โครงการบ้านเพื่อคนไทย มีเสียงตอบรับล้นหลาม
แต่ยังไม่ปรากฏความคืบหน้า หลังจากที่มีคนสมัครเข้าไปล้นทะลัก
1. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ล่าสุดเปิดเผยว่า รายละเอียดโครงการ บ้านเพื่อคนไทยต้องทำเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด หรือ อสท.(SRTA) กำลังทบทวนรายละเอียดให้รอบคอบ ซึ่งมีวงเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยจะมีการพัฒนาโครงการในระยะแรก ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงจำนวน 25 แปลง ซึ่งจะเสนอครม.ได้ในสัปดาห์ต่อไป
พื้นที่นำร่องระยะที่ 1 จำนวน 4 แปลง จะดำเนินการทั้งหมด 5,700 ยูนิต
ประกอบด้วย บางซื่อ กม.11 พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ จำนวน 2,000 ยูนิต เป็นรูปแบบคอนโดมิเนียม 27 ชั้น จำนวน 3 อาคาร
ธนบุรีพื้นที่ประมาณ 21 ไร่
เชียงราก พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ จุดนี้จะสร้างตึกสูงประมาณ 8 ชั้น เนื่องจากอยู่ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ
และพื้นที่เชียงใหม่ พื้นที่ประมาณ 7 ไร่
นอกจากนี้ยังยืนยันว่า “รูปแบบของตัวอย่างห้อง และตัวอย่างบ้าน ที่แสดงให้พี่น้องประชาชนได้เห็น ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือในเว็บไซต์บ้านเพื่อคนไทยนั้น จะตรงปกแน่นอน แถมจะเกินปกไปด้วยซ้ำครับ” – รมช. คมนาคมกล่าว
2. รมช.คมนาคม ยังเปิดเผยด้วยว่า โครงการระยะที่ 1 มีผู้ลงทะเบียนแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ
ทั้งสิ้น 2.7 แสนคน
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) แล้วจำนวน 1.6 แสนคน และกำลังเตรียมกระบวนการจับสลากต่อไป
ส่วนโครงการ บ้านเพื่อคนไทย ระยะที่ 2 อีก 5 พื้นที่ จำนวน 7,000 ยูนิต
ได้แก่ กม.11 ประมาณ 5 ไร่, จ.กาญจนบุรี, ขอนแก่น,ชลบุรี และเชียงใหม่
รวมกับโครงการระยะที่ 1 จะมีจำนวนทั้งสิ้น 12,000 ยูนิต
โดยทาง SRTA ได้ลงพื้นที่ศึกษาสำรวจความต้องการเพื่อนำมากำหนดรายละเอียดให้ตรงกับความต้องการต่อไป
3. การคัดเลือกผู้จะได้รับสิทธิบ้านเพื่อคนไทย จะใช้วิธีจับสลาก
วิธีการนี้ น่าจะยุติธรรมที่สุด
เพราะทุกคนที่ผ่านคุณสมบัติ ล้วนแต่ต้องการได้รับสิทธิกันทั้งนั้น
สะท้อนว่า โครงการเป็นที่นิยมต้องการ ตอบโจทย์ของกลุ่มเป้าหมาย
แต่จะใช้วิธีจับสลากอย่างไร?
หากจับสลาก โดยไม่มีการกำหนดสัดส่วนอะไรเลย ก็เท่ากับว่า ทุกคนที่ผ่านคุณสมบัติ มีโอกาสเท่าๆ กัน วัดดวงกันเลย
แต่โครงการก็จะมีความเสี่ยงว่า ผู้ได้รับสิทธิ อาจเป็นคนช่วงวัยใดช่วงวัยหนึ่ง มากเป็นพิเศษ แล้วแต่ดวง
หากกำหนดสัดส่วน เช่น ช่วงอายุ แบ่งเป็นโควตาแต่ละช่วงอายุ ให้มีโอกาสรับสิทธิเท่าๆ กัน ก็จะทำให้โครงการมีผู้เข้าอยู่อาศัยในช่วงวัยกระจายกันไปตามสัดส่วน
ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับนโยบายและความต้องการของรัฐบาล
ส่วนหน่วยงานที่จะจับสลาก ก็ควรจะทำอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้
อย่างน้อย ทุกฝ่ายต้องเชื่อถือว่าเป็นธรรม ไม่น้อยไปกว่าการออกรางวัลลอตเตอรี่
นั่นจึงจะทำให้เกิดการยอมรับ และเป็นที่ยุติโดยดี
อย่าลืมว่า คนที่ไม่ได้ จะมีเยอะกว่าคนที่ได้สิทธิ หากวิธีการมีข้อครหาแม้เพียงเล็กน้อย ความรู้สึกที่มีต่อโครงการก็อาจจะกลายเป็นติดลบไปเสียก็ได้
4. การดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย ต้องทำอย่างโปร่งใส อย่าให้การทุจริตเด็ดขาด
ไม่ว่าจะการฮั้วประมูลก่อสร้าง การเรียกเงินสินบน การสวมสิทธิ์ หรือการมีผลประโยชน์ทับซ้อนของเจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้อง
อย่าลืมว่า ภาพจำเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตบ้านเอื้ออาทร ยังฝังใจ
แนวทางของโครงการบ้านเพื่อคนไทย แตกต่างจากบ้านเอื้ออาทรในอดีต
เป็นการดำเนินการสร้างที่อยู่อาศัย ทั้งรูปแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม โดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ ผ่อนรายเดือนไม่สูง และมีคุณภาพดี เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ และลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น
นำที่ดินของ ร.ฟ.ท. มาสร้างที่อยู่อาศัย เพิ่มให้คนไทยที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน
เช่าระยะยาว 99 ปี พร้อมมีเฟอร์นิเจอร์บางส่วนให้ด้วย
โดยทำเลที่ตั้งโครงการ จะอยู่ตามแนวระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เพื่อให้สะดวกในการเดินทางไปทำงาน
และสอดรับกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล ที่จะช่วยลดภาระค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
นับเป็นการแก้จุดอ่อนของบ้านเอื้ออาทรในอดีต ที่บางโครงการตั้งอยู่ไกลปืนเที่ยง สุดท้ายขายไม่ออก หรือทิ้งร้าง
เพราะฉะนั้น ถ้าปิดจุดอ่อนปัญหาทุจริตได้ ก็นับว่าเป็นโครงการที่น่าสนับสนุน
ดีกว่าเอาที่ดินทำเลทองไปเซ็งลี้ให้พ่อหาผลประโยชน์กัน
5. ภาคเอกชนบางส่วน มองว่าโครงการนี้เป็นคู่แข่ง
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ ผู้บริหารบริษัทในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า โครงการนี้มีผลต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของตลาด ขณะที่ภาคอสังหาฯ ยังเผชิญปัญหาการเข้มงวดสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ทำให้หลายโครงการต้องชะลอแผนเปิดตัวใหม่ ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวให้สอดรับกับกำลังซื้อในปัจจุบัน
นายเชษฐ์ ตั้งทรงจิตรากุล นายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตประเด็นการบริหารโครงการหลังจากสร้างเสร็จ เนื่องจากเป็นโครงการที่เปิดให้เช่าระยะยาว 99 ปี อาจไม่สามารถจัดตั้งเป็นนิติบุคคลได้เหมือนคอนโดมิเนียมที่เอกชนสร้างขาย ขณะที่การคิดค่าเช่าราคาถูก อาจทำให้งบฯ ไม่เพียงพอในการบริหารจัดการส่วนกลาง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาจนกระทบกับคุณภาพชีวิตของผู้ได้สิทธิ์ในระยะยาว หรือไม่
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า ผลกระทบจากโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” โครงการให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย อาจกระทบบางบริษัทเอกชนที่มีสินค้าใกล้เคียงกับโครงการ เช่น LPN, SENA, LALIN และผู้ที่มีสินค้าในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อย่างไรก็ดีการส่งมอบเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปในระยะ 2-3 ปี
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่กระทบน้อย เนื่องจาก 1) ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เน้นสินค้าระดับกลาง-บนขึ้นไป หรือราคามากกว่า 5 ล้านบาท 2) ลูกค้าคนละกลุ่ม บ้านเพื่อคนไทยไม่มีการวางดาวน์ เน้นผู้มีรายได้น้อยหรือไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคาร 3) โครงการเป็นสิทธิถือครองหรือเช่าระยะยาว 99 ปี และ 4) การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยไม่ได้ขึ้นกับราคาเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงสภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตประจำวัน และทำเล (เพียง 2 จาก 4 พื้นที่ที่ใกล้แหล่งงาน
และรถไฟฟ้า ได้แก่ บางซื่อ กม. 11 และสถานีธนบุรี)
6. ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ที่ดินทำเลดีๆ ถูกนำไปทำโครงการที่คนมีรายได้น้อยเอื้อมไม่ถึง
โครงการจัดหาบ้านเพื่อให้คนไทยมีที่อยู่อาศัย มีความมั่นคงในชีวิตนั้น มีมาทุกยุครัฐบาล
สมัยรัฐบาลลุงตู่ มีโครงการดีๆ เช่น แฟลตดินแดง บ้านสุขประชา บ้านมั่นคง
มีทั้งบ้านมั่นคง : คลองลาดพร้าว, บ้านมั่นคง : คลองเปรมประชากร และประกาศถึงแผนโครงการบ้านล้านหลังบ้านเช่าทั่วไทย 999 บาท/เดือน ฯลฯ
สมัยรัฐบาลทักษิณ มีโครงการบ้านเอื้ออาทรมีทุกภูมิภาค
มีทั้งสำเร็จ และล้มเหลว
บางโครงการ ปัจจุบัน มีผู้อยู่อาศัยเต็ม ราคาตลาดสูงกว่าเดิม
บางโครงการทิ้งร้าง เพราะทำเลห่างไกลแหล่งทำงาน
บางโครงการไม่สำเร็จ เพราะผู้รับเหมาทิ้งงาน มีการฟ้องร้องดำเนินคดี กลายเป็นซากบ้าน เช่น โครงการที่สุไหงโก-ลก
บทเรียนสำคัญของบ้านเอื้ออาทร คือ มีการทุจริตประพฤติมิชอบ เรียกรับเงินค่าหัวคิว แลกกับโควตาก่อสร้างโครงการ กระทั่งนายวัฒนา เมืองสุข เสี่ยเปี๋ยง และพวก ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 50 ปี
เพราะฉะนั้น หากบ้านเพื่อคนไทยสกัดจุดอ่อนเรื่องการทุจริตมิให้เกิดขึ้นได้ เชื่อว่าจะเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด แน่นอนว่าที่ดินเหล่านี้ จะต้องถูกนำไปทำโครงการที่คนมีรายได้น้อยเอื้อมไม่ถึงแน่นอน
นอกจากนี้ เป็นโครงการที่สานต่อตามแนวทางยุทธศาสตร์เดิม คือ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (2560-2579)
สรุป โครงการบ้านเพื่อคนไทย ตั้งท่ามาดี
แต่ระวังท่าดี ทีเหลว
หากไม่มีปัญหาการทุจริต โครงการน่าจะประสบความสำเร็จ
และสนับสนุนให้เอาที่ดินที่รัฐดูแลมาทำประโยชน์ให้คนรายได้น้อยอีกเยอะๆ เพื่อแก้ช่องโหว่จากกลไกตลาดที่กระทบกับคนทำงานในเมืองใหญ่
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี