บทความชิ้นนี้เขียนในวันที่ พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษแสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เสนอให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย หวังนำข้อเสนอแนะส่งต่อรัฐบาล ปรับปรุงการทำงาน โดยเฉพาะประเด็นที่พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เคลื่อนไหวเรื่องที่จะพิจารณารับหรือไม่รับ คดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ในวันที่6 มีนาคมนี้
โดยพลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ ย้ำว่า การที่ดีเอสไอ พยายามที่จะให้คณะกรรมการคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ เพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ ดำเนินการตามข้อกล่าวหา การฮั้วเลือก สว. อาจเป็นการกำลังก้าวก่าย เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งบุคคลธรรมดา หรือ อัยการ สามารถยื่นร้องต่อศาล เพื่อให้วินิจฉัย และออกคำสั่งยุติการกระทำดังกล่าวได้
ฟัง สว.อภิปรายตั้งแต่ต้นจนจบ สรุปตามความเข้าใจได้ว่า นี่คือเกมแย่งอำนาจ แต่งตั้งองค์กรอิสระ และผู้นำสูงสุดในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เลือก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
เลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดถึงประธานศาลฎีกา ผู้ตรวจการแผ่นดิน และตำแหน่งสำคัญสูงสุดในหลายองค์กร ที่มีกระแสข่าวว่า สีแดงต้องการจะแชร์อำนาจในการเลือกตำแหน่งสำคัญเหล่านี้ในที่ประชุมวุฒิสภากับสีน้ำเงิน ด้วยความเชื่อที่ว่า พรรคภูมิใจไทยซึ่งมีสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ มีอิทธิพลบารมีเหนือ สว.ส่วนใหญ่ในสภาสูง
กูรูทางการเมืองหลายท่านวิเคราะห์ว่าสีแดงซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าพรรคเพื่อไทยที่เพลี่ยงพล้ำเกมการเมืองต่อสีน้ำเงิน มาหลายครั้งตั้งแต่เลือก สว. เมื่อปีกลาย ตามมาด้วยความพ่ายแพ้การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารจังหวัด (อบจ.) 75 จังหวัดทั่วประเทศไทย สีแดง ได้นายก อบจ.เพียง 15 จังหวัด สีส้มที่เคยคิดว่าเป็นคู่แข่งสำคัญได้ อบจ. เพียง 1 เดียวที่จังหวัดลำพูน ที่เหลือคละกัน ระหว่าง สีน้ำเงินสีฟ้า (ปชป.)และพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคใต้สีฟ้าส่วนใหญ่กลายเป็นน้ำเงิน
กล่าวโดยสรุป การเลือกตั้งทุกระดับระยะหลังนี้สีน้ำเงินเป็นต่อในทุกสนาม ส่วนเกมการเมืองในสภาถึงแม้ว่า แดงกับส้มจะร่วมมือกันมีปริมาณ สส.มากกว่าในสภา พยายามแก้รัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อร่างใหม่ทั้งฉบับ ก็ไม่อาจผ่านด่านสีน้ำเงินไปได้ การเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมผู้กระทำความผิด ม.112 เข้าไปด้วย ก็ถูกพรรคร่วมรัฐบาลนำโดยสีน้ำเงินขัดขวาง
นักกฎหมายฝ่ายสีแดง เสนอแก้กฎหมาย เพื่อให้ผู้ไร้มาตรฐานทางจริยธรรมทางการเมือง และไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เป็นรัฐมนตรี และรับตำแหน่งทางการเมืองได้ ก็ไม่ผ่านด่านสีน้ำเงิน กล่าวโดยสรุปคือ สีแดงซึ่งมีปริมาณคน และอำนาจบารมีเหนือสีน้ำเงินทุกด้าน แต่น่าประหลาดใจที่สีแดงตกเป็นไก่รองบ่อนทุกสนาม
หากวิเคราะห์จากความเป็นจริงทางการเมือง อาจเป็นเพราะว่า เจ้าของค่ายสีแดงรื้อเวทีการเมืองในประเทศไทยไปนานประกอบกับมีมือขวา ที่มีข้อครหาว่า อยู่ค่ายไหนหัวหน้าค่ายนั้นหายนะ มาเป็นมือขวาเคียงบ่าเคียงไหล่ ส่วนสีน้ำเงินหัวหน้าค่ายมีอาจารย์ใหญ่ คอยสอนชั้นเชิงให้ว่า หลบอาวุธคู่ต่อสู้อย่างไร เมื่อได้โอกาสสวนกลับจังหวะไหนทำให้คู่ต่อสู้ล้มหงายคาเวที
ตัวอย่างเช่น มือขวาหัวหน้าสีแดงขู่รื้อสนามกอล์ฟค่ายสีน้ำเงิน โดยลืมนึกไปว่า ค่ายสีน้ำเงินก็มีรถไถพร้อมรื้อสนามกอล์ฟสีแดงได้เหมือนกัน เกมการรื้อสนามกอล์ฟเลยต้องเจ๊ากันไป หัวหน้าค่ายสีแดงผู้ชำนาญในการเลี้ยงหมา ที่โวว่ามีคอกใหญ่เคยเลี้ยงหมาไว้ห้าสิบตัว แต่ไม่ฟังคำโบราณที่สอนว่า อย่าเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ มันอาจทำร้ายเอาได้
คำสอนนี้ ลุงตู่เข้าใจดี เมื่อรู้ว่าเลี้ยงเสือไว้พอโตใหญ่ เป็นอันตรายก็เลยไล่มันออกไป แต่ลุงป้อมซึ่งถือว่าตัวข้าคือพยัคฆ์เลี้ยงเสือต่อไป จนมันกัดเอาเกือบตาย ต้องปล่อยให้เจ้าของคอกหมาพาไปเลี้ยงแทน อุปมาเหมือนการเมืองทุกวันนี้ ที่หัวหน้าค่ายสีแดงเลี้ยงเสือเอาไว้แล้วปล่อยให้มันกัดวัวชาวบ้านเพื่อได้เนื้อมาแบ่งกัน
และหากมองการเมืองจากความเป็นจริงจะพบว่า หัวหน้าค่ายสีแดงมีข้อครหา มีปัญหาทางกฎหมายรอบด้านจึงจำเป็นต้องมีตุลาการบางส่วนอยู่ข้างกายปล่อยสีน้ำเงินกินรวบเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฝ่ายเดียวไม่ได้ จึงจำเป็นต้องสร้างสถานการณ์กดดันให้ สว.ชุดปัจจุบันสลายขั้วแปรพักตร์ ย้ายค่ายมาอยู่
ฝ่ายตนบ้าง เพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการแต่งตั้ง กกต. กสทช.และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสองท่าน ที่จะมีการเลือกสรรในเร็ววันนี้
ดังนั้น ปฏิบัติแบล็คเมล์ข่มขู่ สว. 138 คน จึงเกิดขึ้น โดยสั่งการให้ ดีเอสไอตั้งข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร สมคบกันฟอกเงินซึ่งเป็นข้อหาร้ายแรง ที่ใช้กับอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาผู้ทรงเกียรติไม่อาจรับได้ การแบล็คเมล์ข่มขู่ สวตามคำแนะนำของเสือร้าย จึงเป็นเหมือนบูมเมอแรงที่ยิ่งขว้างไปแรงเท่าไหร่ มันย้อนมาทำร้ายตัวเองมากเท่านั้น
แม้แต่คนที่ไม่มีความรู้ทางกฎหมายแต่เมื่อได้ฟัง สว.อภิปรายย่อมเข้าใจได้ว่า ข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร มีแรงจูงใจทางการเมืองซึ่งฝ่ายบริหาร หรือ กระทรวงยุติธรรมไม่มีอำนาจสั่งการให้ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษดำเนินคดีสว.ตามกฎหมาย
สว.จะฮั้วกันหรือไม่ เป็นอำนาจของกกต.เป็นผู้ตรวจสอบ สอบสวนดำเนินคดี หากมีมูล กกต. ต้องส่งเรื่องให้กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งต่อให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองพิจารณาคดีต่อไป
ฟังจากคำอภิปรายของสว.ได้ความว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้รัฐบาลก็ยืนยันว่า ความผิด หรือข้อหาจากการเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.เป็นผู้สอบดำเนินคดี และ กกต.แจ้งไปแล้วว่าไม่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานอื่นทำแทนได้
ดังนั้น การตั้งข้อหาว่า สว.ฮั้วกัน มีความผิดเข้าข่ายอั้งยี่ ซ่องโจร สมคบกันฟอกเงิน ของฝ่ายสีแดงจึงเปรียบเหมือน วัวสันหลังหวะ ที่เปิดโอกาสให้ สว.ซึ่งอุปมาเหมือนแร้งกา กัดจิกวัวสันหลังหวะจนหนำใจวัวสันหลังหวะจึงมีแต่ตายกับตาย นี่คือความเสียหายจากการตีไพ่โง่ทางการเมือง
รัฐบาลผสม ที่มีความแตกแยกแตกต่างกันในนโยบายสำคัญหลายอย่าง ที่ต่างฝ่ายต่างถือมีดอยู่ข้างหลัง แต่เบื้องหน้าพยายามแสดงละครตบตาว่า ยังรักกันปานจะกลืนกิน คุยว่ารัฐบาลผสมชุดนี้อยู่ครบเทอมจนหมดวาระสภา
บทความชิ้นนี้เขียนขึ้นก่อน คณะกรรมการคดีพิเศษ พิจารณาลงมติให้ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ สว.ฮั้วเลือกตั้ง มีความผิดข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรหรือไม่ แต่ขอทำนายล่วงหน้าว่าที่ประชุมล่มอีกคราเหมือนวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ทายผิดทายถูกก็ไม่เป็นไรเพราะการเมืองไทยมีให้เดาสุ่มกันไปอีกนาน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี