ขณะที่เงินเยียวยาน้ำท่วม ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ยังจ่ายไม่ครบ รัฐบาล “คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ก็เดินหน้าประชาสัมพันธ์การแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 แล้ว ท่ามกลางคำถามมากมายจากทุกสารทิศ อาทิ
1) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก“ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร” หัวข้อ “ดิจิทัลวอลเล็ต ทำไมต้องมาแบบกระปริดกระปรอย” ความว่า...
หาเสียงด้วยคำพูดคำโต 16 ปีขึ้นไป 55 ล้านคน 550,000 ล้านทันทีที่เป็นรัฐบาล แต่ตอนนี้เหมือนผ่อนดอก ไม่ผ่อนต้น
เฟส 3 จำกัดอายุ 16-20 ปี 2.7 ล้านคน ใช้เงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท ส่วนเฟส 4 ยังไม่ทราบอนาคต
ข้อจำกัดต่างๆ ที่มาจากการพูดไม่คิดมีดังนี้
1. แหล่งที่มาของเงิน ตอนแรกคิดง่ายๆ ว่า จะมางบประมาณ จะประหยัดโน่น ประหยัดนี่เหลือเป็นแสนล้าน แจกสบายๆ พอเป็นรัฐบาล ประหยัดไม่ได้สักบาท จะกู้ก็มีคนค้าน ปัจจุบันจึงต้องกระเบียดกระเสียรจากงบประมาณแผ่นดินที่ผ่านสภา ซึ่งมีข้อจำกัดมากมาย
2. ความสามารถในการหารายได้ ก่อนเป็นรัฐบาลฝันว่ามีฝีมือทำให้เศรษฐกิจโต GDP.
เพิ่ม แต่ของจริง จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้ามหาศาล GDP. ก็ต่ำเตี้ย ไม่เป็นดังคาด
3. กลัวทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่ห้าม ครม.นำงบประมาณไปใช้เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง ถึงขั้นถอดถอนทั้งคณะ เลยต้องหาเหตุข้างๆ คูๆ ไปในแต่ละรอบ
4. การแจกกระปริดกระปรอย จึงมาจากหาเหตุผลได้เท่านี้ เฟสแรก แจกกลุ่มเปราะบางที่รัฐต้องช่วยเหลือ เฟสสอง แจกผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้เพื่อช่วยลดภาระรายจ่าย เฟสสาม แจกเด็กๆ เพื่อการศึกษา (แต่ให้ไปซื้อเกม ซื้อเหล้า ซื้อบุหรี่ได้) เฟสสี่ยังคิดไม่ออก เลยยังไม่มีกำหนด
5. คนที่รอเฟส 4 บอกได้เลยว่า ต้องรอหลัง 1 ตุลา 2568 เพื่อรอเงินจากจากงบประมาณปีหน้า ถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ครับ
2) ในการประชุมวุฒิสภา น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลุกขึ้นหารือถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมแจกเงิน 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ให้กับผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเมื่อเห็นโครงการนี้ ตนมองเห็นถึงวัตถุประสงค์อันดี 3 ประการ ได้แก่ 1.กระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น
2.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกลุ่มเยาวชนอายุ 16-20 ปี ที่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี
และ 3.ส่งเสริมการเรียนรู้การจัดการการเงิน เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกฝนการวางแผนการใช้จ่าย ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับอนาคต
แต่ตนติดตามข่าวสารและความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย พบว่าจากข่าวดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความเดือดดาลของประชาชน มีการตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่แจกให้กับผู้เสียภาษีอย่างกลุ่มวัยทำงานที่เป็นผู้สร้างเศรษฐกิจ แต่กลับมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเยาวชนและผู้สูงอายุอย่างชัดเจน
“ความเห็นของคนทั่วไป เช่น คนที่จ่ายภาษีหลักๆ คือ อายุ 20-50 ปี ซึ่งมีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของแต่ละคน ยังไม่เหมาะสม หรือคำถามที่ว่า ยังไม่เหมาะสมหรือ สะท้อนถึงประเด็นที่ว่า ควรจัดสรรงบประมาณที่มาจากภาษีของกลุ่มวัยทำงานอย่างไร ให้เกิดความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า ประชาชนที่เสียภาษีเริ่มรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม ลามไปถึงเรื่องการหาเสียงในอนาคตหรือการสร้างฐานเสียง และมีประชาชนอีกหลายเสียงที่ส่งเสียงบอกว่า เด็กวัยนี้เน้นไปที่การเติมเกม เล่นเกมมากกว่า
“ดิฉันรู้สึกกังวลมากในประเด็นนี้ ว่าหลังจากที่แจกเงินไปแล้ว รัฐบาลจะมีวิธีติดตามผลลัพธ์อย่างไร และโครงการนี้คุ้มค่าหรือไม่ เพราะตั้งแต่เฟสแรกจนถึงเฟสนี้ มีข้อกังวลหลายอย่าง รวมถึงการแจกเงินและกลุ่มเป้าหมายที่ถูกเลือก ซึ่งในเฟสก่อนหน้า มุ่งเน้นไปที่ผู้สูงอายุ ขณะที่กลุ่มเยาวชนในเฟสล่าสุด กลายเป็นที่ถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวาง” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ต้องการขวางโครงการนี้ เพราะเชื่อว่าการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจดำเนินต่อได้ แต่ในฐานะวุฒิสภาที่มีหน้าที่ในการกลั่นกรองนโยบาย ตนเห็นว่าจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างรัดกุมและการสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจน เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ว่าจะเป็นไปตามเป้า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
“ดิฉันไม่ได้มองว่าโครงการเป็นปัญหาแต่ดิฉันมองว่าการเข้าถึงการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ จึงอยากขอเสนอแนะเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องของการสื่อสาร ช่องทางการสื่อสารต้องชัดเจนและเข้าถึงประชาชนได้ง่าย ลดความหวังผิดๆ โดยย้ำว่านี่เป็นมาตรการชั่วคราว ไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว ถาวร ต้องอธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจโดยละเอียดและเข้าถึงทุกกลุ่ม ว่า โครงการนี้มีเป้าหมายอะไร ใช้ช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
3) นายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เงินเฟส 3 ที่จะซื้อเสียงล่วงหน้าแค่คนอายุ 16-20 ปี บอกเลยว่าคนเหล่านี้จะเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นน้อยมาก เพราะคนรุ่นใหม่นั้นเขาก็เลือกพรรคที่มีภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ ทันสมัย เอาใจคนรุ่นใหม่ เหมือนเลือกใช้สินค้าแบรนด์เนม คือพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นพรรคคนรุ่นแก่และอยู่ในชนบทเสียส่วนมาก เป็นพรรคที่มีบ้านใหญ่ทุกจังหวัดอันเป็นภาพลักษณ์ที่น่ารังเกียจสำหรับพวกเขา
แม้หัวหน้าพรรคจะมีอายุพอจะนับเป็นคนรุ่นใหม่ได้ แต่เธอหลุดจากทุกรุ่นเพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเธอคนเดียวเท่านั้น! #ภาษีกู....ที่จะซื้อเสียงคนพวกนี้ล่วงหน้า เพื่อหวังคะแนนเสียงจึงไม่ออกดอกออกผลอย่างที่หวังหรอก
3) ย้อนอดีตกลับไป นายชนินทร์รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เคยเทศนา“รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ว่า ต้องเลิกแก้ปัญหาแบบฉาบฉวย ใช้แต่งบประมาณซึ่งมาจากภาษีประชาชนเพื่อประคองสถานการณ์ หวังกลบกระแสสังคม เมื่อเกิดปัญหาใดก็ตามรัฐบาลมักเลือกที่จะแจกจนเคยชิน โดยไม่มีแผนการวางแผนแก้ปัญหาที่ตรงจุด
รัฐบาลยังไม่มีแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาว คนที่เสียหายที่สุดในสถานการณ์นี้มีแต่ประชาชน ที่นอกจากจะต้องรับกรรมกับสินค้าแพงแล้ว ยังต้องสูญเสียภาษีไปโดยเปล่าประโยชน์ให้กับการชดเชยค่าสินค้าที่แพงขึ้นมาจากการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพเท่านั้น
“ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันซึมลึกไปทุกระดับ รัฐต้องเสริมศักยภาพในการประกอบอาชีพ ผ่อนคลายมาตรการภาษี สร้างตลาดรองรับ สร้างโอกาสในการทำกิน ไม่ใช่เอาแต่เติมเงิน แจกเงิน แทรกแซงจนโครงสร้างเศรษฐกิจไปต่อยาก หากปล่อยให้บริหารต่อไปเรื่อยๆ ต่อไปประเทศไทยคงต้องเต็มไปด้วยคนจนทั้งแผ่นดินด้วย” ชนินทร์ กล่าว
น่าทุเรศ ตรงที่รัฐบาลนี้ก็แจก แจกเรื่อยเปื่อย แจกส่งเดช นอกจากชนินทร์จะไม่ตำหนิแล้วยังเป็นคนแถลงข่าวการแจกนี้ด้วยตัวเอง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี