วันนี้ตามไปค้นข้อมูล เกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นผลต่อเนื่องจากงาน“แนวหน้าTALK ครั้งที่ 2” ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวถึงความผิดพลาดในการไม่ยึด“หลักนิติธรรม”ของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่มี“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี
นายชวน หลีกภัย พูดไว้อย่างนี้ “ความผิดพลาดในอดีตเกิดจากการไม่ยึดหลักนิติธรรม การยึดหลักนิติธรรมคือ ต้องให้ศาลตัดสินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายบริหารมีหน้าที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด แต่จะลงโทษอย่างไร ศาลต้องตัดสิน ถ้าเรายึดสิ่งนี้ภาคใต้ไม่เกิดวิกฤต แต่ถ้าใช้อำนาจตามอำเภอใจ แล้วแก้ปัญหาตามที่ตัวเองพอใจ ใช้วิธีเก็บ ฆ่า สถานการณ์จึงบานปลาย”
โดยนายชวน หลีกภัย ได้ยกกรณีหลังเกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544 ซึ่ง“ทักษิณ ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น บอกว่า“เหตุในภาคใต้เป็นรื่องโจรกระจอก” พร้อมทั้งยังพูดด้วยว่า “โจรจริงมีเพียงตัวสำคัญอยู่ 18 คน จัดการเสียเดือนละ 10 คนก็หมด เชื่อว่าตำรวจทำได้ ปัญหาทุกอย่างจะเรียบร้อยภายใน 3 เดือน“ และทักษิณก็ได้ส่ง“มือเก็บ”ลงไปในพื้นที่จริงๆ ตามที่กล่าวไว้
ทั้งนี้ นายชวน หลีกภัย กล่าวไว้บนเวที“แนวหน้าTALK ครั้งที่ 2”ว่า “กระบวนการเก็บผู้เห็นต่างของรัฐบาล ทำให้เกิดกลุ่ม RKK ชุดลาดตระเวนขนาดเล็ก ที่ก่อตัวกันเพื่อก่อเหตุ จนมาถึงวันที่ 4 มกราคม 2547 เกิดเหตุปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง จังนราธิวาส ถือเป็นเหตุปล้นปืนจำนวนมากที่สุด และที่ใหญ่ที่สุดในยุครัตนโกสินทร์ จากนั้นนโยบายเริ่มไปกันใหญ่”
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่นำมาเปิดเผยในบทความวันนี้ เป็นกรณีศึกษา“คนไทยมุสลิมถูกอุ้มหาย” หรือ“การบังคับบุคคลให้สูญหาย”ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่มีอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2544-2549 ซึ่งเป็นข้อมูลที่“มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ”เก็บรวบรวม ยกมาให้เห็น 1 กรณีที่เป็น“เหยื่ออธรรม” โดยถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเหตุปล้นปืนทหารจำนวน 413 กระบอกเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ที่“ค่ายปิเหล็ง” อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส
นายอิบรอฮิม เซะ อาศัยอยู่หมู่ 10 บ้านโต๊ะเปาะฆะ ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส มีอาชีพเป็นครู-สอนที่โรงเรียนศาสนาอิสลาม โดยได้ถูกกลุ่มบุคคลจับตัวไปจากบ้านพัก เมื่อคืนวันที่ 27 มกราคม 2547
เวลาประมาณเที่ยงคืนในวันเกิดเหตุ ขณะที่นายอิบรอฮิม และนางนูรีดา นาแม ภรรยากำลังนอน ต้องตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงของคนประมาณ 20 คน ใส่หมวกไหมพรมคลุมหน้า ใช้ปืนทุบประตูบ้าน เมื่อนายอิบรอฮิมเปิดประตูบ้านออกมา ก็ถูกชายกลุ่มนั้นบังคับให้นอนคว่ำหน้ากับพื้นและใช้ปืนกดที่ศีรษะ
หลังจากนั้นนายอิบรอฮิมก็ถูกชายกลุ่มนั้นนำตัวออกไปจากบ้าน ซึ่งนางนูรีดา นาแม เปิดเผยกับ“มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ”ว่า นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเธอก็ไม่เคยเห็นหน้าสามีอีกเลย
นางนูรีดา อาแม ให้รายละเอียดว่า ก่อนนายอิบรอฮิมจะถูกควบคุมตัวหายไปในยามวิกาล เขาถูกถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ปล้นปืนที่“ค่ายปิเหล็ง และมีบางคนเข้าไปค้นหาปืนในบ้าน แต่ไม่พบอะไร ซึ่งเธอยังบอกด้วยว่า คนกลุ่มนั้นไม่ได้มีหมายค้น หรือมีหมายจับมาแสดงแต่อย่างใด
ภรรยาของนายอิบรอฮิม“เหยื่อ”ผู้ถูก“ศาลเตี้ย”จากอำนาจฝ่ายบริหาร“เก็บ” เชื่อว่ากลุ่มบุคคลซึ่งสวมหมวกไหมพรมคลุมหน้าที่มา“อุ้ม”สามีของเธอกลุ่มนี้ เป็นคนนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสันนิษฐานจากสำเนียงภาคกลางที่คนกลุ่มนี้พูดกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากคำถามด้วยภาษามลายูที่ถามสามีเธอว่า “ชื่อเฮงหรือไม่” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของนายอิบรอฮิม ทั้งนี้ นางนูรีดา อาแม ยืนยันว่า ฟังแล้วไม่ใช่สำเนียงของคนในพื้นที่ที่เธอคุ้นเคย
นอกจากนั้น นางนูรีดา อาแม ยังให้ข้อมูลกับ“มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ”ด้วยว่า มีเพื่อนบ้านแจ้งข่าวกับเธอในเวลาต่อมาว่า ก่อนที่นายอิบรอฮิมจะถูก“อุ้มหาย” เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามาในหมู่บ้าน เพื่อตามหาปืนที่ถูกปล้นจาก“ค่ายปิเหล็ง” ซึ่งทำให้เธอมั่นใจว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่สามีของเธอถูกจับตัวไปในครั้งนี้
นางนูรีดา อาแม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส แต่ตำรวจปฏิเสธไม่ยอมรับแจ้งความ เธอจึงไปแจ้งเรื่องให้ อบต.ในหมู่บ้านทราบ พร้อมทั้งยังได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยตำรวจปฏิบัติการพิเศษสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ช่วยตามหาสามีของเธอ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
บทจบกรณี“นายอิบรอฮิม เซะ”ก็คือ เขาหายไปจากโลกนี้ตั้งแต่คืนวันเกิดเหตุแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย โดยที่ครอบครัวได้รับเงินเยียวยาจากรัฐในเวลาต่อมาจำนวน 1 แสนบาท เท่ากับเหยื่อรายอื่นๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกหลายสิบครอบครัวที่ถูก“บังคับบุคคลให้สูญหาย” ในยุคที่“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี
“เมื่อนายทักษิณออกมาขอโทษ แต่ก็ไม่ค่อยบอกความจริงว่ามาจากอะไร” นี้คือคำกล่าวของนายชวน หลีกภัย บทเวที“แนวหน้าTALK ครั้งที่ 2” เกี่ยวกับกระบวนการเก็บผู้เห็นต่างของรัฐบาลยุค“ทักษิณ ชินวัตร” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี