แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
■■ คนเรานั้น จะว่าไปก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย แต่มีการแตกต่างกันหลายประการ ประการที่สำคัญที่สุดก็คือ ความรู้สัตว์อื่นทั้งหลายที่เกิดมาได้รับการฝึกสอนจากพ่อแม่ ก็เพียงแต่ให้รู้ถึงวิธีการดำรงความเป็นอยู่อย่างธรรมดาของสัตว์ หรืออาศัยสัญชาตญาณที่มีอยู่ในตัวนั้นส่วนคนนั้น นอกจากความรู้ที่ได้รับมาตามธรรมชาติแล้ว ยังมีสติปัญญาที่จะค้นคว้าหาความรู้สืบต่อกันมาแต่บรรพบุรุษ มีตำรับตำราเป็นอันมาก ซึ่งได้เขียนไว้ให้คนชั้นหลังได้เรียนรู้ถึงวิชาการและขนบธรรมเนียมประเพณีอันชอบด้วยศีลธรรมปัญญานี้แหละ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่คนจะต้องนำไปใช้ในทางที่ดีที่ชอบ ประกอบกับตำราและขนบธรรมเนียมประเพณีอันมีมาแต่โบราณกาลนั้น แต่ถ้านำเอาปัญญาไปใช้ในทางที่มิชอบ ปราศจากศีลธรรม คนก็จะเลวกว่าสัตว์... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย3 กรกฎาคม 2501)...
■■ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคมนี้ คอการเมืองดูทรงของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ววิจารณ์ตรงกันว่า แพฯ มีความหวั่นไหว และอาจจะอยู่ในข่ายหวาดกลัวอยู่พอประมาณ ถามว่าดูได้จากตรงไหน ตอบว่า ดูได้จากการที่แพฯ แสดงความไม่มั่นใจให้ปรากฏหลายต่อหลายครั้ง จนถึงกับออกปากตรงๆ กับอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในวันที่พบเจอกับอนุทินว่าขอเสียงสนับสนุนจาก สส.ภูมิใจไทยด้วย...
■■ นั่นคือการเมืองหน้าฉาก ซึ่งก็เล่นกันไปตามบทที่จำเป็นต้องฝืนเล่น แต่การเมืองหลังฉากนั้นร้อนแรง เข้มข้น ดุเดือดยิ่งกว่าหน้าฉากหลายเท่า เพราะความจริงคือ พรรคเพื่อไทย กับ ภูมิใจไทย ขัดแย้งกันหนักมาก และมากขึ้นเป็นลำดับ ถึงขนาดที่ว่าหาก ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยสามารถดีดให้ภูมิใจไทยพ้นจากการร่วมรัฐบาลได้ ก็ทำไปตั้งนานแล้ว แต่ที่ยังต้องปล่อยให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลต่อไป แล้วแสดงอาการขี่คอพรรคเพื่อไทยได้เป็นระยะๆ ก็เพราะทักษิณยังไม่มีปัญญาดีดหรือเขี่ยให้ภูมิใจไทยกระเด็นออกไป...
■■ แหล่งข่าวการเมืองยังคงยืนยันว่านัดหมายระหว่าง ทักษิณ-แพทองธาร กับเนวิน ชิดชอบ เจ้าของพรรคภูมิใจไทย ที่โรงแรมพลูแมน ถนนรางน้ำ เมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นความจริง เพราะนัดหมายกันไว้แล้ว แต่กลายเป็นว่านัดล้ม ล้มนัด ส่วนใครล้มนัดนั้น บางคนก็บอกว่าทักษิณล้ม แต่บางฝ่ายก็บอกว่าเนวินล้ม แต่จะใครล้มก็ช่างเถอะเพราะสุดท้ายมันก็ล้มจริงๆ...
■■ แต่ก็มีแหล่งข่าวยืนยันอีกว่า แม้นัดเดิมที่พลูแมนจะล้มไปแล้ว แต่ความพยายามจะเคลียร์ใจกันระหว่างทักษิณกับเนวินก็ยังคงดำเนินต่อไป แล้วก็มีข่าวหลุดมาว่าเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ทักษิณ-แพทองธาร ได้พบกับเนวิน เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อถามต่อไปว่านัดพบกันที่ไหน ก็ไม่มีใครยืนยันสถานที่นัดพบเพียงแต่ยืนยันว่าพบกันแล้ว โดยเรื่องที่เคลียร์ใจกันก็คือเรื่องบ่อนกาสิโนใน Entertainment Complex เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องกฎหมายเช่าที่ดิน 99 ปี และเรื่องพนันออนไลน์ แล้วก็มีเรื่องผสมเข้าไปด้วยคือเรื่องสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สีน้ำเงิน ส่วนคุยกันแล้วมีข้อตกลงอย่างไรนั้น ไม่มีใครยืนยันได้ ก็ต้องรอดูสถานการณ์จริงกันต่อไป...
■■ เรื่อง สว. สีน้ำเงินนั้น คอข่าวการเมืองจะเห็นได้ชัดว่า สว. ที่ถูกกล่าวหาว่าฮั้วกันจนกลายเป็นอั้งยี่ซ่องโจร ได้ตอบโต้กลับคนที่เล่นงานเรื่องนี้อย่างรุนแรง ซึ่งคอข่าวทุกคนรู้ตรงกันว่าคือพรรคเพื่อไทย โดย สว. ที่ถูกกล่าวหาประกาศว่าจะฟ้อง แล้วจะเล่นคดีแรงด้วยคือ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้วก็ยังเล่นกับในเรื่องทุจริตเลือกตั้ง อบจ. (องค์การบริหารส่วนจังหวัด) แล้ว สว. ก็พุ่งเป้าไปที่ ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)...
■■ ถามว่าทำไมเรื่องนี้จึงต้องยืมมือ DSI ก็ตอบได้ไม่ยากไม่เย็นว่า ลองกลับไปดูเสียก่อนว่า DSI ตั้งในยุคใครเป็นนายกรัฐมนตรี ถามเพียงเท่านี้ทุกคนที่ติดตามเรื่องก็ตอบได้ตรงกันว่า DSI ตั้งในยุคทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2545 แล้วก็ต้องไม่ลืมว่า DSI อยู่ใต้สังกัดกระทรวงยุติธรรม เพราะฉะนั้น เมื่อเรียงชื่อต่อไปนี้ ทักษิณ ทวี DSI ก็ถึงบางอ้อได้ทันที...
■■ ดังนั้นจับตาดู DSI ให้ดีก็แล้วกันว่า วันที่ 6 มีนาคมนี้ DSI จะสำแดงฤทธิ์อย่างไรกับเรื่องอั้งยี่ซ่องโจรของ สว. บางกลุ่ม ที่ถูกกล่าวหาโดยซีกของพรรคเพื่อไทย แต่ข่าววงในจาก สว.ก็บอกว่างานนี้เพื่อไทยจะทุบให้ สว. สีน้ำเงินแตกกระจาย โดยมีเป้าหมายให้บางคนย้ายไปซบสีแดงแห่งเพื่อไทย หรือไม่ก็ทำให้ สว.สีน้ำเงินไม่ตกอยู่ในอาณัติของพรรคภูมิใจไทย...
■■ แน่นอนว่าคนที่ตามข่าว สว. มาโดยตลอดก็รู้ตรงกันว่า สว. ยุคนี้อยู่กับสีไหนมากที่สุด แล้วก็รู้ดีว่า สว. สายสีส้มนั้นพลาดหวัง ไปไม่ถึงดวงดาว ส่วน สว. สีแดงนั้นล้มเหลวยิ่งกว่า ดังนั้น วิธีที่จะทำให้ สว. สีน้ำเงินไม่เป็นก้างขวางคอพรรคเพื่อไทยคือ ดึง สว. ออกจากสีน้ำเงินให้ได้ เพราะหากทำให้ สว. สีน้ำเงินเหลือสักแค่เพียง 80-100 คน ก็หมายความว่าอำนาจต่อรองทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยจะเพิ่มขึ้นทันที เพราะเมื่อต้องการเสียงโหวตจาก สว. ก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปว่า สว. สีน้ำเงินจะมีอำนาจเหนือสภาสูง เพราะการโหวตใดๆ ของ สว. ใช้คะแนนเสียง 1 ใน 3 (คือ 66 คนเป็นอย่างน้อย) หาก 1 ใน 3 นั้น ไม่ใช่ สว. สีน้ำเงินอีกต่อไป พรรคเพื่อไทยก็หายใจได้โล่งมากขึ้น เพราะอย่างน้อยเพื่อไทยก็มีเสียงของ สส. มากพอประมาณ และยังสามารถตกปลาชิง สว. จากบ่อของเพื่อนได้โดยไม่ยากเย็น...
■■ ลองชำเลืองตามองดูก็จะเห็นว่า สว. ที่น่าจะโอนเอียงไปกับเพื่อไทยได้โดยไม่ยากก็น่าจะได้แก่ สว. กลุ่ม นันทนา นันทวโรภาส ที่มีเสียงอยู่ประมาณ 19-20 คนเปรมศักดิ์ เพียยุระ มี สว. ในกลุ่มประมาณ 12-13 คน และยังมี สว. ที่อ้างว่าอยู่ในสายอิสระอีกประมาณ 10-11 คน ดังนั้นหากดึง สว. สายสีน้ำเงินอ่อนๆ ออกมาได้สัก 30-40 คน แล้วดันให้ไปรวมกับ สว. กลุ่มข้างต้น ก็หมายความว่ามีคะแนนเกิน1 ใน 3 แล้ว เพราะฉะนั้น เวลาโหวตเรื่องที่เพื่อไทยสั่งการ หรือต้องการ ก็จะเป็นไปตามความต้องการของเพื่อไทยได้โดยไม่ยากขอย้ำว่า สว. มีทั้งหมด 200 คน ตายไปหนึ่งคน และทำหน้าที่ไม่ได้ 1 คน เพราะฉะนั้นเหลือเพียง 198 คน...
■■ เรื่องที่พรรคเพื่อไทยยังต้องการจะผลักดันให้ทะลุไปให้ได้ คือเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งปัจจุบันยังคาราคาซังอยู่ในสภา ซึ่งการประชุมในสภาเพื่อดันเรื่องนี้ไม่เคยสำเร็จ จนต้องคาเรื่องไว้ แล้วจะพิจารณาอีกทีวันที่ 17 มีนาคมนี้ โดยจะพิจารณาขอให้สภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นไปตามเกมที่ เพียรศักดิ์ เพียยุระ และ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ วางหมากเอาไว้ โดยเกมของทั้งสองคนวางไว้นั้นก็เพื่อไม่ให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดนคว่ำโดยพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น จึงต้องประวิงเวลาไว้แล้วหาทางแก้เกมให้ได้ตามปรารถนาของพรรคเพื่อไทย ก็ต้องดูกันต่อไปว่า วันที่ 6 นี้ DSI จะรับเรื่องฮั้วเลือก สว. ไว้เป็นคดีพิเศษของ DSI หรือไม่ แล้วก็ต้องรอดูว่า 17 มีนาคมนี้ การเล่นเกมในสภาจะลงเอยแบบไหน ส่วนเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีนั้น รับรองว่าสนุกแน่นอน เพราะเพื่อไทยเตรียมองครักษ์ไว้พิทักษ์ทั้งทักษิณและแพทองธารจนล้นสภาแล้ว...
■■ นายกรัฐมนตรี Gen Y จะมีปัญญาชี้แจงเรื่องที่ถูกอภิปรายฯ หรือไม่ ก็ต้องรอดูกันต่อไปเช่นกัน แต่รับรองว่า นายกฯ Gen Y ไม่น่าจะตอบอะไรได้เป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก เพราะยังมองไม่ออกแม้แต่น้อยเลยว่านายกฯ Gen Y มีความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน และยังมองไม่เห็นความสามารถของนายกฯ Gen Y แม้แต่น้อย...
■■ นายกรัฐมนตรีนั้นจะเป็นคน Gen อะไรก็ช่างเถอะ มันไม่สำคัญที่ Gen แต่มันสำคัญที่เรื่องความสามารถความละอาย และสติปัญญา จำไว้ว่า Gen อะไรก็ช่าง แต่ขอให้มีความละอาย มีสติปัญญา และมีความสามารถก็เพียงพอแล้ว...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี