มีคำถามจากสาธารณชนว่าสำนักงานประกันสังคมนำเงินประกันสังคมที่เรียกเก็บจากประชาชนกลุ่มแรงงานที่อยู่ในข่ายต้องสมทบเงินเข้ากองทุนฯ และจากนายจ้างที่ต้องสมทบทุนเข้ากองทุนฯ รวมถึงเงินบางส่วนจากรัฐบาลที่ต้องร่วมสมทบเข้ากองทุน โดยรวมเรียกว่าเงินประกันสังคม ย้ำคำถามคือ กองทุนประกันสังคมใช้เงินประกันฯ ไปลงทุนในกิจการใดๆ โดยโปร่งใส ขาวสะอาดหรือไม่ แล้วยังมีคำถามอีกว่ากองทุนประกันสังคมมีลับลมคมใน มีนอกมีใน หรือมีความไม่ขาวสะอาดกับการนำเงิน 7 พันล้านบาทไปลงทุนหรือไม่ โดยเงิน 7 พันล้านบาทนั้นถูกระบุว่านำไปซื้ออาคาร Skyy 9 ซึ่งตั้งอยู่บนถนนดินแดง ช่วงที่จะมุ่งหน้าไปยังสี่แยกพระราม 9 แต่บางกระแสข่าวก็ระบุว่านำเงินไปซื้อบริษัทเอกชนบางแห่งโดยมีอาคารเป็นส่วนควบมาด้วย
ย้ำว่าอาคารดังกล่าวที่ตกเป็นข่าวว่ากองทุนประกันสังคมนำเงิน 7 พันล้านบาท ไปซื้อนั้น เป็นอาคารร้างมาตั้งแต่ยุคต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 แล้วหลังจากนั้นก็มีกลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งเข้าไปซื้ออาคารดังกล่าวต่อจากบริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) ด้วยเงินเพียง 1 พันล้านบาท แล้วก็มีการเปลี่ยนมือผู้ครอบครองอาคารไปเรื่อยๆ โดยล่าสุดได้ไปอยู่ในมือของบริษัท AGRE Service โดยบริษัทนี้ถูกระบุว่าเป็นบริษัทของลูกชายนักการเมืองอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งในยุครัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน
เรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาหลังจากรักชนก ศรีนอก และสหัสวัต คุ้มคง สส. กรุงเทพฯ และชลบุรี (ตามลำดับชื่อ) สังกัดพรรคประชาชน เปิดประเด็นข่าวนี้ เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้ข้อมูลเบื้องต้นว่ากองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ใช้เงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาทไปจัดตั้งกองทุนทรัสต์ เพื่อการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด แล้วใช้เงินประมาณ 7 พันล้านบาท ไปซื้อบริษัทเอกชนที่มีหนี้สินประมาณ 2 พันล้านบาท แต่อ้างว่าซื้อแค่เพียงอาคาร Skyy 9 แต่การลงทุนดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่าน่าจะเข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายหนึ่งที่เป็นลูกของอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งหรือไม่
ต้องย้ำว่าเรื่องนี้เกิดในยุคที่กระทรวงแรงงานมีรัฐมนตรีว่าการชื่อสุชาติ ชมกลิ่น แต่เรื่องนี้จะเกี่ยวโยงพัวพันกับสุชาติมากน้อยเพียงใดนั้น สังคมกำลังเร่งตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้น แต่เมื่อสุชาติพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีของกระทรวงแรงงานไปแล้วเรื่องนี้จึงอยู่ในอำนาจการตรวจสอบโดยรัฐมนตรีว่าการฯคนปัจจุบัน คือ พิพัฒน์ รัชกิจประการ ซึ่งพิพัฒน์ก็บอกว่ายินดีให้ตรวจสอบ แต่ก็เป็นเพียงแค่พูดเท่านั้น เพราะยังไม่เห็นกระบวนการตรวจสอบอย่างจริงจังจะเริ่มขึ้นโดยกระทรวงแรงงาน แต่ที่น่าประหลาดคือกระทรวงมหาดไทยโดย อนุทิน ชาญวีรกูล ได้แสดงบทบาทแข็งขันว่าจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้
แต่มีข้อสังเกตจากสาธารณชนกับคำสั่งตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้โดยอนุทิน เพราะเห็นชื่อกรรมการแล้วก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าจะเข้าทำนองฟอกขาวหรือไม่ เพราะตั้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ เป็นประธานคณะกรรมการ ส่วนกรรมการ ประกอบด้วย สมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ภูวเดช สุระโคตร ยุทธนา สาโยชนกร วีรพล เจริญศิริกร และ เกริกไกร นาสมยนต์ เลขานุการ ส่วน อภิศักดิ์ แก้วสูงเนิน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ถามว่าการตั้งอรรษิษฐ์เป็นประธานกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ มีความน่าสงสัยหรือไม่ ตอบว่ามีแน่นอน เพราะอรรษิษฐ์ คือปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีฐานะเทียบเท่ากับปลัดกระทรวงแรงงาน บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ คำถามคือข้าราชการระดับเดียวกันจะตรวจสอบกันอย่างไร แต่ที่มากกว่านั้นคือคนตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคืออนุทิน ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าอนุทินเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และทุกคนก็รู้ดีอีกว่าพิพัฒน์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานก็มาจากพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน ดังนั้นจึงทำให้เกิดคำถามว่า อรรษิษฐ์จะตรวจสอบได้อย่างไร เพราะทั้งหมดนั้นล้วนเกี่ยวพันกับพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด
ขอให้ย้อนไปดูสิ่งที่ สส.พรรคประชาชนที่เปิดเผยเรื่องนี้เคยตั้งคำถามว่า เรื่องการใช้เงินของกองทุนประกันสังคมไปซื้อสินทรัพย์จนเกิดเป็นปัญหานั้น ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองหรือไม่ และมีการตั้งคำถามด้วยว่าอดีตรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานโยกย้ายเด็กหน้าห้องของตัวเองไปอยู่ในกลุ่มงานบริหารความเสี่ยงและกำกับการลงทุนในกองทุนประกันสังคมใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้น ผู้จ่ายเงินประกันสังคมจึงติดตามเรื่องนี้ด้วยความตั้งใจ เพราะไม่ต้องการให้เงินประกันสังคมถูกล้างผลาญโดยนักการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี