สงครามน้ำลาย ที่คาดหมายกันว่า จะมีขึ้นก่อนปิดประชุมสภาวันที่ 10 เมษายน เริ่มมีความไม่แน่นอนว่าจะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร
ชินวัตร หรือไม่ ถึงแม้ฝ่ายค้าน ได้อภิปราย นายกฯ Gen Y ก็ใช่ว่าสงครามน้ำลาย จะสร้างความระคายเคืองแก่นายกรัฐมนตรี ผู้ไม่ประสีประสาแต่ประการใด
เนื่องจากว่าคุณหนู Gen Y มีองครักษ์พิทักษ์รอบกาย ตั้งแต่บัลลังก์ ประธานสภาฯ ลงมาถึงสส.พรรคเพื่อไทย และสส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่เตรียมการปกป้องนายกรัฐมนตรีที่เป็น กล่องดวงใจนายใหญ่ ประกอบกับท่าทีของพรรคประชาชนผู้นำฝ่ายค้าน ที่ดูเหมือนไม่อยากอภิปราย แต่แกล้งถ่วงเวลาสร้างราคา เพื่อรักษาน้ำใจผู้สนับสนุนคนรุ่นใหม่
หากฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็คงใช้วาทกรรมให้โวหาร พาลให้ถูกประท้วงถ่วงเวลา คอการเมืองอย่าได้หวังว่า จะเห็นการอภิปรายแบบฆ่าผลาญ สังหารนักโทษเทวดา หรือ ฉีกหน้า นายกฯGen Y เสียหายจนต้องไปเกาหลีอีกครา โปรดอย่าได้หวังไปไกลขนาดนั้น เพราะมันเป็นเพียงละครการเมือง ส้ม-แดง ที่ทำให้ น้ำเงิน-เหลือง เปลืองตัว
ไปด้วย
สำหรับแฟนภาพยนตร์ที่ชอบหนังบู๊ล้างผลาญ ให้เดินผ่านโรงละครสภา ไปหาชมหนังเรื่อง“ทุ่งสังหาร” ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ดีกว่า ถึงแม้จะเป็นหนังยาวแต่ก็มันสะใจเชื่อว่า ตอนอวสานสมุนบริวารนายใหญ่ตายระนาว เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์ต่อจากเรื่อง #สมุนตายเพราะนายตีไพ่โง่
พล็อตเรื่องมันมีอยู่ว่า หัวหน้าค่ายสีแดง ทำสงครามสนามเลือกตั้ง กับ ค่ายสีน้ำเงิน ที่ทั้งสองฝ่ายมีมือขวา มีอาจารย์ใหญ่อยู่ข้างกาย แต่สู่สมรภูมิรบทีไรสีแดงเพลี่ยงพล้ำให้ค่ายสีน้ำเงินทุกครา ถ้าเป็นหมากรุกก็ถูกค่ายน้ำเงินสับรุกเข้าตาจนทุกครา จนสีแดงต้องหาทางคว่ำกระดาน โดยการแบล็กเมล์ข่มขู่ เพื่อแย่ง เรือ คน และม้า มาไว้ฝ่ายแดงบ้าง แต่การนอกเกมตอนนั้น ทำให้ฝ่ายแดงจนกระดานเสียเอง
การเล่นนอกเกมที่ว่า อุปมาเหมือนการข่มขู่วุฒิสภา โดยหวังว่า สมาชิกวุฒิสภาบางส่วนอาจกลัวแล้วย้ายขั้วมารับใช้ค่ายสีแดงบ้าง หัวหน้าค่ายสีแดงเลยสั่งสมุนบริวารให้จัดการทางกฎหมายกับ สว.ที่คิดว่า เป็นฝ่ายค่ายน้ำเงิน
สว.ซึ่งมีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีความรู้ ความสามารถ มีวุฒิภาวะมีสติปัญญา รัฐธรรมนูญปี 2560 จึงกำหนดให้วุฒิสภา มีหน้าที่ตามกฎหมายในการเลือกสรรหากรรมการองค์กรอิสระในสภา ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานศาลฎีกาตลอดถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และอื่นๆ จะเห็นได้ว่า สว.มีหน้าที่ตามกฎหมายสำคัญและยิ่งใหญ่ ที่ไม่สามารถปล่อยให้ใครมาข่มขู่ได้
แต่หัวหน้าค่ายสีแดง ผู้เหิมเกริมในอำนาจบารมี ที่สามารถเป็น #สทร. ได้ แต่ลืมนึกไปว่า ตนมีข้อครหาเรื่องจริยธรรม ธรรมาภิบาล ตลอดถึงเป็นจำเลยคดีร้ายแรงจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ สั่งการให้สมุนบริวารเล่นงานวุฒิสภา
กลางเดือนกุมภาพันธ์ มีการปล่อยข่าวสร้างกระแสเป็นระยะๆว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีพยานหลักฐานมากพอ จะดำเนินคดีอาญากับสมาชิกวุฒิสภา ในข้อหา ฮั้วเลือกตั้ง ซึ่งสามารถขยายความเป็นอั้งยี่ ซ่องโจรและฟอกเงินได้
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) เปิดเผยว่าการประชุมกรรมการคดีพิเศษในวันนี้ มีการพิจารณาเพื่อมีมติให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ โดยที่ประชุมมีความเห็นเกี่ยวกับกรณีร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567
ในประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับอำนาจในการดำเนินการตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือเป็นอำนาจของเลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง
จึงมีมติให้คณะพนักงานสืบสวนฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษไปดำเนินการในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม และดำเนินการเสนอเรื่องผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศ และอาชญากรรมพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษอีกครั้ง ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 วันที่ 6 มีนาคม 2568 โดยจะมีการเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง เข้าให้ข้อมูลในประเด็นดังกล่าว เพื่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษ พิจารณามีมติต่อไป
กกต.สวนกลับทันควันว่า คดีเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.และ กกต.ไม่มีความจำเป็นต้องไปร่วมประกันกรรมการคดีพิเศษ แล้วก็ไปให้ความหมายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สามนายไม่เข้าร่วมประชุม เป็นผลให้การประชุม กคพ.วันที่ 6 มีนาคม มีกรรมการเข้าร่วมประชุมเพียง 18 คน จากกรรมการทั้งหมด 22 คนซึ่ง กคพ.ต้องได้เสียงเห็นชอบ 15 คน หรือสองในสาม ของกรรมการทั้งหมดจึงสามารถรับการฮั้วเลือกตั้งเป็นคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรมกับรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ที่เคยประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า ต้องดำเนินคดีข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร กับ สว. 138 คนให้ได้ แต่เมื่อมติในที่ประชุมกรรมการคดีพิเศษ มีผู้เห็นชอบเพียง 11 คนไม่เข้าข่ายมาตรา 49 แต่ยังดึงดันว่า ดีเอสไอ สามารถดำเนินคดีกับ สว. 138 คน ในข้อหาฟอกเงินได้
เมื่อฝ่ายบริหารโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรียุติธรรม สั่งการให้ ดีเอสไอ ดำเนินคดีอาญา สว.ก็ต้องสู้หัวชนฝาด้วยการฟ้องกลับ มาตรา 157 แก่ฝ่ายบริหาร
14 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับคำร้องของ สว. 81 คน ที่ให้ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยกฎหมาย กรณีรับคดีฮั้วสว. ฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษนั้นพบว่า
คำร้องกล่าวโทษของคณะ สว.ที่ประธานวุฒิสภา ส่งให้ประธาน ป.ป.ช.เลขที่ สว. 0001/1257 ลงนามโดยนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นการร้องเรียนกล่าวโทษกรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายของคณะกรรมการคดีพิเศษ กับพวกรวม 11 คน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
โดยประกอบด้วย เป็นคำร้องของคณะ สว.ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ขอให้ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องมายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบพ.ต.อ.ทวี กับ พ.ต.ต.ยุทธนา เกี่ยวกับการกระทำ
ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมไปถึงหนังสือของคณะ สว. ลงวันที่ 11 มี.ค. 2568 ที่ขอให้ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องกล่าวโทษมายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ กับพวกรวม 11 คน ได้กระทำละเมิดและแทรกแซงการใช้อำนาจของวุฒิสภาอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักนิติธรรม ความเชื่อมั่นของประชาชนและปกป้องความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ สำหรับบอร์ด กคพ. 11 คน เป็นบุคคลที่ลงมติให้รับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ ฐานฟอกเงิน เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ซึ่งประกอบด้วย
1.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธาน กคพ.
2.พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะรองประธาน กคพ.และรัฐมนตรียุติธรรม และกรรมการคดีพิเศษอีก 9 คน ที่ลงมติให้รับเรื่องฮั้วสว.เป็นคดีฟอกเงินตกเป็นผู้ถูกร้องของ 81 สว.
เมื่อ ป.ป.ช รับเรื่องไว้สอบสวน จึงเท่ากับว่ารองนายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรรมการคดีพิเศษ 9 คน กำลังอยู่ในทุ่งสังหารของมาตรฐานทางจริยธรรม และมาตรา 157 ซึ่งเป็นอาวุธร้ายใช้ในการสังหารทางการเมือง การสอบสวนของ ป.ป.ช. อาจต้องเสียเวลาบ้าง แต่รับรองว่า สนุกกว่าสงครามน้ำลายอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี