โดยทั่วไปวันเวลาของเราทุกคนมักจะหมดไปกับการทำธุระส่วนตัว การทำงานทำการ และการเดินทางเช้าไปเย็นกลับ จัดได้ว่าเป็นวิถีชีวิตที่จำเป็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นภาระหน้าที่ต่อตัวเองและต่อสังคมน้อยใหญ่ เช่น ครอบครัว และที่ทำงานทำการ
ในวันหยุดสุดสัปดาห์มนุษย์เราจึงเลือกไปพักผ่อนหย่อนใจ เช่น การเล่นกีฬา การจับจ่ายซื้อของ การรับประทานอาหารที่เอร็ดอร่อย หรือแม้กระทั่งการนอนตื่นสายๆ ทำตัวขี้เกียจๆ ไม่เร่งรีบรีบร้อน ให้เวลากับตัวเองแบบเรื่อยๆ สบายๆ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องของความสุขทางกาย จะมาด้วยเสียง กลิ่น รส สัมผัส และการคิดเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เรามักจะขาดกันแล้วมิได้คิดถึงหรือลืมเลือน คือการมีเวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อมองเข้ามาข้างใน และอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เรียบง่าย สงบ ไม่อึกทึกครึกโครม คือการหาความสุข สงบ กับตัวเองให้กับตัวเองที่บ้าน
ยามเช้าตรู่ เมื่อตื่นขึ้นมาก็มักจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเพราะได้หลับนอนอย่างเต็มอิ่ม แล้วเสียงไพเราะจากการทักทายสนทนากันอย่างเจื้อยแจ้วโดยนกหลากชนิด ก็เล็ดลอดเข้ามา ฟังแล้วก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง แล้วหากมีสติคิดได้ก็จะอวยพรให้เขาบินออกไปหาอาหารอย่างปลอดภัยและเต็มอิ่ม หากตื่นเช้าขึ้นมาแล้วไม่มีเสียงกระซิบกระซาบของธรรมชาติกันแล้ว ยามเช้าก็ดูจะขาดอะไรไป ดูชอบกลอยู่
หลายบ้านด้วยความใจบุญ ก็จะมีการนำเอาเศษอาหารมากองไว้ให้กับนกต่างๆ แล้วที่เสียงดังฟังชัดก็คือ บรรดาอีกาทั้งหลาย หลายคนก็จะเดินหรือปั่นจักรยานนำอาหารไปกองไว้ให้กับแมวตามจุดต่างๆ แต่ก็จะมีอยู่บ้าง จะเป็นเศษอาหารสำหรับสุนัขที่เจ้าของมักจะเปิดประตูให้ออกมาเร่ร่อนนอกบ้านสักพักหนึ่ง นานๆ ทีก็อาจจะมีสุนัขต่างแดนหรือสุนัขจรจัดเข้ามาบ้าง แต่ก็เป็นการทำบุญทำทานที่ดีงามอย่างหนึ่ง เป็นการแบ่งปันและช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน
หลายบ้านเรือนก็จะมีบ่อน้ำ อ่างน้ำเล็กๆ การให้อาหารปลาก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่จะเห็นเขาผลุบๆ โผล่ๆ และบางครั้งบางคราวก็มีเสียงฮุบอาหารเชิงบอกว่า “อร่อยจริงโว้ย” นอกจากเสียงนกพูดคุยกันแล้ว ก็มีเสียงสวรรค์อีกอย่างหนึ่ง คือการที่เด็กๆ ออกมาวิ่งเล่นกัน ซึ่งบางบ้านก็โชคดีที่มีสนามฟุตซอลที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเสียงโค้ชสั่ง พ่อแม่เชียร์ นักกีฬาเรียกหากันเองแล้ว เป็นเสียงที่แสนจะรื่นหู ให้ความสนุกสนานสำราญใจไปด้วย เสียงที่ชัดแจ้ว บริสุทธิ์ และเปี่ยมด้วยความหรรษา
วันเวลาที่เหลือต่อจากนั้นก็มักจะเป็นเรื่องของการหาความรู้กับการติดตามข่าวคราว เพื่อไม่ตกยุคตกสมัย และเพื่อรับความสนุกสนานกับการได้รู้ได้เห็นได้เข้าใจเพิ่มขึ้น แต่ประเด็นปัญหาก็คือ จะรับฟัง รับรู้ โดยไม่มีอารมณ์เข้าไปผสมผสานได้หรือไม่ อันนี้ก็เป็นเรื่องของการมีสติ มีอุเบกขา ซึ่งน่าจะทำได้ ก็เป็นความสงบสุขอย่างหนึ่ง
เวลาก็ยังเหลือที่จะอยู่กับตัวเองและคงจะไม่มีอะไรดีเท่ากับ การได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง ทบทวนคำสั่งสอนและถามตัวเองว่า มันแสนจะยากเย็นอะไรกันหนักหนา แค่ “ทำดี ละชั่ว ทำใจใสๆ” ไม่ใช่อะไรที่สลับซับซ้อน เพียงแต่ลงมือทำเท่านั้น แล้วก็เตือนสติตนเองอยู่ตลอดเวลา
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี