ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากที่พรรคร่วมฝ่ายค้านล็อคเป้า“มาดามแพทองโพย” แล้วลบชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”ออกจากญัตติ เปลี่ยนเป็น“บุคคลในครอบครัว” ซึ่งจะมีการสัประยุทธ์กันในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคมต้นสัปดาห์หน้านั้น ถ้าพรรคประชาชนเอาจริง ไม่ได้เล่น“ปาหี่” คงซัดกันมันหยดถึงเลือดถึงเนื้อ
เพราะในความเป็นผู้นำของ“มาดามแพทองโพย” ที่พรรคฝ่ายค้านระบุว่า ไม่มีคุณสมบัติ และไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารด้วยประการทั้งปวง ทั้งขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดินที่จะแก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติและประชาชนนั้น จิ้มไปตรงไหนก็มีแต่แผลเหวอะหวะ
แผลที่ว่านั้น ก็ล้วนมีเหตุมาจากบุคคลใน“ครอบครัวชินวัตร”ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยอมให้“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดาชี้นำและชักใย ดังที่พรรคฝ่ายค้านตั้งธงไว้ในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้งไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง ครอบครัว และพวกพ้อง เป็นตัวตั้งอยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
ตรงคำว่า“เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัว”นี่แหละ คือแผลใหญ่ของ“มาดามแพทองโพย” แค่ฝ่ายค้านจิ้มไปที่“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นักโทษหนีคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่มีศักดิ์เป็น“อา”เพียงคนเดียว ก็สะเทือนเลื่อนลั่น ฐานที่“มาดามแพทองโพย”เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัวเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
ไม่เพียงแต่เท่านั้น กรณีของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ยังถือว่า“มาดามแพทองโพย”ในฐานะผู้นำรัฐบาล ได้“ทำลายหลักนิติรัฐและระบบยุติธรรม”ตามที่ฝ่ายค้านระบุไว้ในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกด้วย
ทั้งสองประเด็นอันเกี่ยวพันกับ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ที่ว่ามานั้น ในประเด็นแรกเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัว จึงทำให้“มาดามแพทองโพย”ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ สั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องติดตามจับตัว“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ซึ่งศาลได้ออกหมายจับ เพื่อนำตัวกลับมารับโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
กรณีของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของ“โจรกระจอก” ประเภทลักเล็กขโมยน้อยฉกชิงวิ่งราว หรือเป็นคดีมโนสาเร่ หากแต่เป็นคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันทำให้รัฐหรือประเทศเสียหายมากกว่า 5 แสนล้านบาท จากการละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวที่เกี่ยวกับการระบายข้าว
ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นการอ่านคำพิพากษาลับหลัง ได้ตัดสินสั่งจำคุก“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” 5 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมออกหมายจับ เนื่องจากจำเลยหลบหนีออกจากประเทศโดยไม่ยอมมาฟังคำตัดสินของศาลฯไปก่อนหน้าแล้ว จากที่ศาลฯได้นัดตัดสินคดีในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 นั้น ระบุว่า
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ และเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการกระทำทุจริตต่อหน้าที่
ความเสียหายที่เกิดจากการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ผู้เป็นอาของ“มาดามแพทองโพย” รัฐต้องตามล้างตามเช็ดชดใช้หนี้คืนให้แก่ ธกส. ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยประมาณ 9.5 แสนล้านบาท จนถึงวันนี้ก็ยังชดใช้ไม่หมด โดยยังค้างชำระอยู่อีกประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งก่อนหน้าที่พรรคเพื่อไทยจะเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้น รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลทยอยชำระคืนไปแล้ว 7.8 แสนล้านบาท
ดังนั้น กรณีของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”จึงไม่ใช่เรื่องของโจรกระจอก หรือคดีมโนสาเร่ ที่“มาดามแพทองโพย”ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะดูดายทำเพิกเฉยไม่หือไม่อือเหมือนทองไม่รู้ร้อนได้
และถ้าหากว่า“มาดามแพทองโพย” มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ โดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัว และเห็นผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ก็ควจะต้องนำตัว“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นักโทษคดีทุจริตหนีอาญาแผ่นดินกลับมารับโทษทัณฑ์ให้ได้
ทั้งนี้ การติดตามหาตัว“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรแต่อย่างใด เพราะทุกวันนี้ไม่เพียงแต่คนไทยทั้งประเทศเท่านั้นที่รู้ว่ายิ่งลักษณ์ลั้ลลาอยู่ที่กรุงลอนดอน ในอังกฤษ แม้แต่“มาดามแพทองโพย”ก็เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า มีการโทรศัพท์คุยกับ“อาปู”ของเธอเป็นประจำ จะมีก็แต่ตำรวจไทยเท่านั้นที่ไม่รู้ว่ายิ่งลักษณ์หนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
สำคัญที่สุดก็คือ “มาดามแพทองโพย”เป็นผู้ทำลาย“หลักนิติรัฐและระบบยุติธรรม” เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัว อยู่เหนือผลประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง
จึงปล่อยให้นักโทษอาญาแผ่นดินที่ชื่อ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ลอยนวลอยู่ได้อย่างสบาย ซึ่งก็ไม่ต่างจาก“ทักษิณ ชินวัตร”มีโทษจำคุกแต่ก็ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี