การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านโดย“ล็อคเป้า”เฉพาะ“มาดามแพทองโพย”เพียงคนเดียวนั้น เป็นเรื่องที่ชวนให้น่าขบคิดว่าอาจจะเป็น“การสมคบคิด”ระหว่างพรรคเพื่อไทยการละคร กับพรรคประชาชนการละครที่ช่วยกันเขียนบทเพื่อมิให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นในสมัยประชุมนี้หรือไม่
เพราะจนถึงวันนี้ พรรคประชาชนในฐานะที่เป็นแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรยังยืนยันที่จะไม่ตัดชื่ออดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรออกจากญัตติการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย” ตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทาได้ทำหนังสือไปถึงฝ่ายค้านขอให้ตัดชื่อทักษิณออกญัตติ โดยอ้างว่าทักษิณเป็นบุคคลภายนอกหากบรรจุญัตติไปแล้วจะมีปัญหาเรื่องฟ้องร้องกันขึ้นมาได้
ย้อนกลับไปดูไทม์ไลน์เพื่อลำดับเหตุการณ์เป็นดังนี้, วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 พรรคร่วมฝ่ายค้านนำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาชนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดย“ล็อคเป้า”เฉพาะนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว
ญัตติที่ยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วาง“มาดามแพทองโพย” โดยมี สส.จาก 4 พรรคร่วมฝ่ายค้าน คือพรรคประชาชน, พรรคพลังประชารัฐ, พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคเป็นธรรม ลงชื่อ 166 คน นั้นระบุว่า “แพทองธาร ชินวัตร”เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป
โดยฝ่ายค้านเห็นว่า “มาดามแพทองโพย”ขาดภาวะผู้นำ, ขาดวุฒิภาวะ, ขาดความรู้ความสามารถและขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดินที่จะแก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติและประชาชนซึ่งส่งผลให้ทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศชาติ
สำคัญที่สุด ฝ่ายค้านระบุไว้ในญัตติว่า “มาดามแพทองโพย”จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัวและพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
อีกทั้ง “มาดามแพทองโพย”ยังไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชนเอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนเป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย และนอกจากนั้นยังบริหารบ้านเมืองผิดพลาด-ล้มเหลวอย่างร้ายแรง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมรวมทั้งยังทำลายหลักนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตย และระบบรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม ที่เป็นปัญหาอันอาจจะเหมือนมวยล้มต้มคนดู ดังที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าเรื่องนี้ชวนให้น่าขบคิดว่า เป็น“การสมคบคิด”ระหว่างพรรคเพื่อไทยการละครกับพรรคประชาชนการละครช่วยกันเขียนบทเพื่อทำให้ไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมนี้ได้นั้น
ญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านเขียนระบุชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งเป็น“คนนอก”ไว้อย่างนี้
“มาดามแพทองโพย”สมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา“ชี้นำ-ชักใย”ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมืองประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
ตรงจุดที่กล่าวถึง“ทักษิณ ชินวัตร”นี้เอง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ในอดีตเคยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และเป็นหนึ่งใน“บ้านเลขที่ 111”ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี กรณีพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรคในปี 2550 พิจารณาเห็นว่าการระบุรายชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติ อาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหายเนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาฯได้ และจะมีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องตามมาจึงมีหนังสือแจ้งไปยังนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาขอให้แก้ไขโดยตัดชื่อทักษิณออกจากเนื้อหาญัตติด้วยการอ้างว่าเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 176
ทั้งนี้ ข้อบังคับการประชุมสภาฯข้อที่ 176 ระบุว่า เมื่อประธานสภาฯได้รับญัตติ แล้ว ให้ทำการตรวจสอบหากมีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภาฯแจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติเมื่อประธานสภาฯได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้ว ให้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ
ประเด็นนี้ก็มีข้อถกเถียงอีกเช่นกัน ซึ่งเป็นช่องให้ฝ่ายค้านยืนยันที่จะไม่ตัดชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”ออกจากญัตติเพราะนายวันนอร์รับญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย”จากฝ่ายค้านเมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ แต่มีหนังสือแจ้งให้แก้ไขญัตติในวันที่ 7 มีนาคมรวมเวลาแล้วเกินเจ็ดวันตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ
เรื่องนี้อันที่จริงง่ายนิดเดียว ถ้าหากฝ่ายค้านคือพรรคประชาชนไม่ได้สมคบคิดกับพรรคเพื่อไทยก็ยอมตัดชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”ออกจากญัตติ เพราะเมื่อถึงวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็สามารถอภิปรายโยงเรื่องราวระหว่าง“มาดามแพทองโพย”กับบิดาในฐานะผู้“ชี้นำ-ชักใย”ให้เห็นที่มาที่ไปได้ ไม่เอ่ยชื่อทักษิณก็ไม่เห็นจะเป็นอุปสรรคด้วยเหตุที่“เป้าล็อค”อยู่ที่“มาดามแพทองโพย” ไม่ใช่ทักษิณ
ถ้าฝ่ายค้านหวังจะให้นายวันนอร์ยอมบรรจุญัตติไว้ในระเบียวาระการประชุม โดยไม่ต้องตัดชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เคยเป็น“นายใหญ่”นายวันนอร์ เมื่อครั้งเป็น สส.พรรคไทยรักไทยและเคยเป็นรัฐมนตรีภายใต้การกำกับดูแลของทักษิณสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น พูดได้คำเดียวว่า“ยากส์”
สุดท้ายหากฝ่ายค้านยังยืนกรานไม่ลบชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”นายวันนอร์ก็จะใช้อำนาจประธานสภาฯไม่บรรจุระเบียบวาระ ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า“ถ้าเขาอยากจะอภิปรายเขาก็ต้องแก้ญัตติ ถ้าเขาไม่แก้เราก็ไม่บรรจุซึ่งผมก็ต้องดำเนินการไปตามข้อบังคับ”
อดใจรอดูอีกแป๊บ ก็คงได้รู้ว่า พรรคเพื่อไทยการละคร กับพรรคประชาชนการละครร่วมกันเขียนบทละครการเมืองน้ำเน่าเรื่อง-“ล็อคเป้ามาดามแพทองโพย”จริงหรือไม่ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี