สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเกิดเหตุลอบยิงและเหตุวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส 4 จุด และจังหวัดปัตตานี 2 จุด เมื่อช่วงหัวค่ำคืนวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นการท้าทายอำนาจรัฐของรัฐบาลชุดนี้ ที่มี“มาดามแพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรีโดยตรง
เป็นเหตุการณ์ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยให้สัมภาษณ์หลังจากร่วมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาสกับอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์เดือนที่แล้ว ว่า“หลังจากท่านอดีตนายกฯทักษิณได้ฟังปัญหาในพื้นที่แล้ว คิดว่าการแก้ไขปัญหาไม่น่าจะยากมาก..ปีนี้น่าจะเห็นสัญญาณที่ชัดเจน จะมีทิศทางที่ดีขึ้น และปีหน้าจะหาทางจบเรื่องนี้”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จึงอยากถามว่า อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเป็นที่ปรึกษา“อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งสวมหมวกประธานอาเซียน คิดอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะรับผิดชอบอย่างไร
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิอาจปฏิเสธได้เลยว่าไม่เกี่ยวพันกับ“ทักษิณ ชินวัตร” ที่เวลานี้ถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านหมายหัวไว้ในญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย” ฐานเป็นผู้“ชี้นำ-ชักใย”ให้“บุตรสาว”ในฐานะนายกรัฐมนตรี กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง และประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
“ทักษิณ ชินวัตร” ผู้จุดไฟใต้ให้ลุกโหมขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547จนถึงบัดนี้ 21 ปีผ่านไปก็ยังไม่สงบ ต้องรับผิดชอบเพราะว่า ในการเดินทางลงไปจังหวัดนราธิวาสเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์เดือนที่แล้ว โดยอาศัยเสื้อคลุมที่ปรึกษาประธานอาเซียนบังหน้า และมีนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่เป็นผู้นำเบอร์ 2 ของรัฐบาลชุดนี้ พร้อมทั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรรม เดินทางติดตามไปด้วยเหมือนเป็น“บริวาร”นั้น ยิ่งเท่ากับสุมไฟให้เกิดการท้าทายอำนาจรัฐของกลุ่มผู้ก่อการในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับวันยิ่งถี่ขึ้น
แม้แต่คืนก่อนหน้าและในวันที่“ทักษิณ ชินวัตร”พร้อมด้วย 2 รัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้เดินทางลงไปยังพื้นที่จังหวัดนราธิวาส กลุ่มผู้ก่อการก็ยังแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้านทักษิณด้วยการก่อเหตุถึง 3 จุด
จุดแรกในช่วงหัวค่ำคืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 มีการวางระเบิดในพื้นที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา บริเวณร้านสะดวกซื้อ ห่างจากที่ตั้งฐานปฏิบัติการ ชป.ที่ 301 ประมาณ 300 เมตร เป็นเหตุให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย และกำลังพลเจ็บ 7 นาย ส่วนจุดที่สองคืนวันเดียวกันที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส มีการก่อเหตุด้วยการขว้างประทัดยักษ์ บริเวณแยกวัดเจาะไอร้องธรรมาราม ซึ่งภายในวัดเป็นที่ตั้งฐานของชุดปฏิบัติการหน่วยรบพิเศษที่ 403 โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
อย่างไรก็ดี จุดที่สามเป็นการท้าทาย“ทักษิณ ชินวัตร”ชัดเจน แต่ก็ยังมีเสียงว่าทักษิณเป็นคนจัดฉากเพื่อเรียกคะแนนเห็นใจ และเพื่อหลอกพวกมวลชนเสื้อแดง“สายมู”ให้เชื่อว่าทักษิณ“มีของ” ขนาดว่าโดนลอบสังหารมาแล้ว 4 ครั้งก็ยังรอดมาได้
จุดที่สามนี้ คนร้ายใช้“คาร์บอมบ์”โดยใช้ระเบิดแสวงเครื่องผูกติดไว้ใต้ถังน้ำมันรถกระบะ ซึ่งเป็นรถของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าสนามบิน ที่จอดไว้ข้างที่พัก ใกล้หอบังคับการบิน ภายในสนามบินบ้านทอน หรือสนามบินนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเมือง จังหวัดนราธิวาส แต่ปรากฏว่าระเบิดทำงานก่อนที่เครื่องบินที่“ทักษิณ ชินวัตร”นั่งมาจะลงจอดประมาณ 1 ชั่วโมง อานุภาพของระเบิดทำอะไรทักษิณไม่ได้ เพราะดันระเบิดผิดเวลา และเหตุ“คาร์บอมบ์”ครั้งนี้ ข่าวก็คลุมเครือ ไม่มีรายละเอียดเรื่องความเสียหาย รวมทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
จะอะไรก็ตามแต่ เหตุการณ์ล่าสุดที่จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 8 มีนาคม คือการปฏิบัติการที่ท้าทายอำนาจรัฐภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี“มาดามแพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ของบิดา ซึ่งเป็นผู้ประทับร่างทรงบุตรสาวในการกำกับดูแล-สั่งการ และกำหนดทิศทางนโยบายรัฐบาล
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทย ณ เวลานี้ตกอยู่ในสภาพ“รัฐล้มเหลว” หรือ “Failed State” เพราะว่า ประการแรก ผู้นำประเทศที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร” มิเพียงแต่เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ที่ไม่มีศักยภาพ เนื่องจากขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ และขาดความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น อีกประการหนึ่ง ผู้ที่มีอำนาจตัวจริงก็อยู่ในสภาพที่เป็น“อีแอบ” ไม่สามารถรวมศูนย์อำนาจแบบบูรณาการกดปุ่มสั่งการลงไปได้อย่างทันท่วงที ในยามที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน จะทำได้ก็เพียงแค่“สทร.-เสือกทุกเรื่อง"
เหตุรุนแรงที่จังหวัดนราธิวาสเกิดขึ้น 4 จุด ทั้งการปฏิบัติการโจมตีที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก รวมทั้งการลอบวางระเบิดรางรถไฟ หน้าห้างสรรพสินค้า และระเบิดเสาไฟฟ้า ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในคืนวันเดียวพร้อมกัน ถือว่าวางแผนและเตรียมการมาอย่างดี ใช้กองกำลังจรยุทธ์เหมือนนักรบที่ได้รับการฝึกมาไม่ต่างจากกำลังพลในกองทัพไทยเพียงแค่ประมาณ 10 คนปฏิบัติการ แต่เกิดผลสะเทือนเลื่อนลั่น ทั้งการใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ อส.เวรยาม และการวางระเบิด“คาร์บอมบ์”
การปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่จังหวัดนราธิวาสในครั้งนี้ ทำให้ อส. 2 นายเสียชีวิต บาดเจ็บ 8 นาย และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน
สำหรับเหตุการณ์ที่จังหวัดปัตตานี มีการลอบยิงและวางระเบิด 2 จุด เป็นผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 1 คน โดยผู้เสียเสียชีวิตเป็น อส. 1 นาย และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2 คน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทั้งที่จังหวัดนราธิวาสและปัตตานีในครั้งนี้ หากจะถามหาความรับผิดชอบจากอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ก็คงถามไม่ได้ เพราะถูกกันให้เป็น“คนนอก” ขนาดญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย” ที่พรรคฝ่ายค้านระบุชื่อทักษิณไว้ในญัตติด้วย ยังถูกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ สั่งให้ถอดชื่อทักษิณออก โดยอ้างว่าเป็นคนนอก ไม่สามารถชี้แจงในสภาฯได้
ยิ่งถ้าหากไปถาม“มาดามแพทองโพย” ก็ยิ่งแล้วใหญ่ คงไม่ได้อะไร นอกจากได้คำตอบว่า“อ๋อ”และทำหน้า“เอ๋อ”เท่านั้น !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี