ช่วงนี้ ชาติตะวันตก นำโดยสหรัฐและลูกสมุน พยายามกดดันโจมตีประเทศไทย
1. สัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภายุโรป มีมติประณามไทย
กรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน และยังพ่วงเอาเรื่องคดี มาตรา 112 รวมถึงออกตัวกดดันช่วยเหลือ สส.พรรคส้ม ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ด้วย
แถลงการณ์ของรัฐสภายุโรป ระบุว่า ชาวอุยกูร์ มีความเสี่ยงที่จะถูก “กักขังโดยพลการ ทรมาน และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง”
และอ้างว่า ประเทศอื่นๆ ได้เสนอที่จะให้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้กลับไปอยู่ด้วย (แต่ไม่ยืนยันว่าประเทศไหน และไม่มีประเทศใดออกมายืนยันว่าตนเองพร้อมรับ)
แถลงการณ์ของรัฐสภายุโรปยังเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการใช้ประโยชน์จากการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีเพื่อกดดันให้ไทยปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประเทศ ปล่อยตัวนักโทษการเมือง หยุดการเนรเทศผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ และให้สัตยาบันอนุสัญญาหลักทั้งหมดขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และเรียกร้องให้นิรโทษกรรมแก่สมาชิกรัฐสภาและนักเคลื่อนไหวทุกคนที่ต้องคดี 112
2. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า
“1. ฝ่ายไทยรับทราบข้อมติของรัฐสภายุโรปต่อประเด็นสถานการณ์ทางการเมือง และสิทธิมนุษยชนทั่วโลก รวมทั้งของไทยเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568
2. กรณีอุยกูร์ ไทยได้รับคำยืนยันจากรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการให้ความปลอดภัย และไทยจะติดตามความเป็นอยู่ของกลุ่มบุคคลดังกล่าวต่อไป
3. ในเรื่องกระบวนการทางกฎหมายที่ดำเนินอยู่ (กรณี สส. 44 คน) เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมตามกรอบกฎหมายของไทย
4. การอภิปรายและลงมติของรัฐสภายุโรปเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภายุโรปในการติดตามและแสดงท่าทีต่อประเด็นสถานการณ์ทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนทั่วโลก
5. ปัจจุบัน ไทย-EU ให้ความสำคัญกับความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน และพลวัตความสัมพันธ์ที่ดี ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (Thailand-EU Comprehensive Partnership and Cooperation Agreement: PCA)”
3. น่าเวทนา... กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลไทย ในยุครัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์
ไม่มีใครออกมาชี้แจงตอบโต้ เผยแพร่ข้อมูลจริงเกี่ยวกับคดีมาตรา 112
โดยเฉพาะคดีที่ไอ้พวกที่เป็น สส.พรรคส้มนั้น ว่าพฤติกรรมแต่ละคนเป็นอย่างไร จึงถูกดำเนินคดีมาตรา 112
หรือเป็นเพราะนายทักษิณ ชินวัตร ก็โดนคดีมาตรา 112 จึงหวังจะอาศัยแรงกดดันจากชาติตะวันตกและลิ่วล้อ ในการกดดันเพื่อประโยชน์บางอย่างด้วยหรือไม่?
ที่ผ่านมา จำเลยคดี 112 ได้ประกันตัวไป แล้วหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศกี่คนแล้ว
ไผ่ รุ้ง ไมค์ เพนกวิน ฯลฯ หนีคดีไปหมดแล้ว ทั้งๆ ที่ เคยประกาศจะไม่หนี
จำเลยบางคนที่ไม่ได้ประกันตัว ก็เพราะถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว (คดียังไม่ถึงที่สุด) ถ้าปล่อยตัวก็เสี่ยงจะหลบหนี
พรรคส้มก็เอามาตรา 112 เซาะกร่อนบ่อนทำลาย เอาข่าวปลอมมาโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์
ประเทศสหรัฐ และอียู ก็มีกฎหมายคุ้มครองประมุขของตนเอง และใช้กฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำผิด แต่แกล้งโง่ หาเรื่องประเทศไทยในประเด็นเหล่านี้
จุดยืนของรัฐบาลเกี่ยวกับมาตรา 112 คืออะไร?
ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่ยืนหยัดปกป้องการบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทย รวมถึงกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ก็หมดสิทธิความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาล
4. Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยตอบคำถามสื่อ กรณีส่งตัว 40 ชาวจีนกลับประเทศ
“...1.ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศบางแห่งแถลงว่า การที่ประเทศไทยส่งตัวชาวจีนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจำนวน 40 คนกลับประเทศจีน ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและอนุสัญญาระหว่างประเทศ
คำตอบ : ทางการไทยและจีนมีหลักฐานยืนยันได้ว่า คนจีนทั้ง 40 คน ที่ถูกส่งตัวกลับครั้งนี้ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และรัฐบาลไทยได้ปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาลจีน โดยเป็นความร่วมมือที่ยึดมั่นในแนวทางการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วยการปราบปรามผู้ลักลอบอพยพและเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ตามหลักมาตรฐานสากล ต่างเป็นที่ยอมรับกันว่า การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย คือ อาชญากรรมอย่างหนึ่ง ดังนั้น การส่งตัวผู้ลักลอบอพยพและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายกลับประเทศ จึงถือเป็นการบังคับใช้กฎหมายปกติของประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย ดังจะเห็นได้ว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา ประเทศใหญ่บางประเทศได้ดำเนินการส่งกลับผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายไปยังประเทศต้นทางมากกว่า 270,000 คน
ดังนั้น การที่ประเทศซึ่งปฏิบัติโดยใช้หลักสากลเดียวกัน กลับกดดันให้องค์กรระหว่างประเทศ กล่าวโทษความร่วมมือในการปราบปรามผู้ลักลอบอพยพและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของรัฐบาลจีนและไทย จึงนับเป็นการใช้สองมาตรฐาน (double standard) และละเมิดหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและละเมิดอนุสัญญาต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยอย่างร้ายแรง ทั้งยังอาจนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติได้อีกด้วย
2.กรณีคำกล่าวอ้างของบางประเทศและกลุ่มบุคคลบางคน ที่ระบุว่า ผู้ที่ถูกส่งตัวกลับอาจถูกทรมานและถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อเดินทางถึงประเทศจีน
ตอบ : สาธารณรัฐประชาชนจีน ยึดมั่นในหลักการปกครองด้วยกฎหมาย และมุ่งให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย และปราบปรามอาชญากรรม ในฐานะที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศแรกๆ ที่ลงนามและให้สัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี หรือ Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment (เมื่อ พ.ศ. 2529 และ พ.ศ. 2531 ตามลำดับ) จีนจึงปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาดังกล่าวด้วยความมุ่งมั่น มีกลไกการทำงานและการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ เข้มงวดและครอบคลุม ที่ผ่านมาแม้แต่ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายและก่ออาชญากรรม ก็ยังคงได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายทางการจีน ทราบดีว่าหลายฝ่ายมีความกังวลและห่วงใยถึงสวัสดิภาพของคนจีนทั้ง 40 คน เมื่อเดินทางถึงมาตุภูมิ เราจึงขอยืนยันด้วยภาพปัจจุบันว่า บุคคลเหล่านี้ได้รับการดูแลให้กลับบ้านและรวมตัวกับครอบครัวเป็นที่เรียบร้อย จากนี้รัฐบาลท้องถิ่นจะทำงานร่วมกับครอบครัวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อสร้างโอกาสในการทำงาน และพัฒนาทักษะวิชาชีพตามความประสงค์ เพื่อช่วยให้พวกเขาเหล่านี้มีชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด หลังถูกคุมขังในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี
3. ไขข้อสงสัยกรณีสถานการณ์ในซินเจียงตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
คำตอบ : นับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในเขตปกครองตนเองซินเจียง พื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของจีนอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากกลุ่มก่อการร้ายบางกลุ่ม เช่น ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก (ETIM) ซึ่งได้รับการขึ้นบัญชีรายชื่อกลุ่มการก่อการร้ายจากองค์การสหประชาชาตินั้น ได้ขยายอิทธิพลเข้ามาในซินเจียงกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ มักฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์และก่อการร้ายในดินแดนซินเจียงอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนี้ องค์กรต่อต้านจีนและกลุ่มกำลังก่อการร้ายในต่างประเทศบางแห่ง ยังปฏิบัติการหลอกลวงและชักชวนชาวท้องถิ่นให้ลักลอบหนีออกนอกประเทศ โดยใช้คาบสมุทรอินโดจีนเป็นช่องทางหลักในการส่งกำลังคนให้กับกลุ่มก่อการร้ายต่อต้านจีน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลกลางจีนและรัฐบาลเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ นำชาวชนเผ่าต่างๆ ของท้องถิ่น ต่อสู้กับกองกำลังกลุ่มก่อการร้าย จนประสบผลสำเร็จในที่สุด ซินเจียงไม่เคยเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นอีกเลย นับตั้งแต่ปลายปีค.ศ.2016 เป็นต้นมา ขณะที่รัฐบาลจีนและรัฐบาลท้องถิ่นร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการศึกษา อย่างจริงจัง ส่งผลให้ประชาชนในท้องถิ่นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังจะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน รายได้ต่อหัวต่อปีของประชาชนในซินเจียงเพิ่มขึ้นถึง 6.7% เมื่อเทียบกับ พ.ศ.2567 ชนเผ่าต่างๆ ได้อยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง และประชาชนใช้ชีวิตและทำงานด้วยความสงบสุข
ประเทศบางประเทศและกลุ่มกำลังต่อต้านจีนระหว่างประเทศแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นความจริงที่ดีงามในซินเจียง สร้างและเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับซินเจียง บิดเบือนและใส่ร้ายโดยเจตนา รวมทั้งกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างรุนแรงต่อบริษัทและผลิตภัณฑ์ของซินเจียง ซึ่งมุ่งประสงค์ที่จะทำลายเสถียรภาพของซินเจียงและยับยั้งการพัฒนาของจีนโดยใช้ข้ออ้างสิทธิมนุษยชนและศาสนาที่ไม่เป็นจริงทั้งสิ้น ทั้งนี้ เป็นการละเมิดต่อประชาชนชาวจีนและเป็นการหลอกลวงโลก และจะถูกปฏิเสธและต่อต้านจากชาวโลกในที่สุด
4. ในอนาคตรัฐบาลจีนจะยังคงอนุญาตให้ฝ่ายไทย เดินทางไปเยี่ยมบุคคลที่ถูกส่งตัวกลับเพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่หรือไม่
คำตอบ : จะเห็นได้ว่า ในการส่งตัว 40 ชาวจีนกลับไปยังซินเจียงครั้งนี้ มีผู้แทนระดับสูงจากทางการไทยได้รับเชิญให้เดินทางไปซินเจียงของจีนเพื่อเป็นสักขีพยาน รวมทั้งได้ไปสังเกตการณ์ เยี่ยมเยียนถึงบ้านของผู้ที่ถูกส่งตัวกลับ ตามที่ปรากฏในภาพถ่ายและวิดีโอ ดังนั้น ในอนาคตฝ่ายจีนจึงยินดีอย่างยิ่งที่จะขอเชิญเจ้าหน้าที่ไทย ให้ไปติดตามและตรวจสอบความเป็นอยู่ของกลุ่มคนดังกล่าว เพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นจริงของพวกเขาในวันต่อไป
เมื่อปีที่แล้ว ซีรี่ส์จีนเรื่อง สู่แดนฝัน อาเล่อไท่ ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เพื่อนชาวไทยจำนวนมากได้แสดงความสนใจและอยากเดินทางไปเยือนซินเจียง ประตูของซินเจียงเปิดกว้างต่อชาวโลกตลอดเวลา โดยปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆ มากกว่า 300 ล้านคนเดินทางมาเยือน เรายินดีต้อนรับบุคคลจากทุกประเทศที่ไม่มีอคติมาเยี่ยมชม เพื่อสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติ ความสงบสุขของสังคม ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ความสามัคคีปรองดองระหว่างชนเผ่าต่างๆ และเสรีภาพทางศาสนาในซินเจียง รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนและความเป็นอยู่ที่มีความสุขของประชาชนซินเจียง”
สรุป บ้านอื่นเมืองอื่น ล้วนแต่รักชาติบ้านเมืองของตัวเอง ออกมาปกป้องรักษาเกียรติภูมิของประเทศชาติตนเอง
แต่รัฐบาลไทยกลับปิดปาก ไม่ยอมชี้แจงอย่างตั้งใจ
อุบัติภัยที่เกิดขึ้นในโลกนี้มีมากมาย และจะเพิ่มมากขึ้นอย่างยั้วเยี้ยตั้งแต่ ยุคมนุษย์ขยันขย้ำขยี้จน “ธรรมชาติเดี้ยงพิการ” เทพอสูรจึงออกมา “โต้ตอบโฮโมซาเปี้ยน”ด้วยการ “แลกหมัดเอาคืน” อย่างสุดดุ
นอกจากนั้น “อุบัติภัย” บางสิ่งไม่ได้เกิดจากธรรมชาติอาละวาด แต่เกิดจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง จนถนน สะพาน ยานยนต์ เครื่องบินและเรือสำราญ เป็นต้น
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี