รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประณามประเทศไทยว่า ส่งอุยกูร์ 40 คน กลับไปตายในประเทศจีน แค่นั้นมันไม่สะใจอเมริกัน มือถือสาก ปากถือศีล ยังไปปั่นหัวชาติในยุโรปรวมหัวกันกดดันประเทศไทย ให้ยกเลิกบังคับใช้กฎหมายปกป้องสถาบันหลักของชาติ
นิสัยถาวรอเมริกัน ที่มักวางอำนาจบาตรใหญ่ใส่ชาวบ้าน โดยไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาว่า ตนเลวทรามต่ำช้าอย่างไร ที่ไปรื้อกฎหมาย เมื่อ 227 ปีที่แล้ว ขึ้นมาบังคับใช้นิรเทศหญิงม้ง ส่งไปประเทศลาว
หนังสือพิมพ์เซนติเนล ในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน รายงานเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ว่า หญิงม้ง เป็นหนึ่งในแสนในล้านคนต่างด้าว ที่ถูกบังคับส่งกลับประเทศเดิม ตามกฎหมาย “ศัตรูต่างด้าว” ซึ่งประกาศใช้ในปี 1798 กฎหมายฉบับนี้บัญญัติขึ้นใช้ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ภาวะสงคราม หรือ อยู่ในภาวะที่ศัตรูขู่จะคุกคามอธิปไตยของสหรัฐฯ
เซนติเนล รายงานด้วยว่า ภาพวีดีโอในทีวีที่เห็นทหารโกนหัวคนต่างด้าว ใส่กุญแจมือล่ามโซ่ก่อนลากขึ้นเครื่องบินทหารส่งกลับบ้าน เป็นภาพที่เห็นชินตา แต่ไม่คิดว่า การทำกับผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายเหมือนไม่ใช่มนุษย์จะเกิดขึ้นในเมืองมิลวอกี
หญิงม้ง วัย 37 ปีมีลูกห้าคน ถูกนิรเทศจากมิลวอกี เมืองใหญ่ที่สุด ในรัฐวิสคอนซินไปยังประเทศลาว ดินแดนที่เธอไม่เคยเห็นไม่เคยย่างเท้าเหยียบเป็นแผ่นดินลาวมาก่อน หนังสือพิมพ์เซนติเนล รายงานว่า ม่า ยัง (Ma Yang) ปัจจุบันถูกขังอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในประเทศลาว ที่มีทหารควบคุมรอบบ้าน เธอไม่เข้าใจภาษาลาวพูดไม่ได้ฟังไม่เข้าใจ ไม่รู้จักใคร และทหารยึดเอกสารเธอไว้ทั้งหมด
“สหรัฐส่งฉันกลับมาตาย” ม่า ยัง บอก หนังสือพิมพ์เซนติเนล (รายงานไม่ได้แจ้งว่าเธอติดต่อหนังสือพิมพ์ในเมือง มิลวอกีทางไหน) “ฉันไม่รู้ว่าจะไปไหน ทำอะไร…จะเช่าบ้านจะซื้อข้าวของอย่างไรฉันไม่มีอะไรสักอย่าง ฉันไม่มีคนรู้จักเลย” หญิงม้ง กล่าวด้วยว่า เธอขาดแคลนอินซูลินสำหรับรักษาเบาหวาน และยาความดันโลหิตสูงก็กำลังจะหมด
ม่า ยัง เกิดในประเทศไทย และได้สิทธิ์ที่อยู่ถาวรในอเมริกา (Permanent Resident) จนกระทั่งเธอรับสารภาพในความผิดคดีกัญชา และถูกจำคุกนานกว่า 2 ปี ม่า ยัง บอกกับหนังสือพิมพ์ว่า เธอผิดพลาดอย่างมหันต์ที่ทำตามคำแนะนำของทนายให้รับสารภาพต่ออัยการที่สัญญาว่าโทษหนักจะเป็นเบา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทนายความบอกเธอว่า ได้ตกลงกับอัยการด้วยว่า จะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการมีที่อยู่ถาวรในอเมริกา
ม่า ยัง กล่าวว่า เธอควรจะรับโทษจำคุกนานกว่านี้เพื่อรักษาสถานะที่อยู่ถาวรในอเมริกาไว้ “ฉันทำผิด และ รู้ว่าพลาดไปแล้ว” เธอบอกหนังสือพิมพ์ “แต่ฉันก็รับโทษในคุกแล้วนี้” หลังจากศาลตัดสินจำคุก ม่า ยัง ถูกส่งไปยังกองตรวจคนเข้าเมืองและที่คุมขังของหน่วยปราบปรามกรมศุลกากรในรัฐมินเนโซตา และหลังจากพ้นโทษทนายความให้ลงนามในเอกสารยอมรับการนิรเทศ แล้วกลับบ้านไปใช้ชีวิตอิสระได้
ในวันที่ได้รับการปล่อยตัว ทนายความของเธอเชื่อว่า ม่า ยัง ไม่ถูกนิรเทศหลังจากถูกจำคุกกว่าสองปี เนื่องจากว่าในแต่ละปีสหรัฐฯนิรเทศคนต่างด้าวกลับประเทศต้นทางเพียงสองสามคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศลาวมักไม่ยอมรับผู้ถูกนิรเทศกลับบ้าน ส่วน ม่า ยัง ก็เชื่อด้วยว่า คดีของเธอจะได้รับการพิจารณาใหม่ เนื่องจากเธอมีทนายไม่ดี “ฉันถูกหลอกและถูกทำลายโดยระบบ” ม่า ยัง กล่าว
เดือนกุมภาพันธ์ หน่วยตรวจคนเข้าเมืองและหน่วยปราบปรามศุลกากรเรียกเธอไปพบที่สำนักงาน ไปถึงที่นั่นเธอถูกคุมขังก่อนส่งต่อไปรัฐอินเดียน่า ย้ายต่อไปชิคาโก ในที่สุดเปลี่ยนเครื่องบินหลายลำจนถึงประเทศลาว ม่า ยัง ถูกนิรเทศจากอเมริกา หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะนิรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมายหลายล้านคน และเป็นการนิรเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ความพยายามอย่างมากในการนิรเทศคนต่างด้าว ประธานาธิบดีถึงกับรื้อฟื้นกฎหมาย “ศัตรูต่างด้าว” ซึ่งเป็นกฎหมายใช้ในภาวะสงครามในปี 1798 ขึ้นมาบังคับใช้นิรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมายกลับไปประเทศต้นทาง
อย่างไรก็ตาม วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม หัวหน้าผู้พิพากษา เจมส์ โบสเบิร์ก ออกคำสั่งชะลอการนิรเทศ ภายใต้กฎหมายที่ใช้ในภาวะสงคราม เพื่อสกัดกั้นการนิรเทศคนไร้สัญชาติ ที่อยู่ในระหว่างการคุมขัง และอาจถูกผลักดันออกภายใต้กฎหมายศัตรูต่างด้าว
กรณีหญิงชาวม้ง ที่ถูกบังคับส่งไปประเทศลาว ที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐฯในฐานะผู้อพยพลี้ภัยมานานกว่า 25 ปี ม่า ยัง เป็นหนึ่งในจำนวน ม้ง หลายหมื่นคนที่ตั้งรกรากในอเมริกาตั้งแต่ปี 1975 นายพลวังเปา ผู้นำม้ง เป็นทหารรับจ้างซีไอเอ นำทหารม้งหลายพันคนเข้าทำสงครามกับกองทัพปฏิวัติประชาชนลาว
ในปี 1975 อเมริกาแพ้สงครามในเวียดนาม ลาว และ กัมพูชา เมื่อสหรัฐถอนตัวออกจากอินโดจีน อเมริกันก็รับนายพลวังเปากับชาวม้ง 9,000 คน ไปตั้งรกรากใหม่ในอเมริกา ตั้งแต่ปี 1975 ม้งหลายหมื่นคนหลบหนีจากประเทศลาวมายังศูนย์พักพิงชั่วคราวในประเทศไทย รอการส่งต่อไปอเมริกา โดย ม้ง เชื่อว่าอเมริกันไม่ทอดทิ้งสหายร่วมเป็นร่วมตายในสงครามต่อต้านคอมมิวนิสต์
วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป คอมมิวนิสต์กับทุนนิยมสามานย์ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ตราบใดที่จัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์กันลงตัวคนอเมริกันที่เคยสงสารเห็นใจคนต่างด้าวที่เคยรับใช้ เคยยอมตายแทนในสงครามรุกรานชาวบ้านเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป โลกเปลี่ยนจากสงครามจรยุทธ์ในป่า มาเป็นสงครามไซเบอร์ สงครามการค้า ม้ง ที่ตายแทนอเมริกันในป่ากลายเป็นผู้ไม่พึงปรารถนาอีกต่อไป
กรณี ม่า ยัง เธอคงไม่ใช่ ม้ง คนแรก และ ม้ง คนสุดท้ายที่ถูกไล่ออกจากอเมริกาเหมือนหมูเหมือนหมา เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีอุยกูร์ จึงพูดได้ว่าอเมริกันนอกจาก มือถือสากปากถือศีล แล้วยังเนรคุณต่อทุกชาติที่เคยช่วยเหลืออเมริกัน ม้ง ช่วยทำสงครามคอมมิวนิสต์กับซีไอเอหลายปี ม้ง สละชีพเอาอกรับกระสุนแทนอเมริกันหลายพันคน วันนี้ลูกหลานนายพลวังเปา ถูกขับไล่ไม่ให้อยู่ร่วมกับสังคมอเมริกัน
นี่ไม่นับรวมคนไทยที่ไปร่วมรบกับซีไอเอในสงครามอินโดจีน ซึ่งกลายเป็นศพนิรนามหลายร้อยราย กองทัพอากาศอเมริกันใช้สนามบินในประเทศไทยขนระเบิดไปทิ้งใส่เขมร ลาว และเวียดนามหลายร้อยล้านตัน พออเมริกาแพ้สงครามอินโดจีน อเมริกันทิ้งให้ประเทศไทยต่อต้านคอมมิวนิสต์ไปตามลำพัง
นี่คือสันดานอเมริกัน ดังคำโบราณกล่าวว่า “ดีแต่ใช้ ป่วยไข้ไม่รักษา” ในกรณีอุยกูร์ 40 คน เมื่อเปรียบกับหญิง ม้ง เพียงคนเดียวก็พิสูจน์ได้ว่า อเมริกันมีสันดานเนรคุณ อุยกูร์ไม่เคยทำกรรมดีใดๆ ให้ประเทศไทย และอเมริกา ถ้าจะมีความดีอยู่บ้างคืออุยกูร์ สร้างประเด็นให้อเมริกาหาเรื่องด่าจีนได้
อุยกูร์หนีเข้าประเทศไทย ตามคำยุงยงปลุกปั่นของอเมริกา แต่เป็นการเข้าเมืองผิดกฎหมายประเทศไทยจำเป็นต้องกักตัวไว้ รอให้อเมริกาผู้วางแผนชักนำอุยกูร์เข้ามาพาอุยกูร์ไปอเมริกา แต่รัฐบาลวอชิงตันไม่ทำตามสัญญาที่บอกอุยกูร์ไว้ และเมื่อประเทศไทยส่งอุยกูร์กลับบ้านโดยสมัครใจ อเมริกาออกมาโวยวาย ทำเป็นห่วงเป็นใยชะตากรรมของอุยกูร์อย่างมีนัย แต่กับลูกหลานนายพลวังเปา อเมริกันบังคับส่งไปลาวทั้งที่เจ้าตัวไม่ต้องการ และลาวก็ไม่อยากรับ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ไปเมืองซินเจียง ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อติดตามดูความเป็นอยู่ของอุยกูร์ที่ส่งไปจากประเทศไทย
คณะนายภูมิธรรมได้พบเห็นอะไรมา ก็ไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาของอเมริกา และกลุ่มประเทศอียูได้ เพราะพวกเขา มีคติว่า ฝรั่งจัญไร ต้องฝังใจในโฆษณาชวนเชื่อของตัวเอง อเมริกาต้อง “Believe in his own propaganda”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี