“ราโชมอน (Rashomon)” เป็นคำที่หลายคนอาจเคยได้ยิน โดยเฉพาะในวงการภาพยนตร์ คำนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากเรื่องสั้นญี่ปุ่นเรื่อง “ในพุ่มไม้” (ค.ศ.1922) ก่อนจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ Rashomon (ค.ศ.1950) ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลกในเวลาต่อมา
เรื่องราวในภาพยนตร์ได้เล่าถึงโศกนาฏกรรมการเสียชีวิตของซามูไรคนหนึ่งในช่วงปลายยุคเฮอัง โดยมีสามตัวละครหลักเป็นพยาน ได้แก่ โจรป่า ภรรยาของซามูไร และวิญญาณของซามูไร (ร่างทรง) แม้ว่าทั้งสามจะอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน แต่กลับมีคำให้การที่ต่างกันจนทำให้ศาลและคนที่มารับฟังคดีนี้ต่างงุนงง
สรุปภาพยนตร์ Rashomon (ค.ศ.1950) แบบสั้นๆ โดย “โจรป่า” ให้การว่า เขาได้เป็นคนฆ่าซามูไร ซึ่งเป็นการสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี โดยต้นเหตุมาจากการที่โจรป่าต้องการแย่งภรรยาของซามูไรมาครอบครอง ส่วน “ภรรยาของซามูไร” ให้การว่า เธอเป็นคนฆ่าซามูไร เพราะความไม่พอใจที่ซามูไรได้มองเธออย่างเหยียดหยามหลังจากถูกโจรป่าขืนใจ และ “ซามูไร (ร่างทรง)” ให้การว่าเขาจบชีวิตตัวเองเพราะถูกภรรยาทอดทิ้งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเขาต้องสูญเสียศักดิ์ศรีจนไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ด้วยความขัดแย้งจากมุมมองของทั้งสามคน สะท้อนแนวคิดที่ว่า “ความจริงไม่ได้มีเพียงหนึ่ง” แต่ขึ้นกับมุมมองของแต่ละคน จนเกิดเป็นข้อถกเถียงในทางปรัชญา และมีอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์, ปรัชญา, กฎหมาย และอื่นๆ ในเวลาต่อมา จนถูกเรียกว่า “Rashomon Effect”
แนวคิดเรื่องราโชมอนนี้ เมื่อเราลองเชื่อมโยงไปถึงปัญหาสังคม เราจะพบว่า หลาย ๆ ปัญหาก็มีมุมมองจากคนในสังคมที่ต่างกัน หนึ่งในนั้น คือ “ปัญหาคอร์รัปชัน” บางคนอาจจะรับได้ บางคนอาจจะรับไม่ได้ ขึ้นอยู่กับบทบาทหน้าที่ หรือบริบทสังคมที่เติบโตมา ตัวอย่างเช่น คนบางกลุ่มมองว่า“คอร์รัปชันเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ” แนวคิดนี้เราเรียกว่า Grease the Wheel (น้ำมันหล่อลื่นเครื่องจักร) เปรียบเทียบคอร์รัปชันเป็นเหมือนน้ำมันหล่อลื่นช่วยให้ระบบราชการที่ล่าช้า ดำเนินการได้รวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องติดกฎระเบียบที่ยุ่งยาก ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่สนับสนุนทฤษฎีนี้จะเป็นนักลงทุนที่ต้องการทำธุรกรรมกับระบบราชการให้รวดเร็ว เช่น การขอใบอนุมัติ รวมถึงนักเศรษฐศาสตร์บางคนที่มองว่าคอร์รัปชันสามารถแก้ปัญหาประเทศที่มีระบบราชการแข็งตัว เช่น อินเดีย หรือบางประเทศในแอฟริกา
คนบางกลุ่มมองว่า คอร์รัปชันเป็นเรื่องที่ “ใครๆ ก็ทำกัน”หากสร้างบรรทัดฐานให้การโกงกลายเป็นเรื่องปกติ โดยงานวิจัย Gino, Ayal, และ Ariely (ค.ศ.2009) ได้ศึกษาโดยให้กลุ่มตัวอย่างทําโจทย์เลขภายในเวลาจํากัด โดยแต่ละรอบทีมงานจะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มตัวอย่างและทําโจทย์ทั้งหมดเสร็จอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานเกี่ยวกับการโกง ผลของการวิจัยพบว่า เมื่อบรรทัดฐานด้านคอร์รัปชันของสังคมลดลงก็จะทำให้ระดับการคอร์รัปชันสูงขึ้นตาม แนวคิดนี้ทำให้เราเห็นว่าคนในสังคมจะมองว่าการโกงเป็นเรื่องปกติ ถ้าสังคมมีบรรทัดฐานการต่อต้านคอร์รัปชันต่ำ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีการคอร์รัปชันอย่างแพร่หลาย
คนบางกลุ่มมองว่า “คอร์รัปชันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้”ตัวอย่างจากงานวิจัย การตลาดเชิงประยุกต์สำหรับการกระตุ้นและจำแนกกลุ่มประชาชนที่มีความตระหนักรู้เกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชัน (ค.ศ.2020) ได้สำรวจมุมมองของประชาชนโดยแบ่งประเภทกลุ่มต่างๆ โดยมีกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า Frontline เป็นกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยด้านการต่อต้านคอร์รัปชันสูง คนกลุ่มนี้ ถ้ามีโอกาสก็จะเข้าไปร่วมในการปราบปรามคอร์รัปชัน มองว่าการให้สินบนเป็นเรื่องที่ผิดและมองผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง โดยส่วนใหญ่เป็นคนอายุ 18-34 ปี และเป็นผู้หญิง 55.40% เป็นผู้ชาย 44.60%
เราจะเห็นว่า ในราโชมอนแต่ละตัวละครต่างนำเสนอ “ความจริง”ของตนที่ขัดแย้งกัน เช่นเดียวกันกับปัญหาคอร์รัปชันที่ผู้คนมองมันต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานะทางเศรษฐกิจ สังคม และอุดมการณ์ บางคนมองว่าคอร์รัปชันเป็นสิ่งที่ดีบ้าง แย่บ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่คอร์รัปชันไม่เหมือนราโชมอน คือ “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว”
แม้ตอนจบของภาพยนตร์เรื่องราโชมอนไม่ได้เฉลยว่าสุดท้ายแล้วใครพูดจริงหรือใครพูดโกหก ทำให้เกิด “ความจริงอาจมีหลากหลาย”
ผู้ชมต้องไปพิจารณาและตัดสินกันเองว่า ซามูไร ภรรยาซามูไร หรือโจรป่า คือคนที่พูดความจริง แต่คอร์รัปชันที่อาจมองได้หลายมุมมองมีข้อมูลที่สามารถพิสูจน์ได้
ตัวอย่างเช่น แนวคิด Grease the Wheels ที่เชื่อว่าคอร์รัปชันทำให้ระบบราชการรวดเร็ว และเป็นกลไกช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต แต่งานวิจัยของ Tanzi & Davoodi (ค.ศ.1997) พบว่าคอร์รัปชันทำให้ค่าใช้จ่ายในการผลิตของภาครัฐสูงขึ้น เช่น ในการพัฒนาการศึกษาและสาธารณสุข ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนไม่มีประสิทธิภาพ และส่งผลเสียต่อประเทศในระยะยาว
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัย Aidt (ค.ศ.2009) ที่อธิบายถึงแนวคิดที่ว่าคอร์รัปชันสามารถทำให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะแท้จริงแล้ว การแทรกแซงของรัฐบาลที่ยุ่งยากและไม่มีประสิทธิภาพหลายอย่างเกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตเสียเองตั้งแต่ต้น และที่แย่กว่านั้น การให้เหตุผลแบบนี้อาจเป็นอันตราย เพราะมันส่งเสริมให้ผู้คนยอมรับการทุจริตหรือเพิกเฉยต่อปัญหา
หรือถ้าเราไปดูดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perception Index) ที่มีการให้คะแนนและจัดอันดับความโปร่งใส 180 ประเทศในแต่ละปี เราจะพบว่าประเทศที่คะแนนมี CPI ที่ดี จะมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) ที่ดีด้วย (ดัชนีการพัฒนามนุษย์ช่วยชี้วัดคุณภาพชีวิตโดยรวมของประชากร เช่น สุขภาพ การศึกษา และโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยมีการจัดอันดับจาก 192 ประเทศ) ขอยกตัวอย่างด้วยอันดับของแต่ละประเทศเพื่อเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น
ประเทศนอร์เวย์ มีคะแนน CPI อยู่อันดับที่ 5 และคะแนน HDI อยู่อันดับที่ 2
ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีคะแนน CPI อยู่อันดับที่ 9 และคะแนน HDI อยู่อันดับที่ 10
ประเทศสิงคโปร์ มีคะแนน CPI อยู่อันดับที่ 3 และคะแนน HDI อยู่อันดับที่ 9
และประเทศอื่นๆ ที่มีคะแนน CPI อยู่ใน 10 อันดับแรกจะมีคะแนน HDI อยู่ใน 10 อันดับแรกเสมอ ยกเว้นเพียงแค่ ฟินแลนด์ที่มีคะแนน HDI อยู่ในอันดับที่ 12 และ ลักเซมเบิร์กที่มีคะแนน HDI อยู่ในอันดับที่ 20
ความสอดคล้องของความโปร่งใส (CPI) และคุณภาพชีวิตของประชาชน (HDI) สะท้อนให้เห็นว่าประเทศที่สามารถต่อต้านคอร์รัปชันได้ดี ประชากรในประเทศก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีด้วย และไม่ใช่เพียง HDI เท่านั้น หากเราไปดูดัชนีอื่นๆ เช่น ดัชนีความก้าวหน้าทางสังคม (SPI) ดัชนีความสามารถในการแข่งขันโลก (GCI) จะเห็นว่าการต่อต้านคอร์รัปชันส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศในหลายๆ มิติและเป็นข้อพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่าการคอร์รัปชันที่อาจจะมีหลายมุมมองแบบราโชมอน แต่ข้อมูลทางสถิติก็พิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่าคอร์รัปชันส่งผลเสียอย่างมากต่อประเทศและคุณภาพชีวิตของเรา
อ้างอิง :
Tanzi & Davoodi (1997) Corruption, PublicInvestment, and Growth international monetary fund
การตลาดเชิงประยุกต์สำหรับการกระตุ้นและจำแนกกลุ่มประชาชนที่มีความตระหนักรู้เกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชัน 2563 https://www.khonthai4-0.net/
รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคม
ไทยไร้คอร์รัปชันโดย ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ และคณะกันยายน 2561
drmlib.parliament.go.th
คะแนน CPI https://www.transparency.org/en/cpi/2024
คะแนน HDI https://hdr.undp.org/data-center/country-insights#/ranks
สุรวัฒน์ เดวา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี