เมื่อวานนี้ ได้กล่าวถึงกรณีชาติตะวันตก นำโดยสหรัฐและลูกสมุน พยายามกดดันโจมตีประเทศไทย
อ้างปมไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน แถมพ่วงเอาเรื่องคดี มาตรา 112 พยายามกดดันช่วยเหลือ สส. พรรคส้ม ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ด้วย
วันนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติม
1. กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลไทย ในยุครัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ มีการชี้แจงตอบโต้น้อยเหลือเกิน
โดยเฉพาะปมคดีมาตรา 112 ทั้งๆ ที่ ชาติตะวันตกนำข้อมูลบิดเบือนที่พวกสามนิ้ว เอ็นจีโอ พรรคส้ม ไปยกระดับในเวทีนานาชาติทนโท่
2. สหรัฐอเมริกาไม่มีสิทธิที่จะแทรกแซงความร่วมมือไทย-จีน
Mao Ning โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้แถลงตอบโต้สหรัฐอย่างชัดเจน
ระบุว่า การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนนั้น เป็นความร่วมมือระหว่างจีนและไทย ในการต่อสู้กับการลักลอบเข้าเมืองและความเคลื่อนไหวข้ามชายแดนอื่นๆ ที่ผิดกฎหมาย ที่สอดคล้องกับกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ เช่นเดียวกับกฎหมายและหลักปฏิบัติสากล และสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิแทรกแซงใดๆ
เหมา หนิง ระบุว่า พลเมืองจีน 40 คน ถูกควบคุมตัวในไทยมาเป็นเวลากว่า 10 ปีหลังถูกจับฐานลักลอบออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย รัฐบาลจีนมีภาระและหน้าที่รับผิดชอบปกป้องพลเรือนของตนเอง ช่วยพวกเขากลับสู่ครอบครัว และกลับสู่ชีวิตปกติ
นอกจากนี้ เธอยังเน้นด้วยว่าสหรัฐฯ พยายามทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่าง
“ในปีงบประมาณ 2024 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เนรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมายจาก 192 ประเทศ กว่า 270,000 ราย ถือเป็นการเนรเทศในจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 นอกจากการบังคับเนรเทศหมู่แบบไม่เลือกหน้าแล้ว ในขณะเดียวกันอเมริกายังกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม โจมตี ป้ายสี คว่ำบาตรและกดดัน
ประเทศอื่นๆ ที่ร่วมมือกันบังคับใช้กฎหมายโดยชอบด้วยการกระทำเช่นนี้ถือเป็นตัวอย่างของพฤติกรรมอันธพาล”
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุต่อว่า ทางการจีนขอประณามการใส่ร้ายที่มุ่งร้ายใดๆ และการคว่ำบาตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เล็งเป้าเล่นงานจีนและไทย และคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการที่สหรัฐฯ ใช้สิทธิมนุษยชน เป็นข้ออ้างบิดเบือนประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซินเจียง แทรกแซงกิจการภายในของจีน
และก่อความปั่นป่วนต่อความร่วมมือบังคับใช้กฎหมายตามปกติระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
“จีนจะเดินหน้ายกระดับการสื่อสารและความร่วมมือกับบรรดาประเทศที่เกี่ยวข้อง บนพื้นฐานของการให้ความเคารพกันและกัน และปรึกษาหารืออย่างเท่าเทียมกัน ปกป้องสิทธิต่างๆ ที่ชอบธรรม และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจีน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ
...จีนและ ประเทศไทย ในฐานะสองประเทศที่อธิปไตยร่วมกันเพื่อปราบปรามการลักลอบขนมนุษย์และอาชญากรรมข้ามพรมแดนอื่นๆ สอดคล้องกับกฎหมายในประเทศของทั้งสองประเทศ รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศและการปฏิบัติร่วมกัน” - Mao Ning โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าว
3. ในภาพรวม ชัดเจนว่า สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก ทำให้ไทยตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของมหาอำนาจสองขั้วในโลกยุคใหม่
นั่นคือ ขั้วสหรัฐและพวก กับ ขั้วจีนและพันธมิตร
การส่งอุยกูร์กลับจีน ไม่ใช่การเลือกข้างเด็ดขาดขั้วใดขั้วหนึ่ง เพราะเราก็อำนวยประโยชน์ตามความต้องการสหรัฐในบางเรื่องอยู่เช่นกัน
แต่ท่าทีและการแสดงออกของสหรัฐและพวก กำลังฉวยโอกาสใช้ประเด็นนี้มากดดันเรียกร้องผลประโยชน์สูงสุดของฝ่ายตนเอง
นี่คือภาพสะท้อนการเดินเกมระหว่างประเทศที่ทำให้ย้อนนึกไปถึงสมัยล่าอาณานิคม
ในอดีตนั้น ฝ่ายที่เข้ามาล่าอาณานิคม ก็จะเป็นชาติตะวันตกด้วยกัน มาแย่งชิงมีอำนาจเหนือประเทศไทยของเรา
แต่ยุคนี้ เปลี่ยนเป็นสหรัฐและชาติตะวันตก กับจีนและพันธมิตรแทน
ขออนุญาตแบ่งปันข้อเขียนที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์การเดินหมากเดินเกมวิเทโศบายของไทยในอดีต มีเกร็ดข้อมูลน่าสนใจมาก
แฟนเพจ ซิริอุส เป็นชื่อของดวงดาว ได้นำเสนอไว้น่าสนใจใคร่ครวญ บางตอนระบุ ดังนี้
“...สยามเป็นชาติที่ยึดครองยากที่สุดในสายตาลัทธิจักรวรรดินิยม
ฝรั่งเศสใช้ข้ออ้างเรื่องการกดขี่ศาสนาคริสต์และสังหารหมู่คณะบาทหลวงเข้ายึดตังเกี๋ย แต่ไม่สามารถใช้กับสยามได้ เพราะสยามให้เสรีภาพด้านศาสนามาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ใช้ข้ออ้างเรื่องรัฐบรรณาการ แบบที่ใช้ยึดสิบสองจุไทยหวังได้ลาวกับเขมรทั้งหมด แต่รัชกาลที่ 4 ทรงวางกลอุบายซ่อนลาว แล้วรีบขีดเขมรส่วนนอกให้ฝรั่งเศส ส่วนเขมรส่วนถือเป็นดินแดนสยาม กงสุลฝรั่งเศสรีบกระโดดรับทันที คิดว่าได้เปรียบแน่ๆ แต่ไปๆมาๆกลับเป็นการรองรับสถานะรัฐบรรณาการของสยาม (ที่เดิม สยามไม่ได้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของตน) ให้กลายเป็นดินแดนของสยามแบบไม่ตั้งใจ สื่อหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสด่ารัฐบาล
โคชินไชน่าและกระทรวงอาณานิคมย่อยยับ
เจอกดดันหนักๆเข้า รัฐบาลฝรั่งเศสจึงยอมหักดิบ สละมาดผู้ดี เอาเรือรบเข้าปากน้ำสยามและกำลังทางบกเข้ายึดที่มั่นข้าหลวงสยามในคำม่วน หวังให้สยามต่อสู้แบบที่เคยทำกับเวียดนาม แต่สยามกลับนั่งเป็นเตมีย์ใบ้ ทางน้ำยิงพอหอมปากหอมคอ ทางบกกองทัพข้าหลวงที่อุบลฯและหนองคายไม่ยอมขยับ
เรียกค่าปฏิกรรมสงครามแบบที่อังกฤษเคยเล่นงานพม่า เรียกเงิน 3 ล้านฟรังก์(อังกฤษเรียกจากพม่าที่หนึ่งล้านปอนด์ รัฐบาลอังวะมีปัญญาจ่ายแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์) ฝรั่งเศสคำนวณอยู่แล้วว่าสยามคงมีจ่ายอยู่หรอก เลยใช้กลอุบายบอกว่า เงินสามล้านที่ว่าขอเป็น “เงินกริ้งๆ” เอามาแต่เหรียญล้วนๆ ไม่รับธนบัตร หามาให้ได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงถ้าไม่ได้โดนเรือปืนยิงพระบรมมหาราชวัง ใครๆก็ฟันธงว่าสยามไม่รอด ในเอเชียตะวันออกใครจะมีเงินเหรียญถึง 3 ล้านฟรังก์ ถึงมีก็ไม่มีทางหามาได้ภายในเวลาแบบนั้น แต่...สยามมีจ่าย เงินเม็กซิกันเสียด้วย กริ้งๆ เลย ทุกชาติงงเป็นไก่ตาแตก
(กราบขอบพระทัย ร.3 สำหรับเงินถุงแดงด้วยครับ)
ได้ดินแดนลาวกับเขมรไป ซึ่งก็ได้แต่ดินจริงๆ ประชากรหายเกลี้ยง กะให้เป็นแหล่งปลูกข้าวแบบปากแม่น้ำโขงของเวียดนาม แต่...ดินแดนที่ได้จากสยาม มีแต่ภูเขา แม่น้ำโขงก็มีแต่เกาะแก่ง เอาเรือกลไฟล่องได้แค่เวียงจันทน์กับสะหวันนะเขต เรือเมล์ขาดทุนทุกปี ภาษีจากอันนัมเอามาเสียกับลาวและเขมรเยอะมาก
มีแผนการณ์ที่จะเพิ่มพื้นที่ภาคอีสานเข้ากับโคชินไชน่า แต่เจอแรงกดดันจากจักรวรรดิรัสเซีย และแรงสนับสนุนสยามของจักรวรรดิออสเตรีย-เยอรมัน หนำซ้ำสยามยังเล่นการเมืองเป็น โดยการยิงทะลุใจกลางฝรั่งเศส คือ ล็อบบี้เจ้าราชนิกูลของราชวงศ์บูร์บงที่กลับมามีอิทธิพลอย่างลับๆ ในรัฐบาลฝรั่งเศสภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ทำให้กระทรวงอาณานิคมฝรั่งเศสถึงกับอึ้งเลยทีเดียว แผนการณ์กลืนดินแดนสยามจึงหยุดชะงักแบบนั้น
อังกฤษเจออิทธิฤทธิ์จากรัฐบาลสยามครั้งแรกตอนสนธิสัญญาเบอร์นี่ ในสมัยร.3 รัฐบาลอังกฤษด่าราชทูตเฮนรี่ เบอร์นี่ ที่ส่งไปจากสิงคโปร์แบบหัวเสีย ไปทำสัญญาบ้าอะไรกับสยาม ถึงทำให้บริษัทอังกฤษต้องจ่ายภาษีให้สยามมากกว่าจ่ายให้จีนอีก แถมเรืออังกฤษเข้าเมืองท่าสยามจะมีสินค้าหรือไม่ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมปากเรือ แล้วยังต้องมาซื้อไม้สักจากพ่อค้าคนกลางคือ รัฐบาลสยามอีก
อังกฤษเตรียมแก้มือคืน โดยการแก้ไขสัญญาใหม่ และเตรียมนำเรือรบปิดปากอ่าวบีบให้ทำสัญญาแบบเดียวกับที่ทำกับจีน เป็นเชิงยั่วยุ มีหวังผลนิดๆว่าสยามจะฟิวส์ขาดแบบพม่า แต่...เจอการทูตจากรัฐบาลสยามชุดใหม่ที่มาแบบงงๆ เกิดเป็นสนธิสัญญาเบาว์ริ่งแบบงงๆ เช่นกัน
ราชทูตอังกฤษที่เข้ามาสยามครั้งนั้น เซอร์จอห์น เบาว์ริ่ง เจ้าเมืองฮ่องกง ผู้ที่เคยเล่นงานราชวงศ์ชิงจากการเป็นตัวตั้งตัวตีในสงครามฝิ่น ครั้งที่ 2 ที่อังกฤษหวังให้เล่นงานสยามบ้าง
จากสนธิสัญญาเบอร์นี่ หลังย้ายออกจากฮ่องกง อยู่ๆก็ได้เป็นรับการแต่งตั้งเป็น “พระยา
สยามานุกูลกิจ” ตำแหน่งอัครทูตสยามประจำลอนดอนคนแรก...เอากับสยามสิ แต่งทูตอังกฤษสายเหยี่ยว มาเป็นทูตตัวเองประจำอังกฤษ หนามยอกเอาหนามบ่ง ใครจะคิดบ้างล่ะ
อังกฤษวางแผนใหม่ ใช้แผนที่เคยทำกับราชสำนักชิง โดยการปล่อยกู้ให้สร้างทางรถไฟแก่สยามในสมัย ร.4 ผลก็คือ...อ๋อ ไม่เป็นไร เรากำลังมีโปรเจกท์ของเราในเร็วๆ นี้
ขอบคุณมากสำหรับข้อเสนอ
... อังกฤษเจอสยามใช้วิธีขีดมลายูออกเป็น 2 ส่วน แบบที่ทำกับเขมร ผลคือ อังกฤษรับรองสถานะดินแดนสยามเหนือปัตตานีและมลายูตอนเหนือ
อังกฤษเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ โดยใช้ไทใหญ่โมเดลในการพิชิตราชสำนักอังวะ พยายามจะสนับสนุนกลุ่มหัวเมืองล้านนาให้มาเป็นรัฐอารักขาแบบไทใหญ่ แต่เจอยุทธวิธีตั้งข้าหลวงต่างพระองค์ไปประจำการแบบรัฐบาลส่วนภูมิภาค เจ้าล้านนาขยับอะไรไม่ได้เลย
ปกติประเทศแถบนี้จะใช้อังกฤษมาคานอำนาจฝรั่งเศส หรือใช้ฝรั่งเศสมาคานอำนาจอังกฤษ ซึ่งทั้งสองรู้กลยุทธ์นี้ดี และไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ประเทศเอเชียเด็ดขาด ผลก็คือทั้งสองประเทศแอบจับมือกันลับๆไม่ยอมตีกัน ซึ่งพม่าพิสูจน์มาแล้ว ที่ดันไปไว้ใจฝรั่งเศสในการคานอำนาจอังกฤษ ตอนอังกฤษจะยึดมัณฑะเลย์ พม่าร้องหาฝรั่งเศสจนเฮือกสุดท้าย แต่พี่แกก็นั่งฉีกขนมปังมองดูเฉยๆ
สำหรับสยาม...ล้ำกว่านั้นมาก รู้เช่นเห็นชาติสองมหาอำนาจนี้มานานแล้ว และสยามก็ยังรู้จักการเมืองในภาคพื้นยุโรปดีกว่าประเทศเอเชียอื่นๆ ด้วย คานอำนาจนั้นยังเป็นวิธีที่ดีแต่ต้องทำให้เป็น สยามจึงไปใช้มหาอำนาจที่เขาคานกันจริงๆกับฝรั่งเศสและอังกฤษ นั่นคือ จักรวรรดิออสเตรีย-เยอรมันและจักรวรรดิรัสเซีย และไม่ได้ทำโดยการทูตธรรมดาๆ แต่พระเจ้าแผ่นดินสยามเข้ามาเล่นเกมส์นี้ด้วยพระองค์เองทีเดียว ให้ความสนิทสนมระหว่างพระราชวงศ์ต่อพระราชวงศ์ เรียกว่าแน่นแฟ้นมาก
ตอนนั้นสยามเป็นประเทศเดียวในเอเชียจริงๆ ที่เล่นเกมส์การเมืองแบบนี้ ฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็ไปไม่เป็นอีกเช่นกัน
เรื่องที่บอกว่า สยามรอดมาได้เพราะดวงล้วนๆ ฝรั่งเศสและอังกฤษจะใช้สยามเป็นรัฐกันชน อันนี้คือคำแก้เกี้ยว แนวคิดเรื่องรัฐกันชนมีจริง แต่เป็นแค่ดินแดนเล็กๆบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ทั้งสองประเทศจะเหลือไว้ให้สยาม
อังกฤษหมายปองไม้สักจากล้านนา พอๆกับฝรั่งเศสหมายปองภาคอีสานของสยามเช่นกัน...”
นั่นคือเกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์บางส่วน
มาถึงยุคปัจจุบัน ต่างชาติเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายสหรัฐและลูกสมุนชาติตะวันตก กับฝ่ายจีนและพันธมิตร ต่างก็มุ่งหวังผลประโยชน์จากราชอาณาจักรไทยของเรา
เราจึงต้องใช้วิเทโศบายเดินเกม เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติของเราเช่นกัน
หวังแต่ว่า เราจะไม่มีใครขายชาติ บ่อนทำลายชาติบ้านเมือง บั่นทอนทำลายสถาบันหลักของชาติ
วางยาพิษ สร้างความอ่อนแอให้กับประเทศชาติ
คนพวกนี้ ถ้าเป็นอาญาแผ่นดินสมัยก่อน จะต้องโดน “ฟันคอ ริบเรือน”!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี