การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 คณะผู้ก่อการฯ ได้ประกาศหลัก 6 ประการของคณะราษฎร ออกมาเป็นแนวทางที่เสมือนสัญญาว่าคณะผู้ก่อการฯ จะดำเนินการในการบริหารบ้านเมืองต่อไปตามแนวทางนี้ โดยหลักแรกนั้นได้กล่าวถึงเอกราชของประเทศดังมีความอยู่ในหลักที่หนึ่ง ว่า
“จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชบ้านเมือง ในทางศาลในทางเศรษฐกิจของประเทศไว้ให้มั่นคง”
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลในช่วงระยะเวลาแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้พยายามดำเนินการตลอดมาเพื่อหาทางแก้ไขสนธิสัญญาข้อตกลงกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจที่ได้มาทำสัญญาไว้กับสยามสมัยก่อน และแนวทางที่จะเจรจาแก้ไขสัญญานั้นเราจะต้องจัดทำกฎหมายของบ้านเมืองเราให้เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศโดยเฉพาะประเทศคู่สัญญาที่มีอำนาจ ดังที่ ประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ บันทึกเล่าว่า
“เนื่องจากประเทศสยามในขณะนั้นยังไม่มีเอกราชโดยสมบูรณ์ เพราะถูกผูกมัดโดยสัญญากับนานาประเทศอยู่แต่เดิมทำให้ประเทศและประชาชนต้องเสียเปรียบหลายประการ และข้อสัญญานั้นยังผูกมัดไว้ว่า ประเทศสยามจะเจรจาขอแก้ไขสัญญาดังกล่าวนี้ ประเทศสยามจะต้องมีประมวลกฎหมาย ตลอดจนกฎหมายวิธีพิจารณาความ และพระธรรมนูญศาลยุติธรรมโดยครบถ้วนแล้ว 5 ปี จึงจะเจรจาขอแก้ไขได้”
ปรากฏว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2477 รัฐบาลของพระยาพหลฯได้เสนอร่างกฎหมายสำคัญเข้าสภาฯ เป็นการด่วน เพราะกำลังดำเนินการเจรจาแก้ไขสัญญาที่สยามเสียเปรียบอยู่
เมื่อเปิดประชุม หลวงประดิษฐ์มนูธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เป็นผู้ที่ดำเนินการในเรื่องนี้ แถลงว่าที่ต้องเสนอสภาอย่างฉุกเฉิน เพราะอยากรีบเร่งให้บรรดาประมวลกฎหมายได้ออกมาใช้ครบถ้วน เพื่อเราจะได้ดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญาที่จะหมดลงในเร็ววัน และที่รัฐบาลเสนอนี้ก็เสนอแต่เพียงให้รับหลักการเท่านั้น รายละเอียดก็จะได้ไปตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา
ครั้งถึงตอนที่เสนอร่างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นผู้เสนอ “…หลักการเฉพาะพระราชบัญญัตินี้ก็คือว่ามีความประสงค์ในอันที่จะรวบรวมหลัก กฎหมายว่าด้วยมฤดกส่วนตัว เดิมยังคลุมเครือกระจัดกระจายอยู่นั้น ให้พื้นที่แน่นอนสมแก่ความเจริญของสมัย … หลักการที่กระทำให้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ออกให้สมกับกาลสมัย”
ประเสริฐ ปัทมาสุคนธ์ เขียนเล่าว่ากฎหมายที่เสนอต่อสภาในวันนั้น มี
1. พระธรรมนูญศาลยุติธรรม
2. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5
3. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6
4. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
5. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ในวันนั้นสภาฯได้มีมติรับหลักการกฎหมายสำคัญที่ทางรัฐบาลเสนอต่อสภาฯอย่างง่ายดายและยินดี นอกจากนี้ รัฐบาลก็ยังเสนอให้คณะกรรมาธิการสามารถพิจารณาร่างกฎหมายเหล่านี้ในระยะเวลานอกสมัยประชุมสภาเพื่อจะได้ทำให้กฎหมายสำเร็จออกมาประกาศใช้ได้อย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านมาอีก 5 ปีจากรัฐบาลของพระยาพหลฯถึงรัฐบาลของหลวงพิบูลสงคราม ในปีพ.ศ. 2482 สยามประเทศก็สามารถแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมได้สำเร็จเรียบร้อยลง
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี