ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ
นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย
น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจมฯ
วันนี้ยก“เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา”มาเปิดเรื่องเพราะเสียงส่วนใหญ่ของคนในประเทศนี้เริ่ม“สุดจะทน”กับการบริหารชาติบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และมี“มาดามแพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเมื่อมองไปข้างหน้าก็เห็นมีแต่ความฉิบหายรออยู่ และบ้านเมืองถึงกับจะล่มจมอันเนื่องมาจาก“ผู้มีศีลสิ้นอำนาจ”
ดังเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาในอดีตสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ได้มีการแต่งทำนายทายทักสถานการณ์ของกรุงศรีอยุธยาก่อนจะเสียกรุงครั้งที่สอง..โดยบทประพันธ์นี้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอ้างว่าเป็นพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งถ้าหากยึดตามนี้ก็อยู่ระหว่างปี พ.ศ.2199-2231 ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองในปี พ.ศ.2310เป็นเวลามากกว่า 79 ปี
สำหรับความฉิบหายที่จะเกิดแก่บ้านเมืองของเรา ใน พ.ศ.นี้ อันเนื่องมาจาก“ผู้มีศีลสิ้นอำนาจ”นั้นก็เพราะภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำและมี“มาดามแพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เคารพในศีลธรรมจรรยาจะหารายได้จากเงินที่มาจากการพนัน ประเภท“หวย-บ่อน-ซ่อง”ทั้งกาสิโนที่จะดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุน รวมทั้งให้คนไทยเข้าไปเล่นและการพนันออนไลน์ที่จะทำให้ถูกกฎหมาย โดยลมหายใจเข้าออกของรัฐบาลมีแต่คำว่า“เงิน เงินเงิน”เป็นสรณะ
“มาดามแพทองโพย”ผู้เป็นลูกสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด” และอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณชินวัตร บิดาในฐานะผู้ชักใย อ้าปากท่องคาถาเหมือนกันอยู่คำเดียว คือ “GDP”อันเป็นตัววัดความเจริญจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเวลานี้ทั้งบิดาและลูกสาวท่องตามกันคือจีดีพีจะต้องขยายตัวเกิน “3 เปอร์เซ็นต์” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายคนไทย“มีกิน-มีใช้-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี”
เงินแจก 1 หมื่นบาทตามโครงการ“ดิจิทัลวอลเล็ต”ซึ่งเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนจากการ“ตกเขียว”ในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยนั้นจนถึงวันนี้ถูกล้างผลาญไปแล้ว 1.7 แสนล้านบาท ทั้งเฟสหนึ่งและเฟสสองด้วยข้ออ้างบังหน้าว่าเพื่อเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะมีพายุหมุนทางเศรษฐกิจตามมาถึง 4 ลูกปรากฏว่าหลังจากโยนเงินก้อนโตที่“อำพรางเงินกู้”ลงไปแล้ว แม้แต่เสียง“ผายลม”ก็ไม่มีใครได้ยิน
ล่าสุดก็มาอีกแล้ว จะแจกเฟสสามให้แก่ประชาชนคนไทยที่อยู่ในกลุ่มอายุ 16-20 ปีซึ่งจะใช้เงินเพื่อการนี้ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าเงินงบประมาณซึ่งเป็นงบฯกลางของรัฐบาลสำหรับใช้ในโครงการ“ดิจิจทัลวอลเล็ต”เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยังเหลืออยู่อีก 1.5 แสนล้านบาท และหลังจากแจกในเฟสสามก็จะเหลือเงินอีกประมาณ 1.2 แสนล้านบาทเพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจภายในปีงบประมาณ 2568 นี้
ดังนั้น เงินที่เหลือ 1.2 แสนล้านบาท รัฐบาล“ปัญญาอ่อน”ซึ่งอ้างจากที่“ทักษิณ ชินวัตร”เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลชุดก่อนว่า “รัฐบาลที่มีปัญญาจะไม่คิดนำเงินไปแจกแต่จะนำเงินไปสร้างเศรษฐกิจให้เศรษฐกิจแข็งแรง” ก็ยังคิดจะนำไปแจกล้างผลาญให้หมด
ทั้งนี้ นายเผ่าภูมิ เผ่าภูมิ โรจนสกุล กล่าวว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนกลุ่มที่เหลืออยู่ คือ กลุ่มอายุ 21-59 ปีให้ครบถ้วน ซึ่งอยู่ในกระบวนการพิจารณาระยะต่อไป
และนั่นก็หมายความว่า ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2568 ในเดือนกันยายนอีกหกเดือนข้างหน้ารัฐบาล“ลูกอีช่างแจก”ชุดนี้ถลุงเงินหมดแน่ โดยที่ประชาชนคนไทย 70 ล้านคนต้องตามล้างตามเช็ดจากการแบกรับภาระหนี้สาธารณะของแผ่นดิน ด้วยการชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
เฉพาะเฟสสามที่จะแจกกลุ่มอายุระหว่าง 16-20 ปีในเร็วๆ นี้นั้นคงจะกระตุ้น“ต่อมบริโภค”ของผู้ได้รับแจกได้ชะงัดนักเพราะสามารถใช้เงินจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าได้ทุกประเภทโดยไม่จำกัดเงื่อนไข ไม่ว่าจะยาบ้า บุหรี่ไฟฟ้าหรือแม้แต่“เซ็กทอย” และที่น่าเสียดายก็คือ “Sex Worker”ยังไม่ได้ตีตราให้ถูกกฎหมายไม่เช่นนั้นคงได้กระตุ้นเศรษฐกิจกันถึงรากถึงโคนแน่
ขอปิดท้ายดัวย“เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา”อีก 1 บทดังนี้
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา
จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปบุรุษจะแพ้แก่ทรชน
มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก ฯ
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี