ช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บางพื้นที่ (ปราสาทตาเมือนธม) เกิดความตึงเครียดหนัก
ขณะที่กองทัพไทยก็ฝึกซ้อมพร้อมรบเต็มพิกัด
ฝ่ายกัมพูชาก็มีความเคลื่อนไหวทางการทหาร ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าเตรียมการขนาดไหน
ทั้งยังมีการระดมกำลังทหารและประชาชนขึ้นมาเที่ยวบนปราสาท
รัฐมนตรีกลาโหมไทย เคยบอกว่า เดี๋ยวจะมีการพูดคุยแก้ไขปัญหาในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ วันที่ 21 มี.ค.นี้
แต่ล่าสุด ฝ่ายกัมพูชาขอเลื่อนการประชุมไปเสียแล้ว
1. พลเอก เตีย เซรย ฮา รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา ขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) ออกไปก่อน อ้างว่า ติดภารกิจต้องไปร่วมงานกับสมเด็จฮุนเซน
มีรายงานว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พลเอก เตีย เซรย ฮา ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เยี่ยมปลอบขวัญทหาร นำเสบียงไปให้ และขึ้นมาบนปราสาทตาเมือนธม พร้อมกำลังทหาร
2. น่าสนใจว่า ในช่วงที่ยังไม่มีการประชุมกันนี้ จะเพิ่มความตึงเครียดของสถานการณ์ชายแดนแค่ไหน อย่างไร?
แม้แม่ทัพภาคที่2 จะยืนยันว่าสถานการณ์ปกติดี ไทยเราฝึกซ้อมรบ เตรียมพร้อมรบ เป็นเรื่องปกติ
แต่กำลังทหารของไทยเอง ก็ฝึกพร้อมรบต่อเนื่อง และเข้มข้น แตกต่างจากทุกปีชัดเจน
3. ถ้าเกิดการสู้รบ?
ความตึงเครียดอาจขยายไปสู้การปะทะกันบางจุด
แต่คงไม่ถึงขนาดเป็นสงครามใหญ่แน่นอน
เมื่อปี 2554 ไทยเคยปะทะกับกัมพูชา กรณีสืบเนื่องจากความตึงเครียดประเด็นปราสาทเขาพระวิหาร
ครั้งนั้น ฝ่ายกัมพูชาระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง แบบ “BM-21 Grad” เข้าใส่ฝั่งไทย
ประชาชนคนไทยได้รับความเดือดร้อน
ฝ่ายไทยก็ตอบโต้กลับ ด้วยการยิงปืนใหญ่อัตตาจร ขนาด 155 มม. แบบ CAESAR และปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้งแบบลากจูง ขนาด 155 มม. แบบ GHN-45 โดยโช้โดรนชี้เป้า และใช้เรดาร์ค้นหาต่อต้านการยิงปืนใหญ่/ เครื่องยิงลูกระเบิด (Counter-battery Radar) ในการค้นหาที่ตั้งยิง
พูดง่ายๆ ว่า ยิงมาจากไหน สวนกลับไปทางนั้น
ขณะเดียวกัน กองทัพอากาศไทยครั้งนั้น ก็ได้ส่งเครื่องบินขับไล่/ โจมตีแบบ F-16 บินโฉบชายแดนไทย-กัมพูชา
การปะทะกันครั้งนั้น ส่งผลทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตไปหลายนาย กระทั่งโฆษกประจำกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงข่าวทั้งน้ำตาถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นของฝ่ายกัมพูชา
แต่ในปีนี้ หากเกิดการปะทะกันอีกครั้ง สถานการณ์อาจรุนแรงกว่าเดิม และฝ่ายกัมพูชาก็มีอาวุธที่ทันสมัยกว่าเดิม
4. พัฒนาการด้านอาวุธฝ่ายกัมพูชา
แน่นอนว่า ข้อมูลด้านกำลังรบ อาวุธทางการทหาร เป็นความลับของแต่ละประเทศ
เพจ Military Weapons อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร ได้รวบรวมอาวุธภาคสนามของกัมพูชา ที่เคยอวดออกสื่อก่อนหน้านี้
ภาพที่นำเสนอนี้ คือ อาวุธส่วนหนึ่งของฝ่ายกัมพูชาเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็น
“...ระบบจรวดหลายลำกล้องขนาด 300 มม. แบบ PHL-03
ระบบจรวดหลายลำกล้องขนาด 122 มม. แบบ Type 90B MLRS
ปืนใหญ่อัตตาจรแบบ SH1 155 mm. SPH ของกองทัพบกกัมพูชา (Royal Cambodian Army: RCA)
ในปีพ.ศ. 2565 กองทัพบกกัมพูชา (RCA) ได้รับมอบระบบจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรขนาด 300 มม. แบบ PHL-03 จำนวน 6 ระบบ, ระบบจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรขนาด 122 มม. แบบ Type 90B MLRS ไม่ระบุจำนวน และปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 155 มม.แบบ SH1 155 mm. SPH (Self-propelled Howitzer) จำนวน 6 ระบบ จากบริษัท Norinco สาธารณรัฐประชาชนจีน
...กัมพูชามีการนำระบบอาวุธใหม่เข้าประจำการหลายแบบ ที่มีระยะการยิงที่ไกลกว่า และแม่นยำกว่าเดิม
อย่าง PHL-03 ระยะยิงไกลสุด 130 กิโลเมตร มี 6 คัน คันละ 12 ท่อยิง ก็รวมทั้งหมด 72 ท่อยิง ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้ทางการไทยได้มาก
อะไรที่เรามี อย่างเรดาร์ค้นหาที่ตั้งยิง รวมถึงระบบโดรน ที่ครั้งก่อนเรามีเขาไม่มี ตอนนี้เขาก็มี
ด้วยระยะการยิงที่ไกลขึ้น ทำให้กัมพูชามีความเสี่ยงน้อยลง ที่จะไม่ต้องถูกกองทัพไทยสวนกลับ
แต่กัมพูชาก็เสียเปรียบตรงที่จำนวนอาวุธมีน้อย งบประมาณก็น้อย
อันนี้พูดถึงในส่วนของอาวุธ และกำลังทางบก
หากไปในส่วนของกำลังทางเรือ และกำลังทางอากาศ กัมพูชาสู้เราไม่ได้เลย
ถ้าวัดกันในการปะทะกันครั้งนี้ อะไรที่เราไม่ได้เห็นในครั้งก่อน ก็จะได้เห็นในครั้งนี้
ปืนใหญ่คงไม่พอ เราคงต้องยิงจรวดหลายลำกล้องสวนกลับบ้าง
หรือถ้าให้หนักกว่าเดิม คือ การใช้กำลังทางอากาศ ที่เราสามารถผลิตระเบิดขนาด 500 ปอนด์เองได้
รวมถึงในกำลังทางบก เราสามารถผลิตระบบปืนใหญ่ ระบบจรวดหลายลำกล้อง รวมทั้งกระสุนปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้องขนาด 122 และ 302 มม. ได้เอง
...ในส่วนของ Self-propelled Multiple Rocket Launcher หรือระบบยิงขีปนาวุธหลายลำกล้องแบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง เป็นระบบขีปนาวุธที่ติดตั้งบนยานพาหนะที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องใช้การลากจูงจากยานพาหนะอื่นๆ ซึ่งช่วยให้ระบบนี้มีความคล่องตัวสูง สามารถย้ายตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว และใช้ในการยิงขีปนาวุธหลายลำกล้องในครั้งเดียว เพื่อให้ได้การโจมตีที่มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่กว้าง
PHL-03 คือ ระบบยิงขีปนาวุธหลายลำกล้องที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง (ระบบจรวดหลายลำกล้องอัตตาจร) มีท่อยิงขนาด 300 มม. จำนวน 12 ท่อยิงต่อรถแท่นยิง 1 คัน ระยะยิงไกลสุด 70 - 130 กิโลเมตร จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตัวรถมีน้ำหนัก 43 ตัน ยาว 12 เมตรกว้าง 3 เมตร สูง 3 เมตร พลประจำรถ 4 นาย ใช้เครื่องยนต์ Diesel engine ให้กำลัง500 hp (370 kW) ตัวรถเป็นแบบ 8×8 wheeled พิสัยปฏิบัติการ 650 กิโลเมตร ที่ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยระบบนี้กำลังถูกแทนที่ด้วย PHL-16 ที่มีการออกแบบที่เป็นโมดูลาร์และใหม่กว่า ระบบ PHL-03 มีการออกแบบที่มีพื้นฐานมาจากระบบ “BM-30 Smerch”ที่ผลิตในสหภาพโซเวียต
บทบาทหลักของระบบยิงขีปนาวุธหลายลำกล้องนี้คือ การโจมตีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การรวมกำลังทหารในจำนวนมาก, สนามบิน, ศูนย์บัญชาการ, ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้ในการโจมตีตอบโต้การยิงจากปืนใหญ่ของศัตรู (Counter-battery Fire) ...สำหรับตัวจรวด PHL-03 ใช้ขีปนาวุธขนาด 300 มม. จากตระกูล BRE ได้แก่ BRC4, BRE2 และ Fire Dragon 140A ที่มีระยะยิงไกลถึง 130 กม. (81 ไมล์)
Type 90B MLRS คือ ระบบขีปนาวุธหลายลำกล้อง (MLRS) ขนาด 122 มม. รุ่นที่สองของซีรี่ส์ Type 90 ระบบอาวุธนี้ออกแบบ และผลิตโดยบริษัท NORINCO ของจีน รุ่นแรกของ Type 90 MLRS ได้รับการเปิดตัวในกลางทศวรรษ 1990 และตามด้วย Type 90B ในปี 2004 ระบบขีปนาวุธหลายลำกล้องขนาด 122 มม. รุ่น Type 90B เป็นระบบสนับสนุนการยิงที่เคลื่อนที่ได้ เพื่อทำลายเป้าหมายหลากหลายประเภทโดยการยิงขีปนาวุธหลายลำกล้องสูงสุดถึง 40 ลูกในหนึ่งครั้ง
ระบบ Type 90B สามารถเข้าสู่ตำแหน่งการต่อสู้ ยิง และออกจากตำแหน่งการยิงได้ภายในเวลาไม่เกิน 7 นาที โดยหัวรบมีน้ำหนัก 18.3 - 28 กิโลกรัม ความยาวจรวด 2.75 -3.03 เมตร มีจรวดพร้อมยิง 40 นัด และสำรอง 40 นัด อัตราการยิง 40 นัด ภายใน 18 -20 วินาที ติดตั้งบนรถบรรทุกแบบ North-Benz 2629 (6x6) ที่มีความยาว 9.31 เมตร กว้าง 2.49 เมตร สูง 3.02 เมตร และมีพิสัยปฏิบัติการไกลสุด 800 กิโลเมตร
SH1 155 mm. SPH (Self-propelled Howitzer) เป็นปืนใหญ่อัตตาจรเคลื่อนที่ด้วยตนเองแบบล้อยางขนาด 155 มม. ที่ออกแบบ และผลิตโดยบริษัท NORINCO ของจีน ....ปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ของ SH1 สามารถยิงกระสุนได้หลากหลายประเภท เช่น Extended-Range, Full-Bore, Rocket-Assisted, High-Explosive (ERFB-RA/HE) และ Extended-Range Full-Bore, Base-Bleed, High-Explosive (ERFB-BB/HE) เมื่อใช้กระสุน ERFB-BB/HE ปืนใหญ่สามารถยิงได้ไกลถึง 53 กิโลเมตร ... ระบบปืนใหญ่ SH1 มีระบบควบคุมการยิงคอมพิวเตอร์, ระบบนำทาง, ระบบการสื่อสาร, เครือข่าย C4ISR มีพลรถประจำ 5 นาย น้ำหนักระบบ 22,500 กิโลกรัม พิสัยปฏิบัติการ 600 กิโลเมตร ที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยตัวรถยาว 9.68 เมตร กว้าง 2.58 เมตร สูง 3.50 เมตร...”
ย้ำว่า ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาข่าว ส่วนกำลังรบและอาวุธที่แท้จริงของฝ่ายกัมพูชาจะเป็นอย่างไร ไม่เป็นที่เปิดเผยทั้งหมด
5. ในส่วนของกองทัพไทย แน่นอนว่าไม่ได้เป็นรองฝ่ายกัมพูชา
ที่ผ่านมา เราก็มีการเสริมศักยภาพ และอัปเกรดอาวุธเดิม
ล่าสุด ความเคลื่อนไหว ไม่ใช่เฉพาะการซ้อมรบของกองทัพยกไทย
กองทัพอากาศไทย ก็ซ้อมและพร้อมรบ ทั้งกลางวันและกลางคืน
โดยเพจ กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force ได้เผยแพร่ภาพ F-16 A/B Block 15 OCU (Operational Capability Upgrade) ฝูง 103 กองบิน 1 โคราช จังหวัดนครราชสีมา ขณะทำการฝึกเตรียมความพร้อมในภารกิจการบินสกัดกั้น และการบินลาดตระเวนรบทางอากาศในเวลากลางคืน
ระบุข้อความว่า “พร้อมปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้าไทย กองทัพอากาศ พร้อมส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นปฏิบัติการ เมื่อเกิดสถานการณ์ด้านความมั่นคงของชาติ ตลอด 24 ชั่วโมง 24/7 All Day All Night กองทัพอากาศ โดยฝูงบิน 103 กองบิน 1 ฝึกเตรียมความพร้อมเครื่องบิน F-16 ในภารกิจการบินสกัดกั้น และการบินลาดตระเวนรบทางอากาศ เพื่อเป็นการดำรงขีดความสามารถในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ รวมทั้งสร้างความอุ่นใจให้พี่น้องประชาชน หากเราเผชิญสถานการณ์เราพร้อมปฏิบัติการ ทันที!!”
ในภาพ F-16 A/B Block 15 OCU จอดอยู่ในโรงเก็บหลังคาโค้ง ทำการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ติดตามความร้อนแบบ RaytheonAIM-9M Sidewinder ลูกจริงคาดแถบเหลือง-น้ำตาล สำหรับภารกิจการสกัดกั้นทางอากาศ โดยบางลำติดตั้งถึง 6 ลูกด้วยกัน
รวมทั้งมีการติดตั้งระเบิดอเนกประสงค์แบบ Mk. 81 ขนาด 250 ปอนด์ และระเบิดอเนกประสงค์แบบ Mk. 82 ขนาด 500 ปอนด์ สำหรับภารกิจโจมตีภาคพื้นดินอีกด้วย!
ทั้งหมด คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี