การเมืองไทยเข้าสู่ทางตัน นับถอยหลังวันต้องคว่ำกระดานไม่นานเกินรอ แต่การคว่ำกระดานครั้งนี้คงไม่มีทหารออกมาเอ็กเซอร์ไซส์ ผู้ที่ต้องล้างไพ่ใหม่ คือนักการเมืองในแวดวงเดียวกันเอง ขึ้นอยู่กับว่าใครออกอาวุธก่อนเท่านั้น
มองจากกระแสข่าวที่เกลื่อนหน้าหนังสือพิมพ์ หน้าจอทีวี และหน้าปัดวิทยุพบว่า พรรคประชาชน (ปชน.) ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน จะคว้างมีดสั้นมุ่งเป้าหมายไปที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ด้วยความเชื่อว่าฆ่าอสรพิษร้ายตีที่หัวก่อน
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัวยังไม่เชื่อฝีมือพรรคประชาชน ว่า มีมีดสั้นอันตรายคล้ายลี้กิมฮวง คงมีอีโต้ทื่อที่ไม่อาจสร้างบาดแผลให้นายกรัฐมนตรีได้ แต่ที่น่ากลัวคือพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน อาจแอบขว้างมีดสั้นซ้ำเข้าไปโดยที่หัวหน้ารัฐบาลไม่ทันตั้งตัว
เนื่องจากในยุคการเมืองไร้คุณธรรม ตัวเล่น หรือหมากการเมืองตัวสำคัญอยู่นอกกระดาน นายกฯเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น เธอจึงเป็นเป้าหมายมีดสั้นของพรรคร่วมรัฐบาลได้ง่าย โดยที่พรรคร่วมรัฐบาลอาจแอบคว้างมีดสั้นอ้างว่า เป็นฝีมือพรรคฝ่ายค้าน แค่นั้นเรียบร้อยโรงเรียนอาจารย์ใหญ่
ดังนั้นการอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเป็นเพียงส่วนประกอบของแผนการขจัดนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ปล้นชาติ อาฆาตพยาบาทสถาบันฯ ที่กำลังสร้างความเสียหายทำให้ประเทศไทยรวนไปทั้งระบบ
หากมองการเมืองไทยจากความเป็นจริงจะพบว่านักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ผู้มีอำนาจบารมีเหนือพรรคเพื่อไทยนั้น ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เป็นไก่รองบ่อน อาจารย์ใหญ่ค่ายสีน้ำเงินมานานแล้ว แต่ด้วยการจัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์กันลงตัวจึงประคับประคองรัฐบาล ประสานผลประโยชน์ร่วมกันต่อไปได้ แบบต่างฝ่ายต่างถือมีดไว้ข้างหลัง
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ที่นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ข้ามเส้นแดงทางการเมืองจากการมีอำนาจเหนือฝ่ายบริหาร มาขอแบ่งปันอำนาจในฝ่ายนิติบัญญัติ พูดง่ายๆคือผู้ยิ่งใหญ่พรรคเพื่อไทย อยากแชร์อำนาจควบคุมสั่งการในสภาสูงหรือวุฒิสภา ซึ่งถือว่า ข้ามเส้นแดงของระบบการเมืองแบบไทยๆ ที่วุฒิสภาส่วนใหญ่ไม่อาจรับได้ และเชื่อว่า เกมนี้ สว.ซึ่งมีแต้มต่อจะสู้จนล่มสลายกันไปข้างหนึ่ง
สว.มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบกฎหมายที่ผ่านสภาล่างว่า ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้บทเรียนมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่หลาบจำ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามล้มล้างรัฐธรรมนูญที่ถูกขัดขวาง หรือความพยายามนิรโทษกรรมที่รวมมีความผิด ม. 112 ด้วยก็ทำไม่ได้ แม้กระทั่งความพยายาม แก้กฎหมายว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมก็ยังไม่ผ่านด่านสภา
ด้วยความคั่งแค้น และเหิมเกริมในอำนาจที่มีเหนือหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ซึ่งปัจจุบันมีขาใหญ่เคยผ่านคุกผ่านตะรางมาหลายครั้งยืนเคียงข้าง ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทยจึงคิดการใหญ่ใช้วิธีการข่มขู่แบล็กเมล์เพื่อขอแชร์อำนาจในสภาสูงสร้างความแตกแยกในกลุ่ม สว.โดยให้ ดีเอสไอ ตั้งข้อหา สว. 138 คน#เป็นอั้งยี่ซ่องโจร สมคบกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นข้อหาร้ายแรงยิ่งกว่าอาชญากรรมข้ามชาติ
สว.ซึ่งมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบกฎหมาย ที่สำคัญ สว.มีอำนาจลงคัดเลือกแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่งตั้งกรรมการองค์กรอิสระ เช่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ตลอดถึงมีอำนาจคัดเลือกแต่งตั้งประธานศาลฎีกา ฯลฯ
ดังนั้น นักการเมืองน้ำดีมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีเหตุผลใดๆไปกลัวการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญต่างๆ นอกจากนักการเมืองที่มีประวัติทุจริต นักการเมืองมีประวัติทำนิติกรรมอำพราง นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ที่เคยมีประวัติพยายามติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นักธุรกิจการเมืองฯ ที่เคยมีประวัติลืมถุงขนมไว้ในศาล นักธุรกิจการเมืองชั่วร้ายเหล่านี้ จึงอยากมีส่วนแบ่งคุมอำนาจในสภาสูง โดยหวังจะมีส่วนร่วมการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีขึ้น เนื่องจากว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสองท่านคือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ประธานศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบัน และนายปัญญาอุดชาชน หมดวาระเจ็ดปีเร็วๆ นี้
นักธุรกิจการเมืองฯ ที่มีชนักติดหลังจึงทุ่มสุดกำลังให้มี สว.ย้ายค่ายมาอยู่ในสังกัด มากพอที่จะเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามที่ตัวต้องการ และนี่คือความผิดพลาดครั้งสำคัญของนายใหญ่ที่ยังคิดว่า สว.ชุดนี้เป็นเหมือน สว.ชุดสภาทาสที่ตัวสั่งการได้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย จึงสั่งให้สมุนบริวารจัดการข่มขู่แบล็คเมล์ให้ สว.แบ่งขั้วแยกค่ายมาอยู่ฝ่ายตน
ด้วยความห่างเหินการเมืองในประเทศไทยไปนาน ผู้ยิ่งใหญ่เหนือพรรคเพื่อไทยจึงไม่เข้าใจว่าบริบทการเมืองไทยที่เปลี่ยนไป อย่าว่าแต่เลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเลย แม้แต่เลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยยังทำไม่ได้ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนไปดึง สว.ผู้ทรงเกียรติมาไว้ในค่ายเพื่อฟังคำบัญชาสั่งการได้
สว.ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลที่สั่งการได้ตามอำเภอใจ ถึงแม้ สว.จะมีข้อครหาว่า ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจไทย แต่ทุกท่านก็ผ่านการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 และที่สำคัญ สว. 200 คนได้รับการรับรองจากกรรมการการเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการสรรหาสมาชิกรัฐสภาว่า ได้เป็น สว.โดยชอบ
ในการแถลงข่าวเรื่องการประกาศรับรองผลการเลือก สว. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. อธิบายว่า กกต. รับรองผลการเลือก สว. เพราะ “พิจารณาแล้วเห็นว่า การเลือก สว.เป็นไปด้วยความถูกต้อง สุจริตและเที่ยงธรรม” ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 42 ของ พ.ร.ป. สว.
นายแสวงอธิบายว่า ที่สรุปเช่นนั้น เพราะ กกต.ได้ดำเนินการเกี่ยวกับกระทำความผิดและข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นแล้ว โดย กกต. แบ่งความผิดและข้อร้องเรียนเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม 1 คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร : เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครตั้งแต่ต้น ทำให้มีผู้สมัครถูกตัดสิทธิกว่า 2,000 คน ในการเลือกระดับอำเภอ (1,917 คน)ระดับจังหวัด (526 คน) และระดับประเทศ (5 คน) และได้ระงับสิทธิสมัครรับเลือกของผู้สมัครเป็นการชั่วคราวอีก 89 ราย
นอกจากนั้นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญยังให้อำนาจ กกต. สอบสวน สว.ที่ได้รับการรับรองแล้วภายในเวลาหนึ่งปี ดังนั้น การสอบสวน สว.ยังอยู่ในขอบข่ายอำนาจของ กกต. โดยสมบูรณ์จนถึงวันที่ 10 ก.ค. 2568 ในเวลานี้จึงไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารไปสั่งการ ดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับ สว.ได้
การตั้งข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร กับ สว.จึงเป็นการตีไพ่โง่ที่ไม่มีใครยอมให้อภัย และอาจถูก สว.ฟ้องมาตรา 157 ได้ ด้วยเหตุนี้การประชุมคณะกรรมการพิเศษเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ จึงล่มไม่เป็นท่า เมื่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สามนายไม่เข้าร่วมพิจารณา เป็นเหตุให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานการประชุมออกมาแถลงข่าวเลื่อนการประชุมเป็นวันที่ 6 มีนาคม โดยจะเรียกให้ กกต. มาร่วมประชุมด้วย และ ถูกตอกหน้าว่า มีอำนาจอะไรเรียก กกต ไปร่วมประชุม
จึงทำนายล่วงหน้าว่า การประชุมวันที่ 6 มีนาคม อาจจะล้มเหลวอีกครั้งและมันจะมีผลไปถึงการพังหรือไม่พังของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร เพราะมีรายงานว่าพรรคประชาชน ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เมื่อถึงวันนั้นพรรคร่วมรัฐบาลอาจไม่ออกเสียงสนับสนุนนายกฯก็อาจเป็นไปได้ สมมุติว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังสนับสนุนน.ส.แพทองธารให้เป็นนายกฯต่อไป
ดาบสุดท้ายจาก สว.ก็จะแผลงฤทธิ์ โดยการเข้าชื่อกันยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอนนายกรัฐมนตรี ในคดีใดคดีหนึ่งแน่นอน ส่วนจะเป็นคดีอะไรนั้นไม่นานเกินรอก็จะรู้กัน เนื่องจากการเมืองปัจจุบันมันเหลวแหลกเกินเยียวยา ดังที่อาจารย์แก้วสรร อติโพธิเขียนบทความว่า “โจรมันเข้ามามีอำนาจ คับบ้านคับเมืองแล้ว อำนาจกฎหมาย เลยกลายเป็นอำนาจโจรไป”
เพื่อไม่ให้โจรมีอำนาจเหนือกฎหมาย จำเป็นต้องล้างไพ่ทางการเมือง แล้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่เชื่อว่าไม่เกินเดือนพ.ค.หรือเร็วกว่านั้น เพราะอาจมีการยุบสภาแบบฟ้าผ่ากลางแดด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี