อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์จะได้กลับบ้านหรือไม่ ? คงอยู่ที่เจ้าตัว เพราะเจ้าตัวหนีคดีไปเอง
แต่สำคัญกว่านั้น คือ คดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว บางส่วนยังไม่จบนั้น จะจบอย่างไร?
จะตามเรียกคืนความเสียหายต่อแผ่นดินหลายแสนล้านบาท กลับคืนมาได้บ้างหรือไม่? อย่างไร?
1. จบปีนี้ คดีค่าสินไหมทดแทน 35,000 ล้านบาทจากอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์
ล่าสุด นายประวิตร บุญเทียม รองประธานศาลปกครองสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากมีโครงการจำนำข้าวแล้วขายแบบจีทูจี แล้วปรากฏว่าทาง ป.ป.ช.ได้วินิจฉัยว่าเกิดความเสียหาย มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องการละเมิด และเห็นว่าความเสียหายในส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบมีประมาณ 178,000 ล้านบาท ทั้งที่จริงแล้วคณะกรรมการเห็นว่ามีความเสียหายมากกว่านี้ แต่ผู้พิจารณาในขั้นสุดท้ายเห็นว่ามีการเสียหายตามจำนวนดังกล่าว และวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้รับผิดชอบ 35,000 ล้านบาทนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ยินยอมจ่าย โดยฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้จ่าย 35,000 ล้านบาท
ศาลปกครองกลาง วินิจฉัยกรณีความรับผิดว่า เป็นเรื่องการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในฐานะนายกฯ ได้ตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย ปลัดกระทรวงทั้งหลาย ที่ได้หารือถึงการกำหนดแนวทางการป้องกันการทุจริตจำนำข้าว ฉะนั้นความผิดจึงไม่ได้มีเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียว และเป็นความผิดในเรื่องของนโยบาย ศาลในชั้นต้นจึงเพิกถอนคำสั่งที่ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้สินไหมทดแทน 35,000 ล้านบาท
รองประธานศาลปกครองสูงสุด ระบุว่า “...คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด โดยคดีนี้ก็มีการอุทธรณ์กันมานานพอสมควร ตั้งแต่ปี 2564 ฉะนั้น เรื่องนี้
ก็ค่อนข้างที่จะก้าวหน้าไปพอสมควรแล้ว
...ส่วนคดีค่าสินไหมทดแทนข้าวจีทูจี ที่มีเจ้าหน้าที่ 5 คน คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายภูมิ สาระผล นายมนัส สร้อยพลอย นายทิฆัมพร นาทวรทัต และนายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ ได้รับคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมเช่นเดียวกัน คดีก็อยู่ในชั้นอุทธรณ์ของศาลปกครอง
ดังนั้น คดีทั้งสองยังไม่ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น เชื่อว่าจะไม่นาน และก็คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ เพราะคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว”
2. ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่ง กระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ของความเสียหายทั้งหมด 1.78 แสนล้านบาท และให้เพิกถอนคำสั่งของกรมบังคับคดี กับพวกที่ออกคำสั่ง หรือประกาศใดๆ ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์สินยิ่งลักษณ์
ศาลปกครองกลางมิได้บอกว่าโครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริตโกงกิน
คดีจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี ถึงที่สุดแล้ว ถ้ากลับมาต้องติดคุกสถานเดียว
คดีค่าสินไหมทดแทนนี้ ไม่เกี่ยวกับโทษจำคุก 5 ปี
คดีที่ศาลปกครองสูงสุด ลุ้นว่าจะต้องจ่ายค่าสินไหมหรือไม่เท่านั้น ไม่มีผลลบล้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้ลงโทษจำคุกยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
3. คดีค่าสินไหมทดแทนแก๊งข้าวจีทูจี 20,000 ล้านบาท
คดีนี้ ก็รอศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดเช่นกัน
โดยเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2564 ศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษาคดีค่าสินไหมทดแทนแก๊งข้าวจีทูเจี๊ยะ
กรณีกระทรวงพาณิชย์ออกคำสั่งเรียกค่าสินไหมทดแทน กรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการทุจริตโครงการรับจำนำ และโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)โดยให้นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และพวก ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ฝ่ายนายมนัสและพวกไม่เห็นด้วย จึงนำคดีมาฟ้องศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่ง
ปรากฏว่า ศาลปกครองกลางพิพากษาให้บุคคลเหล่านี้ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
โดยให้แต่ละคน ชดใช้ ดังนี้
นายมนัส สร้อยพลอย ชดใช้ 4,011 ล้านบาท
นายทิฆัมพร นาทวรทัต ชดใช้ 4,011 ล้านบาท
นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ ชดใช้ 2,694 ล้านบาท
นายภูมิ สาระผล ชดใช้ 2,242 ล้านบาท
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ชดใช้ 1,768 ล้านบาท
ศาลปกครองกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีที่ 1-5 มีพฤติการณ์จงใจกระทำการทุจริต ร่วมกันกับข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ และภาคเอกชน รวมถึงมีลักษณะการแบ่งงานกันทำ และจงใจทำให้เกิดความเสียหายในโครงการระบายข้าวจีทูจี ดังนั้น จึงเป็นการละเมิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ และจงใจทำให้รัฐเสียหาย ไม่เป็นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ไม่อาจนำข้าวดังกล่าวมาขายราคามิตรภาพได้หรือต่ำกว่าราคาตลาดได้ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงการชำระเงินเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร และแคชเชียร์เช็ค ไม่สอดคล้องกับการขายข้าวแบบจีทูจี รวมถึงมีการส่งมอบหน้าคลังสินค้า ทำให้มีการนำข้าวในคลังมาเวียนขายภายในประเทศ การกระทำดังกล่าว จึงทำให้เกิดการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมและมีการแก้ไขสัญญาซื้อขายด้วย สุดท้ายชี้ขาดให้ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามคำสั่ง
ขณะนี้ รอคำพิพากษาชี้ขาดในชั้นศาลปกครองสูงสุด ว่าคนเหล่านี้จะต้องจ่ายตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางหรือไม่
กรณีข้างต้น เป็นเรื่องความรับผิดทางละเมิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
เป็นคนละส่วนกับความรับผิดทางอาญา คือ โทษจำคุก
ในส่วนโทษจำคุก เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีข้าวจีทูจีเก๊ที่มีการทำสัญญาลอตแรก 4 ฉบับ
เกือบทั้งหมด ติดคุก ได้ลดหย่อนผ่อนโทษ และได้ออกมาเกือบหมดแล้ว
4. ไม่มีผลต่อโทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี
โทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปีนั้น เป็นความผิดทางอาญา และศาลฎีกาฯ ชี้ขาดไปแล้วว่ายิ่งลักษณ์ทุจริตต่อหน้าที่
ศาลฎีกาฯ พิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดไปแล้วว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิดจริง มีโทษจำคุก 5 ปี
คำพิพากษา ระบุว่า “..การกระทําของจําเลย (ยิ่งลักษณ์) จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติหรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 123/1”
ศาลฎีกาฯ ชี้พฤติการณ์ว่า ในกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในสัญญา 4 ฉบับ พบว่า มีการแก้ไขสัญญาในยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว และยังทำในรูปแบบซื้อขายหน้าคลังสินค้า ซึ่งไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐและยังใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย ซึ่งเป็นพิรุธ ประกอบกับไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน แต่ในสัญญากลับระบุการซื้อขายข้าวนับล้านตัน ทั้งที่มีการนำข้าวออกไม่เท่ากับที่สัญญาระบุไว้ และเป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในราคากว่า 3 พันบาทต่อตัน โดยยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชนในกลุ่มของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของจำเลย ก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐ
“...สําหรับความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนระบายข้าว โดยการแอบอ้างทําสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จําเลยรับรู้จากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามสด กระทู้ทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายข้าราชการการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
...ในส่วนการระบายข้าว ที่แอบอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐก็เช่นเดียวกัน จําเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อนก็ย่อมกระทําได้ตามอํานาจหน้าที่ แต่จําเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกํากับดูแล การปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ทั้งมีอํานาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกํากับดูแล การระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอน การระบายข้าว
แต่จําเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดย แจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรง กับพวกแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจํานําข้าว โดยการแอบอ้างนําบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทําสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่่ำกว่าท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อน โดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่าง จากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการกระทําทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔...”
ส่วนนี้ คือคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดแล้ว
5. คดีทุจริตข้าวถุง รัฐบาลยิ่งลักษณ์
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการคลังสินค้า (เลขานุการกรรมการองค์การคลังสินค้า หรือ อคส.) กับพวก กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณีระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวปี 2554/2555 เพื่อบรรจุถุงจำหน่ายประชาชนเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพ ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ปัจจุบัน ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหา นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล และพวกรวมจำนวน 36 ราย
เพื่อให้ใช้สิทธิชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามขั้นตอน ก่อนจะสรุปสำนวนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาสำนวนการไต่สวนต่อไป
ขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีการลงมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใดนายชนุตร์ปกรณ์และพวกรวมจำนวน 36 ราย จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
7. นอกจากนี้ ยังมีคดีข้าวจีทูจี ลอต 2 ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช.
ทั้งหมด คือ คดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว ที่ยังไม่จบ
ส่วนจะจบอย่างไร? จะได้เงินกลับคืนมาชดใช้ค่าเสียหายแค่ไหน อย่างไร?ต้องติดตาม
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี