สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว พลเอกมิน อ่อง หล่ายประธานคณะผู้บริหารแห่งรัฐสหภาพเมียนมา (SAC) มอบช้าง 6 เชือกให้ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียตอบแทน ที่ปูตินส่งมอบเครื่องบินรบ 6 ลำให้กองทัพอากาศเมียนมา ตามกำหนดสัญญาเมื่อปีกลาย
สำนักข่าว RT ของรัสเซียเผยแพร่วีดีโอ ขณะที่ประธานาธิบดี ปูติน เปิดดูหนังสือทำนายโชคชะตา ที่พลเอกมิน อ่อง หล่าย มอบให้ โดยพลเอก มิน อ่อง หล่ายอธิบายว่า หนังสือทำนายโชคเล่มนี้ค้นพบ เมื่อพ.ศ. 2490 ที่โหรโบราณทำนายไว้ในหนังสือใบลาน และนำมาทำเป็นเล่มใหม่ในยุคไอที
พลเอกมิน อ่อง หล่าย อธิบายว่า โหรเมียนมาครั้งโบราณกาลทำนายว่า ในศตวรรษสองพัน รัสเซียมีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ครอบครองสรรพาวุธมากมาย กษัตริย์รัสเซียผู้เกรียงไกร ก็มีพระสหายเป็นกษัตริย์เมียนมาที่กษัตริย์รัสเซียแบ่งปันสรรพาวุธสำคัญให้ ปัจจุบันประเทศเราทั้งสอง ไม่มีกษัตริย์ แต่มีประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งสืบทอดความเป็นมิตรใกล้ชิดกับเมียนมา
เห็นได้ว่า พิธีการทูตอันหลักแหลมของ พลเอกมินอ่อง หล่าย ที่ยกคำทำนายโบราณกาล เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ให้รัสเซีย ช่วยเหลือด้านอาวุธแก่เมียนมาในปัจจุบันนอกจากนั้น เขายังมอบช้างให้เป็นเครื่องบรรณาการ แสดงถึงความสวามิภักดิ์แบบโบราณที่เมียนมาถือว่า อาณาจักรใดมอบช้างเผือกให้ราชอาณาจักรนั้นสวามิภักดิ์ต่อเมียนมา
จึงไม่แปลกใจที่ประธานาธิบดีปูติน เชิญ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ไปเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ จัดพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ และเชิญให้ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ร่วมพิธีฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 77 ปี ในวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา
พลเอกมิน อ่อง หล่าย ซึ่งตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับปูติน ที่เขาถูกประชาคมนานาชาติคว่ำบาตรตั้งแต่ยึดอำนาจในปี 2564 ส่วนรัสเซีย ก็ถูกนานาชาติแซงก์ชั่น หลังจากปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565
สำนักข่าวทาสส์ รายงานว่า นี่เป็นการพบกันครั้งที่ 4 ระหว่าง ปูติน กับพลเอกมิน อ่อง หล่าย ตั้งแต่รัสเซียปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน เมื่อเดือนกันยายนปีกลาย ผู้นำทั้งสอง ได้พบกันอย่างไม่เป็นทางการในที่ประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ในเมืองทางภาคตะวันออกของรัสเซีย
แต่ครั้งนี้ พลเอกมิน อ่อง หล่าย รับเชิญจากปูติน มาเยือนมอสโก เป็นทางการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์รอบด้าน และได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือหลายประการ
ทาสส์ สื่อทางการของรัสเซีย รายงานว่า ตัวแทนของรัสเซีย และเมียนมา ลงนามในเอกสาร 10 ฉบับ เป็นส่วนหนึ่งของการเยือนมอสโกอย่างเป็นทางการของพลเอกมิน อ่อง หล่าย ผู้นำเมียนมา ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของเมียนมาและกองทุนรัสเซีย RK-Investments ได้สรุปบันทึกความเข้าใจอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสกัดทรัพยากรธรรมชาติในเมียนมา
รอยเตอร์สรายงานว่า รัสเซีย และเมียนมาลงนามข้อตกลงเมื่อวันที่ 4 มีนาคม เกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ ขนาดเล็กในเมียนมา หลังการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน และพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย
สื่อทางการรัสเซีย รายงานด้วยว่า รัฐบาลทหารเมียนมาและกรมสนธิสัญญาได้ลงนามในเอกสารต่างๆ ระหว่างการประชุมร่วมกัน รวมทั้งข้อตกลงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกในเขตตะนาวศรีที่ล่าช้ามานานหลายปี ซึ่งสื่อทางการเมียนมารายงานว่า ข้อตกพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย มีขึ้นหนึ่งปีหลังจากพลเอกมิน อ่อง หล่าย กล่าวเมื่อเดือนมีนาคมปี 2567 ว่า เมียนมาแสวงหาความร่วมมือจากมอสโก ให้ช่วยขับเคลื่อนโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายที่สามารถรับเรือน้ำหนักกว่า 200,000 ตัน
บริษัท อิตัลไทย เคยเริ่มโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และท่าเรือน้ำลึกตั้งแต่ปี 2556 แต่โครงการใหญ่ชะงักไปโดยไม่ทราบสาเหตุ 12 ปี หลังจากนั้นพลเอกมิน อ่อง หล่าย ขอให้รัสเซียช่วยขับเคลื่อนโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย แสดงถึงความสัมพันธ์รัสเซีย-เมียนมาที่แนบแน่นกว่า ความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา
โครงการโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ก็เช่นกัน ไม่ถึง1 เดือน หลังจากรัฐบาลไทยงดส่งกระแสไฟฟ้า ไปยังเมืองชายแดนเมียนมา ที่มีข้อครหาว่า นำไฟฟ้าไปใช้ในศูนย์อาชญากรรมข้ามชาติ ด้วยความร่วมมือไตรภาคี จีน เมียนมาไทย ปฏิบัติการ กวาดล้างแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติโดยเริ่มจากการตัดไฟจากประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้เพื่อหลอกลวงออนไลน์
ไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากรัฐบาลไทยตัดไฟ รัฐบาลทหารเมียนมา ได้ลงนามในข้อตกลงสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กับรัสเซีย โดยรัฐบาลทหารเมียนมากล่าวว่า ต้องสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อแก้ปัญหาไฟฟ้าดับทั่วประเทศที่มีขึ้นแทบทุกวัน
โทรทัศน์ Rossiya 24 ของรัสเซีย ได้ถ่ายทอดพิธีแลกเปลี่ยนเอกสารหลังการเจรจาระหว่างผู้นำทั้งสองชาติว่า โรซาตอม (Rosatom) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย เปิดเผยข้อตกลงระหว่างรัฐบาลได้กำหนดเงื่อนไขและช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสารระหว่างสองฝ่าย ภายใต้การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กที่มีกำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ และมีความเป็นไปได้ว่าอาจเพิ่มเป็น 330 เมกะวัตต์
มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า โรซาตอม จะเริ่มโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ให้เมียนมาภายในปี 2025 ซึ่งคาดว่าจะมีโรงงานไฟฟ้าขนาดเล็กในเมียนมา 8 แห่งแต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง
การเยือนมอสโกอย่างเป็นทางการของ พลเอกมินอ่อง หล่าย จึงเป็นสัญญาณว่า เมียนมาเอนเอียงไปทางมอสโกและปักกิ่งมากขึ้นทุกขณะ จึงเป็นเรื่องที่อาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ที่พยายามกดดันโดดเดี่ยวเมียนมาตามก้นอเมริกา อย่างไม่ลืมหูลืมตาต้องนำมาประกอบการพิจารณาว่าต้องปรับท่าทีใหม่หรือไม่
ตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมาอาเซียนกีดกันเมียนมาไม่ให้ร่วมกิจกรรมใดๆ ในนามอาเซียน และพยายามขัดขวางรัฐบาลทหารเมียนมา ไม่ให้จัดการเลือกตั้งกลับสู่การปกครองประชาธิปไตย เหมือนประเทศอาเซียนทั่วไป ในขณะที่จีน รัสเซีย อินเดียผลักดันให้เมียนมาจัดเลือกตั้งในปี 2025
จีนซึ่งมีชายแดนติดกับเมียนมา จีนพยายามผลักดันให้ยุติสงครามในเมียนมา และจัดให้มีการเลือกตั้งตามแบบฉบับเมียนมาในปี 2025 โดยที่จีนแผ่นดินใหญ่ให้การสนับสนุนตั้งแต่งบประมาณ จีนให้เครื่องมือทันสมัยในการสำรวจสำมโนประชากร ตลอดถึงช่วยดูแลความปลอดภัยในการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ปี 2025 ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียน แสดงท่าทีชัดเจนว่า เมียนมาไม่ควรมีการเลือกตั้งจนกว่าเมียนมาจะมีสันติภาพ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โมฮัมหมัด ฮาซาน ทูตพิเศษอาเซียนกิจการเมียนมา ได้พบกับ ตาน ฉ่วย รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา ในกรุงเนปิดอว์ แต่ไม่มีความคืบหน้าในความพยายามสร้างสันติภาพเมียนมาตามฉันทามติห้าข้อของอาเซียน
เมื่อผิดหวังจากเมียนมา มีรายงานว่า นายฮาซานได้พบปะหารือกับผู้แทนรัฐบาลเงาเมียนมาหรือ NUG และกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาในประเทศไทย ซึ่งแหล่งข่าวกล่าวว่า ทูตพิเศษอาเซียนกับกลุ่มต่อต้านพลเอกมิน อ่อง หล่าย เห็นฟ้องต้องกันว่า เมียนมาไม่ควรจัดการเลือกตั้งจนกว่าจะมีสันติภาพอย่างถาวร โดยผ่านการเจรจาร่วมของทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสียในความขัดแย้งในสหภาพเมียนมา
การพบปะหารือระหว่างผู้แทนรัฐบาลเงาเมียนมาและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐทหารเมียนมากับทูตพิเศษอาเซียน จึงเป็นการถ่างระยะห่างของอาเซียนกับเมียนมาให้กว้างออกไป นี่ไม่นับรวมประเทศไทยที่มีผู้นำ Gen Y ไร้วุฒิภาวะ ไม่มีสติปัญญา จะแสดงท่าทีว่าไทยมีนโยบายอย่างไรต่อเพื่อนบ้านที่นับวันจะห่างเหินกันแม้แต่ลูกเรือประมงไทย 4 คนถูกกล่าวว่าล่วงล้ำน่านน้ำเมียนมา ศาลในเมืองเกาะสองหรือวิคตอเรียพอยท์ตัดสินจำคุก 3 ปี รัฐบาลไทยก็ไม่สามารถช่วยลูกเรือไทยให้เป็นอิสระได้
นอกเหนือจากนั้นแหล่งข่าวในกลุ่มชาติพันธุ์กล่าวว่าเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ปรึกษา นายอันวาร์ อิบราฮิมได้โทรศัพท์ไปหาผู้บัญชาการกองกำลัง SSA หรือ ฉานใต้โดยอ้างว่าตนได้รับฉันทานุมัติจากประธานอาเซียนให้เป็นคนกลางในการเจรจากับทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียในความขัดแย้งเมียนมา แต่ ผบ. SSA ตอบกลับว่าตนวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานปีใหม่รัฐฉาน ไม่สามารถปลีกเวลามาพบกับ ที่ปรึกษาประธานอาเซียน หรือคนของที่ปรึกษาประธานอาเซียนได้
ผบ.กองกำลัง SSA คงตระหนักว่า ที่ปรึกษาประธานหมุนเวียนอาเซียน ไม่ได้มีฤทธิ์เดช มีอิทธิพล บารมีเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน ผบ. SSA คงเชื่อว่า วันนี้เขาผู้นั้น มีอิทธิพลบารมีจำกัดแค่สมุนบริวารเท่านั้น ส่วนอิทธิพลบารมีในฐานะที่ปรึกษาประธานหมุนเวียนอาเซียน อย่าว่า แต่ได้พบ พลเอกมิน อ่อง หล่าย เลย แค่อยากเดินทางไปกัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย ยังไปไม่ได้ เนื่องจากศาลไม่อนุญาตให้จำเลยในคดีอาญามาตรา 112 เดินทางออกนอกประเทศบ่อยเกินไปจึงสรุปว่าพิธีการทูตช้างของพลเอกมิน อ่อง หล่าย ทำให้เมียนมาห่างเหินจากอาเซียน และประเทศไทย เพื่อไปเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับรัสเซีย จีน และอินเดีย มากขึ้นทุกขณะ ซึ่งประเทศไทยและอาเซียนพึงสังวรไว้ว่า ได้เสียเพื่อนบ้านที่ดีมีทรัพยากรมากมายมหาศาลไปแล้ว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี