“นิทานสุดโม้ เรื่องที่ 1 หมาป่าเป็นผู้นำฝูงสัตว์”
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” เป็นยุคที่สัตว์ป่า เทวดา เทพทั้งหลายและมนุษย์ทั้งปวง “ต่างพูดภาษาเดียวกัน”
ณ ป่าดงดิบที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง สัตว์ป่าที่ไร้เขี้ยวเล็บต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะ “ตกเป็นเหยื่อ” ของสัตว์ป่าที่ดุร้ายตลอดเวลา
วันหนึ่ง “หมาป่าเฒ่าเขี้ยวกุดฟันหลอหมดปาก” ได้กล่าวกับฝูงสัตว์ที่กลัวภัยทั้งหลายว่า “หากยกให้ตนเป็นผู้นำ ตนมีกองทัพหมาป่าทมิฬ ที่จะฆ่าสิงโตวันละ 100 ตัว ฆ่าเสือดาววันละ 150 ตัว และฆ่าช้างป่าวันละ 200 ตัวมาเป็นอาหารให้แก่ฝูงสัตว์”
“สัตว์ป่าที่ไร้เขี้ยวเล็บต่างได้เฮ” แล้ว “ยกให้หมาป่าเฒ่าเป็นผู้นำ” ทันที เพราะ “นอกจากพวกตนจะได้รอดตายจากสัตว์สุดดุทั้งหลายแล้วยังได้กินเนื้อสัตว์ที่สุดโอชะได้ฟรีๆ อีกต่างหาก”
หลังจากหมาป่าเฒ่าเป็นผู้นำ ก็สั่งให้สัตว์ป่า “แยกชนิด” และรวมฝูงอยู่ในที่ตั้ง เพื่อตนจะได้นำอาหารมาเลี้ยงดูได้สะดวก
“วันแรก” หมาป่าเฒ่าได้ยกกองทัพหมาป่าหนุ่มที่หิวโหย เข้าไปสู่ดงกระต่ายป่า แล้วจับกินไม่เหลือสักตัว โดยไม่มีเนื้อสิงโตมามอบให้ตามที่ “คุยโม้”
“วันที่สอง” กองทัพหมาป่าได้บุกดงกลางป่า แล้วจับกินจนเรียบ โดยพวกมันไม่ได้นำเนื้อใดๆ มาให้ตามสัญญา
“วันที่สาม” กองทัพหมาได้บุกดงแกะ แล้วจับแกะกินจนหมด
กว่าสัตว์ป่าในดงดิบจะรู้ว่า “ถูกหมาป่าเฒ่าหลอกลวง” ทั้งกระต่าย กระแตฝูงกวาง ฝูงแกะและสัตว์อื่นๆ ก็ร่อยหรอ “แทบสูญพันธุ์” ไปจากป่าเพราะ “ถูกกองทัพหมาป่า” ทำการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อย่างสุดโหด
“นิทานสุดโม้ เรื่องที่ 2 โยคีขอเป็นผู้นำจิตวิญญาณ”
ในยุคขีปนาวุธล่องหนสามารถยิงข้ามทวีปได้ในวันนี้ “มีโยคีเฒ่าผู้หนึ่งแห่งนครสารขัณฑ์” ได้ขึ้นเวทีพูดปลุกใจชาวสองแควแห่งสารขัณฑ์ว่า
“หากทุกคนยกให้โยคีเฒ่า” เป็น “ผู้นำจิตวิญญาณแห่งนครสารขัณฑ์” แล้ว ตนจะทำให้ชาวสองแควและชาวสารขัณฑ์ทุกคน “พ้นจากความยากจน” ด้วยการ “ซื้อหนี้ของประชาชนจากทุกธนาคาร” เพื่อ “ให้ชาวสารขัณฑ์มีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเริ่มอนาคตบนเส้นทางเศรษฐีอย่างสุดเท่”
จาก “สัมโมทนียกถาดังกล่าว” ชาวสองแควต่าง “เฮลั่น” และประชาชนชาวสารขัณฑ์ต่าง “ตื่นตูม” ที่บัดนี้ จะได้ “โยคีศานติศีล” มาเป็นผู้นำจิตวิญญาณที่มีความสามารถเหนือกว่าเทพ
จู่ จู่ ก็มีกูรูทางการเมืองของสารขัณฑ์หลายราย ออกมาปลุกจิตสำนึกของชาวสารขัณฑ์ว่า
“นิทานสุดโม้ของโยคีศานติศีลนั้น เป็นนิทานสุดตอแหล”
“เป็นไปไม่ได้” ที่รัฐบาล หรือบริษัทเอกชนระดับบิ๊ก บิ๊ก จะนำเงินกว่า 16.32 ล้านล้านบาทมา “ซื้อหนี้ของประชาชนจากธนาคาร” มากกว่างบประมาณของสารขัณฑ์มีงบประมาณปีละ 3.8 ล้านล้านบาท ถึง 4.3 เท่า
“เป็นเรื่องเพ้อฝันและเรื่องตอแหล” ที่เป็นไปไม่ได้ทั้งชาตินี้และชาติหน้าตอนบ่ายๆ
คุณผู้อ่านคิดว่า “นิทานขี้โม้” ทั้งสองเรื่อง “เรื่องใดเป็นนิทานตอแหลกว่ากัน?”
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี