องดีด้วย สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ก็มีปัญหา ถูกยึดอำนาจในปี 2549 ด้วย 4 เหตุผล 1.ทุจริตคอร์รัปชันรุนแรง 2.มีการแทรกแซงองค์กรอิสระจนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ 3.มีความแตกแยกสามัคคี และ 4.มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนมีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ปี 2550 ต่อมาจนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยได้เพิ่มข้อความในมาตรา 3 วรรค 2 ว่า องค์กรทั้งหลายต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักนิติธรรม เป็นการย้ำว่า ช่วงการใช้รัฐธรรมนูญปี 40 มีการละเมิดหลักนิติธรรม เป็นที่มาของปัญหาบ้านเมืองหลายเรื่องในขณะนี้ ดังนั้นต้องย้ำให้เคารพกฎหมาย”
ทั้งนี้ นายชวน หลีกภัย ยังกล่าวด้วยว่า “ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ทำให้ประเทศล้าหลัง กฎหมายดี ผู้ใช้ต้องดี ซื่อตรงสุจริต ต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมืองตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงรับสั่ง แต่การเมืองในยุคปัจจุบันต้องใช้เงิน เป็น สส.ต้องใช้เงิน ถ้ารัฐบาลมาจากเสียงข้างมากที่ซื้อเสียง ครม.ก็ต้องเลี้ยง สส. ซึ่งเป็นที่มาของการทุจริตคอร์รัปชันกระจายไปทั่ว แตะไปทางไหน มองไปก็ทุจริต เราจะปล่อยอย่างนี้หรือ พี่น้องได้ประโยชน์สักพันบาทในการเลือกตั้ง แต่ประเทศเสียหายเป็นล้านล้านบาท จากความเลวร้ายของนักการเมืองที่โกงกิน ประชาชนก็ต้องไม่สนับสนุนสิ่งที่ไม่ดีด้วย ตามมาตรา 160 อุตส่าห์เขียนไว้ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เห็นได้ข่าวว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ให้เขาตีความด้วยว่า นายกรัฐมนตรี แปลว่าอะไร”
อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเรื่องแปลก กรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าไปตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีเจ้าของฉายา“แพทองโพย”ที่ยอมเข้าไปตอบกระทู้ของฝ่ายนิติบัญญัติในสภาฯ โดยนายชวนกล่าวว่า “ที่แปลกคือ เมื่อนายกฯตอบกระทู้เสร็จ แล้วมีการปรบมือกัน ไม่เคยปรากฏ ผมไม่เคยเห็น เหมือนสร้างวีรกรรมว่า มาตอบกระทู้แล้ว ทั้งที่กระทู้ได้มีการเตรียมกันมาแล้ว จริงๆ แล้วมันเป็นหน้าที่ปกติของการทำงาน ไม่น่ากลัวอะไร จะน่ากลัวสำหรับคนโกง ทุจริต ที่กลัวว่าจะถูกซักถาม”
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนามว่า“ชวน หลีกภัย”ท่านนี้ ได้กล่าวถึงปัญหาของประเทศเกี่ยวระบบนิติรัฐและหลักนิติธรรมว่า “วันนี้เรามีปัญหาหลายประการ ทั้งองค์กรอิสระ วุฒิสภา ที่เถียงกันว่ามาโดยชอบหรือไม่ เป็นต้นทุนที่ทำให้คนไม่เชื่อถือประเทศเรา โดยเฉพาะการแก้ปัญหาแบบเลือกปฏิบัติ เราเห็นชัดเจนในสังคม ทำไมไม่เสมอเท่าเทียมกัน ทำไมต้องมีชั้น 14 ทำไมต้องมีพิเศษ ทำไมนักโทษไม่เท่ากัน รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบ เราจึงต้องฝากความหวังไว้กับหน่วยงานองค์กร และ สส.อย่างพวกผม โดยเฉพาะองค์กรอิสระ ขอช่วยกันเป็นกำลังใจองค์กรอิสระทั้งหลาย ซึ่งตามรัฐธรรมนูญหมวด12 องค์กรอิสระ ระบุว่า การปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจตามกฎหมายด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงตามดุลยพินิจ แต่ถ้าองค์กรเหล่านี้กลัว เกรงใจ ได้ผลประโยชน์ไม่ดำเนินการตามหน้าที่ ก็จะล้มเหลว เป็นเรื่องน่าเสียใจ เพราะเราใช้ภาษีประชาชนจัดตั้งขึ้นมา ขอฝากไปยังองค์กรอิสระทั้งหลาย อย่าลังเลใจ ถ้าเห็นว่าอะไรไม่ถูก อย่าเกรงใจใคร เพราะจะเสียโอกาส มันจะจารึกไว้ว่าในช่วงที่ทำหน้าที่ใครทำดีหรือไม่ดี”
สำหรับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เพิ่งจะกล่าวคำขออภัยกับคนไทยมุสลิมกรณีเหตุการณ์ตากใบที่เกิดขึ้นเมื่อ 21 ปีที่แล้ว สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่มีทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีว่า “คำขอโทษแค่นี้ไม่พอ” เนื่องจากปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดจากความผิดพลาดในการไม่ยึดหลักนิติธรรม และมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการแก้ไขปัญหา ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544 มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ (เสียชีวิต 1 ราย-บาดเจ็บ 38 คน)
นายชวน หลีกภัย ทวนความหลังว่า “ทักษิณ ชินวัตร”ลงพื้นที่ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ-สูญเสียในวันที่ 8 เมษายนวันรุ่งขึ้น พร้อมทั้งยังประกาศนโยบายใหม่ กับวาทกรรมที่ว่า“เหตุในภาคใต้เป็นรื่องโจรกระจอก” นอกจากนี้ทักษิณยังพูดว่า “โจรจริงมีเพียงตัวสำคัญอยู่ 18 คน จัดการเสียเดือนละ 10 คนก็หมด เชื่อว่าตำรวจทำได้ ปัญหาทุกอย่างจะเรียบร้อยภายใน 3 เดือน“ ซึ่งนายชวนเปิดเผยว่า ทักษิณได้ส่ง“มือเก็บ”ลงไปในพื้นที่ จึงเป็นนโยบายเริ่มต้นความเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลมาจนทุกวันนี้
และอีก 3 ย่อหน้าถัดจากนี้ ที่อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งได้ชื่อว่ามีความ“ซื่อสัตย์สุจริต”เป็นที่ตั้ง อันเป็นเกียรติประวัติที่สุจริตชนและวิญญูชนทั่วไปสามารถกล่าวชื่นชมได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ได้พูดไว้เป็นข้อคิดในงาน“แนวหน้าTALK ครั้งที่ 2”
“กระบวนการเก็บผู้เห็นต่างของรัฐบาล ทำให้เกิดกลุ่ม RKK ชุดลาดตระเวนขนาดเล็ก ที่ก่อตัวกันเพื่อก่อเหตุ จนมาถึงวันที่ 4 มกราคม 2547 เกิดเหตุปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง จังนราธิวาส ถือเป็นเหตุปล้นปืนจำนวนมากที่สุด และที่ใหญ่ที่สุดในยุครัตนโกสินทร์ จากนั้นนโยบายเริ่มไปกันใหญ่ เราเคยมีหน่วยงานที่ในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี เป็นนายกรัฐมตรี ตั้งเอาไว้ ทั้ง ศอ.บต. และ สมช. เพื่อคอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาในพื้นที่ แต่นายทักษิณไปเปลี่ยนนโยบาย และยกเลิกหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เหล่านี้ เพราะอ้างว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เหมือนจังหวัดชายแดนอื่นทั่วไป ไม่ได้พิเศษ จะไปทำให้พิเศษทำไม ถือเป็นความผิดพลาดในการบริหารอย่างมาก เตลิดเปิดเปิง คนร้ายก่อเหตุ เจ้าหน้าที่เสียชีวิต นอกจากนี้ในยุคที่นายทักษิณเป็นนายกฯช่วงปี 2544-2549 รวมทั้งสิ้น 5 ปีเศษ มีการเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ดูแลรับผิดชอบกองทัพภาคที่ 4 ในพื้นที่ภาคใต้ ไป 7 คน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาทำงาน ถือเป็นนโยบายผิดพลาด วิธีบริหารก็ไม่ถูกต้อง จนเป็นที่มาทำให้ภาคใต้นองเลือด”
”เมื่อนายทักษิณออกมาขอโทษ แต่ก็ไม่ค่อยบอกความจริงว่ามาจากอะไร ผมจึงนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานำเสนอ ผลเสียหายที่เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ จำนวนการเกิดเหตุการณ์ 22,928 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 7,670 คน บาดเจ็บ 14,835 ราย เป็นความผิดพลาดในอดีตเกิดจากการไม่ยึดหลักนิติธรรม การยึดหลักนิติธรรมคือ ต้องให้ศาลตัดสินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายบริหารมีหน้าที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด แต่จะลงโทษอย่างไร ศาลต้องตัดสิน ถ้าเรายึดสิ่งนี้ภาคใต้ไม่เกิดวิกฤต แต่ถ้าใช้อำนาจตามอำเภอใจ แล้วแก้ปัญหาตามที่ตัวเองพอใจ ใช้วิธีเก็บ ฆ่า สถานการณ์จึงบานปลาย”
“ถ้าถามผมว่าเหตุการณ์นี้ใครเสียใจที่สุด ก็คือในหลวงรัชกาลที่9 เพราะท่านทรงงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 40 ปีมากกว่าอายุราชการเสียอีก เข้าถึงพื้นที่ตั้งแต่ชาวบ้านยังนุ่งผ้าขาวม้า จนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงนองเลือดในพื้นที่ ท่านจึงไม่เสด็จลงพื้นที่อีกเลย ฉะนั้น การแก้ปัญหาต้องยึดหลักนิติธรรม ที่เป็นหัวใจของการปกครองประเทศ กฎหมายไม่ดีต้องแก้ ประเทศกับปัญหาเป็นของคู่กันปกติ แต่ต้องมีองค์กรตามกฎหมายเข้ามาแก้ปัญหา มีการตรวจสอบตามระบอบประชาธิปไตย”
นายชวน หลีกภัย กล่าวว่า “ขณะนี้ใช้งบฯตั้งแต่ยุคนายทักษิณถึงปัจจุบัน จำนวน 5 แสนกว่าล้านบาทแล้ว เทียบกับ 7 พันกว่าคนที่เสียชีวิตไปไม่ได้ ความผิดพลาดในนโยบายที่ทำให้เกิดความสูญเสียต่อเนื่อง ประชาชนรู้ว่าคนก่อเหตุเหล่านี้ต้องรับผิดชอบอย่างไร คำขอโทษแค่นี้ไม่พอ ต้องชดเชยให้เขาด้วย"
ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตนักโทษเด็ดขาดชายคดีคอร์รัปชันโกงบ้านกินเมือง นามว่า“ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้จังหวัดนครศรีธรรมราชในวันที่ 1 มีนาคมวันเดียวกับที่นายชวน หลีกภัย พูดในงาน“แนวหน้าTALK ครั้งที่ 2” เป็นการพูดแบบฉายหนังซ้ำเรื่องปัญหาเศรษฐกิจของประเทศพร้อมกับคุยโม้โอ้อวด โดยยึด“เงินทองของนอกกาย”เป็นสรณะ
อดีต“นักโทษเทวดา”ผู้ป่วยทิพย์ชั้น 14 กล่าวว่า “เศรษฐกิจบอบช้ำมาหลายปี เสมือนบ้าน ตอนสมัยที่ต้มยำกุ้งหลังคามันพัง ซ่อมง่าย แต่สมัยนี้ตอนนี้ฐานราก เสาเรือนผุ ซ่อมยากขึ้น แต่ก็ซ่อมได้ ขอใช้เวลานิดหนึ่ง แต่ซ่อมได้ วันนี้นายกฯอิ๊งค์ ก็ทำงานหนัก เมื่อวันก่อนก็ไปส่องดูว่า ทำไมงานมันถึงไม่ออก ก็พบว่ายังมีเงินค้างท่อในระบบงบประมาณอยู่จำนวนมาก โดยที่ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินก็ผลักดันออกไปได้ เศรษฐกิจก็มีโอกาสเติบโตได้ เพราะฉะนั้น จากนี้ไปนายกฯอิ๊งค์ ก็จะผลักดันให้เงินออกสู่ประชาชนให้มากที่สุดเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นโดยเร็ว ก็บอกพี่น้องว่าขอให้พี่น้องมีกำลังใจ”
อดีตนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”คนนี้ไม่เคยให้ความสำคัญเรื่องระบบนิติรัฐและหลักนิติธรรม แต่เห็น“เงินเป็นพระเจ้า” ไม่ว่าเงินนั้นจะมาจากกาสิโน หรือการพนันออนไลน์-เรียกว่าไม่เกี่ยงขอให้เป็นเงินเท่านั้น !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี